หลังจากที่จุนห่าวซื้อที่นาิญญาและบ้านแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะย้ายออกไป เขายังคงเป็นายน้อยของตระกูลจุนและยังไม่ได้ตัดขาดจากตระกูล เื่ที่จะย้ายออกไป จึงยังพูดไม่ออก เขาคิดว่ารอให้เขาวางแผนที่นาิญญาให้ดีเสียก่อน ค่อยไปพบท่านพ่อเื่ขอแยกออกไปอยู่ พี่รองและพี่สามเคยขอย้ายออกจากคฤหาสน์ของตระกูลจุนจากท่านพ่อ่ไม่กี่ปีนี้ เขาคิดว่าเวลานี้หากอยากแยกตัวออกไปคงไม่ใช่เื่ยาก
ใน่เวลานี้จุนห่าวออกจากบ้านเช้าและกลับดึกอยู่เสมอ งานทุ่งนาไม่ได้มีมาก เขาจ้างคนในพื้นที่ทำงานแทน เขาแค่อยู่บริเวณที่นาทำหน้าที่คุมคนงาน เพียงแต่การเดินทางไปมาค่อนข้างไกล พื้นที่ของแผ่นดินใหญ่ชางหลานนั้นกว้างใหญ่ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ่นี้จุนห่าวเทียวไปเทียวมา โดยการขี่ม้าจี๋เฟิงที่เช่ามา ม้าจี๋เฟิงแสนจะเชื่อง จึงถูกฝึกได้ง่ายและกลายเป็พาหนะในการเดินทางสำหรับผู้คนบนแผ่นดินใหญ่ชางหลาน แม้ว่าในชื่อของม้าจี๋เฟิงจะมีคำแปลว่า ลมที่โหมกระหน่ำ ทว่ามีระดับต่ำ จึงเร็วกว่าม้าธรรมดาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจุนห่าวจึงเสียเวลาไปบนถนนซะส่วนใหญ่ หานรุ่ยเห็นว่า เขาลำบาก เพื่อเดินทางไปกลับ จึงบอกเขาว่า่นี้ไม่ต้องกลับมา และให้อยู่ค้างที่หมู่บ้านหลานอู แต่จุนห่าวไม่เห็นด้วย ยามนี้หานรุ่ยตั้งครรภ์เกือบเก้าเดือนและเป็ครรภ์แฝด แม้ว่ากำหนดคลอดจะยังเหลืออีกหนึ่งเดือน แต่ก็มีแนวโน้มคลอดก่อนกำหนด ทุกวันนี้จุนห่าวอยู่ข้างนอกอย่างไม่วางใจสักนิด เพราะเกรงว่าหานรุ่ยจะคลอดก่อนกำหนด เวลาจะทำอะไร ก็จะรีบทำ และรีบกลับ
ในวันนี้จุนห่าวกลับมาที่จวนอย่างเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอน ๆ จนฟ้ามืด จุนห่าวมองไปที่ตะเกียงในห้องนอนจากด้านนอกประตู จึงรู้ว่าหานรุ่ยยังคงรอเขาอยู่ ในใจของจุนห่าวนั้น รู้สึกอบอุ่นดั่งเปลวไฟ จุนห่าวรับรู้ได้ว่าการมีคนรออยู่เช่นนี้ ช่างรู้สึกดียิ่งนัก นี่คือบ้านของเขาที่มีภรรยาและลูก ๆ กำลังรอเขาอยู่
เป็อีกหนึ่งวันที่วุ่นวายของจุนห่าว หลังจากเห็นแสงไฟในห้องเขาดับลง เขาก็ผลักประตูเข้าไปอย่างเปี่ยมสุข และเดินเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว เมื่อหานรุ่ยเห็นจุนห่าวกลับมา ก็รู้สึกโล่งอกในบัดดล ทุกครั้งที่จุนห่าวกลับมามืดค่ำ หานรุ่ยจะเป็กังวล เกรงว่าจุนห่าวจะเกิดเหตุร้ายอยู่ข้างนอก จุนห่าวกลับมาเขาถึงจะรู้สึกวางใจ ตอนนี้ไม่เพียงแค่จุนห่าวที่ห่วงใยหานรุ่ย หานรุ่ยเองก็ห่วงใยจุนห่าวเช่นกัน สถานะของจุนห่าวในหัวใจของหานรุ่ยนั้น สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่หานรุ่ยไม่รู้ตัว
