วันรุ่งขึ้นหลังจุนห่าวกินมื้อเช้าเสร็จ ก็เดินตามความทรงจำของร่างเดิมไปยังจวนที่ท่านพ่ออยู่ ระหว่างทางจุนห่าวเดินอย่างไม่ได้ใส่ใจ ในความจริงเป็แล้ว เขามาสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนเวลาและจดจำไว้ จุนห่าวมีความเป็มืออาชีพ ถ้าไปที่ใด เขามักจะสำรวจสถานที่นั้นก่อนเสมอ
ระหว่างทางมีคนทักทายจุนห่าวเป็ครั้งคราว อย่าคิดว่าจุนห่าวปกติจะไม่มาปรากฏตัวที่คฤหาสน์ของตระกูลจุน แต่ชื่อเสียงของจุนห่าวกลับโด่งดังมาก คนในตระกูลจุนรวมถึงคนรับใช้ ต่างก็รู้ว่าเขาคือ บุตรชายผู้ไร้พร์ที่มีห้ารากิญญาของคุณชายรอง ในตระกูลใหญ่เช่นตระกูลจุน หากไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ก็คือ หายนะ สู้ออกไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในครอบครัวธรรมดาเสียจะดีกว่า
หลังจากที่จุนห่าวเดินผ่านไป คนรับใช้ทั้งสามก็รวมหัวกัน แอบกระซิบกระซาบว่า “ดูสิ นั่นสวะจุนห่าวล่ะ”
จุนห่าวทำเป็ไม่ได้ยินพร้อมไม่ใส่ใจ เขาจะใช่สวะหรือไม่ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ ปากอยู่บนเรือนร่างผู้อื่น พวกเขาจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป รอจนกว่าเขาบำเพ็ญเพียรได้สำเร็จ คนพวกนี้ก็คงจะหุบปากไปเอง จุนห่าวคิดว่าขณะนี้เขาคือ ผู้อ่อนแอ ผู้อ่อนแอจึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไร
เสี่ยวไป๋: จุนห่าวดูเหมือนความนิยมของเ้าจะไม่ค่อยดีนัก ครั้นเ้าเดินผ่านไป พวกเขาต่างบอกว่า เ้าเป็สวะ มนุษย์อย่างเ้านี่ช่างเสแสร้งจอมปลอมเสียจริง ต่อหน้าเ้า พวกเขาทักทายเ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอเ้าเดินไป กลับเปลี่ยนสีหน้าทันที และกล่าวว่าเ้าเป็สวะอีก
จุนห่าว: พวกเขาอิจฉาข้า จุนห่าวคิดในใจ เสี่ยวไป๋งี่เง่า ชอบโผล่มาเวลาแบบนี้ตลอดเลย
เสี่ยวไป๋: เหตุใดพวกเขาจะต้องอิจฉาเ้า อิจฉาที่เ้าเป็สวะอย่างนั้นรึ มนุษย์อย่างพวกเ้าช่างประหลาดสิ้นดี สวะอย่างเ้ามีอะไรให้อิจฉา ถ้าจะอิจฉาก็อิจฉาอัจฉริยะบุรุษที่สง่างามเยี่ยงข้านี่
จุนห่าว: ...... ไม่เคยเจอคนหลงตัวเองแบบนี้มาก่อน โอ้ เกือบลืมไป เ้าไม่ใช่คน แต่เป็เสือนี่
เสี่ยวไป๋: จุนห่าว เ้าอิจฉาข้าหรือเปล่า ข้าเดาว่าเ้าต้องอิจฉาข้าเป็แน่