เมื่อหานรุ่ยเห็นจุนห่าวเข้ามาในห้อง เขาวางหนังสือที่อยู่ในมือพร้อมกล่าวขึ้นว่า “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เ้ากลับมามืดค่ำ ข้าจึงกินข้าวไปก่อนแล้ว ข้ายังเก็บข้าวไว้ในหม้อ เหลือข้าวไว้ให้เ้าด้วย เ้ารีบไปกินเสียเถอะ กลับมาค่ำขนาดนี้ ต้องหิวมากเป็แน่” เหตุผลที่หานรุ่ยรู้ว่าจุนห่าวยังไม่ได้กินอะไร ก็เพราะจุนห่าวบอกว่าเขาจะกลับมากินข้าวที่จวน แน่นอนว่าจุนห่าวไม่ได้ความหมายเช่นนี้ ความหมายจริง ๆ ของจุนห่าว คือ ถ้าไม่ได้มองเ้า ข้าก็กินข้าวไม่ลง ดังนั้น ไม่ว่าจะกลับมามืดค่ำขนาดไหน ข้าก็ต้องกลับมากินข้าวที่นี่ หลังจากฟังคำของจุนห่าว แม้ว่าหานรุ่ยจะรู้สึกเขินอาย ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความสุขล้น
“วันนี้ข้าทำธุระจนเสร็จเื่แล้ว ไม่ต้องกลับไปแล้ว รอจนลูกของเราคลอด แล้วค่อยย้ายไปที่นั่น ่ที่ผ่านมาข้าทำเ้าลำบาก” ตอนนี้จุนห่าวรู้สึกเสียใจที่เลิกจ้างคนรับใช้ทั้งหมดของเขา ยามที่เขาออกจากจวนไป จึงไม่มีใครดูแลหานรุ่ย
หานรุ่ยเข้าใจความหมายของจุนห่าว จึงกล่าวว่า “ข้าไม่เป็ไร เ้ากังวลจนเกินไป ตอนที่เ้ายังไม่มา ข้าก็ดูแลตัวเองโดยลำพังมิใช่หรือ? ครานั้นพลังปราณของข้าทั้งาเ็ ทั้งถูกทำลายจนไม่เท่าคนธรรมดาที่แข็งแรง ยามนี้ข้าเป็ผู้ฝึกปราณแล้ว แม้ว่าสองเดือนมานี้จะไม่ได้บำเพ็ญเพียรอะไรเลย แต่ของที่ข้ากินล้วนเป็ของดีที่มีพลังิญญา พลังปราณจึงเพิ่มพูนขึ้นไม่ช้ากว่าที่ข้าฝึกด้วยตัวเองเท่าไหร่ รอข้าให้กำเนิดลูกแล้ว ข้าจะบุกทะลวงเข้าสู่ลมปราณขั้นที่สอง ทั้งหมดก็เป็เพราะแรงกายแรงใจของเ้า” หานรุ่ยขอบคุณจุนห่าวอย่างตื้นตันใจ หากไม่ใช่เพราะจุนห่าวมาที่นี่ เขาก็คงจะยังเป็เพียงสวะที่สู้คนธรรมดาไม่ได้ด้วยซ้ำ และไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็อย่างไรบ้าง ครานั้นท่านปู่รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนที่มีชีวิตแตกต่างกัน จะนำไปสู่ชีวิตที่ดี กล่าวได้ว่าท่านปู่หาได้เข้าใจถึงจิตใจมนุษย์ไม่ การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจะมีชีวิตที่มีความสุขได้อย่างไร ั้แ่เขาแต่งงานมาจุนเจิ้นเทียนก็ไม่เคยติดต่อและดูแลเขาเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ชีวิตเพียงลำพัง ต่อให้เกิดเหตุอันใดขึ้นก็คงไม่มีใครรู้