จุนห่าว: ข้าอิจฉาอะไรเ้า เ้ามีค่าอะไรให้ข้าอิจฉาหรือ จุนห่าวพลางเดินพลางใช้จิตสำนึกสื่อสารกับเสี่ยวไป๋ ถึงแม้เสี่ยวไป๋จะไร้เดียงสาไปหน่อย แต่เขาก็เข้าใจสิ่งต่าง ๆ มากกว่าเขา จุนห่าวยอมรับในจุดนี้ แต่เขาจะไม่พูดกับเสี่ยวไป๋หรอก มิฉะนั้นหางของมันคงจะยกขึ้นสูงเสียดฟ้า ณ เวลานี้ก็หลงตัวเองมากพอแล้ว
เสี่ยวไป๋คุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอาย “เพราะข้ายิ่งใหญ่เกรียงไกร เพราะข้าเป็อัจฉริยะบุรุษที่สง่างาม เพราะเพราะข้ามีความสามารถปราดเปรื่อง”
จุนห่าว: เ้าเป็แค่ลูกบอลสีขาว ข้ายังมองไม่ออกเลยว่า เ้ามีข้อดีมากมายขนาดนี้ จุนห่าวกล่าวอย่างโจมตีให้เสี่ยวไป๋ต้องต่อสู้ด้วยอยู่ตลอดเวลา
เสี่ยวไป๋พึมพำอย่างไม่พอใจ “นั่นไม่ใช่เพราะเ้าหรือ เป็เพราะเ้าบำเพ็ญเพียรแย่เกินไป เพราะเ้าด้อยเสียเหลือเกิน”
จุนห่าวถามอย่างไม่เข้าใจ “เกี่ยวอะไรกับข้า เ้าเกิดมาเป็ยังไงก็เป็อย่างนั้น เ้ายิ่งไม่ใช่ลูกข้า เ้าเกิดมาด้อย ควรไปหาพ่อเ้าโน่น มาหาข้าทำไมกัน อีกอย่างหลังจากนี้เ้าห้ามพูดจาไร้สาระ หากหานรุ่ยเข้าใจผิดคงไม่ดีแน่
เสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เ้ากล้าบอกว่าพ่อข้าด้อยรึ หากเขารู้ เขาจะต้องชกเ้าจนฟันเ้าหลุดจากปากเป็แน่ แม้แต่หานรุ่ยก็จะจำเ้าไม่ได้
จุนห่าวยักไหล่อย่างไม่แยแสพลางพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเขาคงต้องมาพบกับข้าสักหน่อย จากนี้ไปหากได้พบไม่รู้ว่าใครที่จะเป็ฝ่ายชกใครให้ฟันหลุดจากปากกันแน่”
เสี่ยวไป๋พูดขึ้นว่า “ต้องเป็พ่อข้าแน่นอน ที่ชกเ้าจนฟันหลุดปากจนเกลี้ยง” เสี่ยวไป๋ยังคงเชื่อในศักยภาพของพ่อ เพราะพ่อเขาเป็ถึงาาเซียน
จุนห่าวกล่าว “เข้าเื่เลยละกัน ทำไมเ้าถึงบอกว่าข้ามีผลกระทบต่อเ้า”
เสี่ยวไป่: เพราะพลังปราณเ้าต่ำไง หากเ้าพลังปราณสูงส่ง พวกเราคงไปจากดินแดนขี้นกนี้ได้แล้ว ดินแดนผืนนี้มีกฎและข้อจำกัด พลังปราณสูงสุดจะหยุดแค่ลมปราณขั้นสิบสอง แต่ถ้าหากอยากเลื่อนขั้นขึ้นไป จะต้องออกจากดินแดนผืนนี้ ผู้ที่มีพลังปราณสูงส่งจะถูกควบคุมให้หยุดแค่ลมปราณขั้นสิบสอง พลังปราณของข้าในยามนี้ ต้องอาศัยความแข็งแร่งที่เพิ่มขึ้นของเ้าถึงจะเพิ่มขึ้นได้ ต่อให้เ้าฝึกลมปราณถึงขั้นสิบสองแล้ว ข้าก็ยังไม่อาจเข้าออกจากพื้นที่จำกัดในเทศะได้อย่างอิสระ และยิ่งไม่อาจแปลงร่างได้อย่างตามใจ ตอนนี้ทำได้แค่รักษาสถานะลูกบอลขน ๆ นี้ มีเพียงการหลุดพ้นจากพันธนาการในเทศะเท่านั้น ถึงจะสามารถฝึกตนได้
จุนห่าว: ข้ารู้แล้ว ข้าจะขยันและจะออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ร่างเ้าเป็อิสระ เขายังอยากช่วยหานรุ่ยตามหาครอบครัวอยู่ ดังนั้นการออกจากแผ่นดินนี้จึงเป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว
ณ จวนของจุนอี้เจิน
“ท่านพ่อ ไอ้สวะจุนห่าว ไม่กล้ามาหรือเปล่า! วันนั้นท่านไม่ได้เห็นว่ามันกำเริบเสิบสานเพียงใด ข้าว่าตอนนี้มันก็คงไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา บัดนี้มันช่างยโสโอหังนัก มิหนำซ้ำยังไม่ไว้หน้าใคร กล้ามาว่าใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์อย่างท่านแม่ได้” จุนหรูง่วนอยู่กับการกล่าวร้ายจุนห่าวให้จุนอี้เจินฟัง วันนั้นเขาอยากจะฟ้องในทันที แต่ครานั้นจุนอี้เจินได้กักตัวเพื่อฝึกตนแล้ว จนกระทั่งเมื่อวานนี้่เย็นได้ออกจากการกักตัว นี่จึงเป็สาเหตุที่จุนอี้เจินตามจุนห่าวให้มาพบในวันนี้
ในบรรดาบุตรของจุนอี้เจิน เขารักบุตรสามคนที่เกิดจากภรรยาเอกที่สุด สำหรับบุตรสามคนนี้แทบจะรักไปจนถึงกระดูก บุตรชายคนรองและบุตรชายคนที่สามแยกออกไปก็เพราะขัดแย้งกับบุตรชายคนโต จุนอี้ สุดท้ายจุนอี้เจินผู้ลำเอียงจึงจับแยก
“เขาเป็พี่สี่ของเ้า เลิกเรียกว่าสวะอะไรนั่นเถอะ” จุนอี้เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ ถึงเขาจะไม่ชอบจุนห่าว แต่จุนห่าวก็ยังเป็บุตรชายของเขา ชื่อเสียงของคนเป็พ่อย่อมไม่น่าฟังตามไปด้วย เพราะมีลูกแบบนี้ หลายปีมานี้เขาถูกคนอื่นเยาะเย้ย ซึ่งนี่ก็เป็อีกสาเหตุที่เขาไม่ชอบจุนห่าว จุนอี้เจินก็ไม่รู้ว่าเหตุใด นอกจากลูกทั้งสามของภรรยาเอกที่มีพร์ไม่เลวแล้ว ลูกคนอื่น ๆ กลับมีพร์ไม่ดี และด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้เขาลำเอียง
“เดิมมันเป็สวะไม่ใช่หรือ? เหตุใดคนอื่นเรียกได้ แต่ข้าเรียกไม่ได้” จุนหรูเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“เพราะข้าเป็พี่ชายเ้า พวกเราคือพี่น้องกัน ที่เ้าพูดหนึ่งคำสวะ สองคำก็สวะ คนอื่นจะมองว่าท่านพ่อสอนลูกไม่เป็ ถึงทำให้เ้าไม่รู้จักเคารพผู้ที่โตกว่าและล่วงเกินพี่ชายแบบนี้” จุนห่าวเอ่ยขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าคนไร้สมองอย่างจุนหรู จะกล้าเรียกเขาว่าสวะต่อหน้าจุนอี้เจิน ซึ่งเสมือนกำลังตบหน้าจุนอี้เจินอยู่
“ท่านพ่อ ข้ามาแล้ว ท่านตามข้ามา มีเื่อันใดหรือ” จุนห่าวถามอย่างรู้เท่าทัน มาเร็วไม่เท่ามาได้ถูกจังหวะ จึงได้ยินการสนทนาระหว่างจุนหรูและจุนอี้เจินพอดิบพอดี