จุนห่าวหวนคิดถึงเมื่อครั้นเขาเห็นหานรุ่ยครั้งแรกที่กำลังกินซาลาเปาและผัดผัก แม้ว่าหานรุ่ยจะกล่าวว่าเขากินเช่นนี้ เพื่อประหยัดแรงในการทำอาหาร และตอนนั้นเขามีเงินอยู่เพียงเล็กน้อย หรือเพราะตัวเขาี้เี จึงไม่อยากทำของอร่อย ยามนี้พอจุนห่าวฉุกคิดขึ้นมายังรู้สึกเ็ป
“จากนี้ไปข้าจะไม่ทิ้งให้เ้าอยู่ในจวนคนเดียวอีก” จุนห่าวได้ฟังหานรุ่ยแล้ว ก็กล่าวประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอ
“ได้ จากนี้ไปข้าจะติดตามเ้า เ้าอยู่ข้างนอกเพียงลำพังข้าก็ไม่วางใจ” หานรุ่ยพูดขึ้น รอให้คลอดลูกเขาก็จะช่วยจุนห่าวได้แล้ว ออกไปข้างนอกสองคน ย่อมปลอดภัยกว่าออกไปคนเดียว
“ข้า… เ้ามีอะไรไม่วางใจหรือ บัดนี้ข้ามีเ้าและลูก ข้าหวงแหนชีวิตเป็ที่สุด และข้าจะไม่ปล่อยให้ตนเองเกิดเื่อันใด” ในอดีตจุนห่าวไม่มีอะไรให้ต้องห่วง จึงเป็คนไม่รักตัวกลัวตาย แต่ยามนี้มีห่วงแล้ว กลับกลัวตายอย่างยิ่งยวด
จุนห่าวเก็บข้าวของและยกสำรับเข้ามาในห้องนอน กินข้าวไปพลาง คุยกับหานรุ่ยไปพลาง “ใช่แล้ว วันนี้คนของพ่อเ้ามาที่นี่ บอกให้พรุ่งนี้เ้าไปพบ ข้าบอกว่าเ้าไม่อยู่ เขาจึงฝากข้ามาบอกเ้า กลัวว่าพรุ่งนี้เ้าจะลืม เ้าไปพบด้วย” หานรุ่ยเอ่ยขึ้น
“ให้ข้าไปพบ โดยไม่แจ้งเื่อะไรเลยเหรอ” จุนห่าวเอ่ยถาม เขามาที่นี่สองเดือนกว่าแล้ว นอกจากจุนหรู ก็ไม่เคยเจอญาติของร่างเดิมมาก่อน พอนึกถึงจุนหรู จุนห่าวก็พอจะเดาได้แล้ว
“ไม่มีเลย ท่าทีหยิ่งยโสโอหัง พอข้าถามก็ไม่บอกอะไร” หานรุ่ยกล่าว คนรับใช้นั้นหยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก จนหานรุ่ยี้เีที่จะสนใจ เพราะเป็เพียงแค่คนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง
“จุนหรูต้องบอกเื่ของข้าเป็แน่ ท่านพ่อคงเตรียมระบายความแค้นให้กับลูกชายน้อย ๆ ของเขา ถึงได้เรียกพบข้า” ในความรู้สึกของจุนห่าว ท่านพ่อของร่างเดิมไม่ได้สนใจไยดีร่างเดิมอย่างถึงที่สุด ไม่เคยเป็ฝ่ายขอพบหน้าร่างเดิมเลย ร่างเดิมจะได้พบท่านพ่อก็ต่อเมื่อมีงานรวมตัวของตระกูลเท่านั้น
“เดี๋ยวเจอก็รู้เอง” หานรุ่ยพูดขึ้น ในความคิดของหานรุ่ย พ่อของจุนห่าวลำเอียงอย่างที่สุด และไม่คุ้มเลยที่พวกเขาจะมานึกถึงเขา
“ใช่ ตอนนี้คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ แม้นภากว้าง พื้นพสุธาใหญ่เพียงใด แต่การนอนยิ่งใหญ่ที่สุด เรานอนกันเถอะ” จุนห่าวเอ่ย เขาชอบเวลานอนข้ามคืนที่สุดแล้ว