นางส่งเด็กน้อยในอ้อมกอดไปให้กับหญิงสาวที่อยู่ข้างตัว เมื่อนางยิ้ม ริ้วรอยที่ประดับเต็มใบหน้านั้นก็ยิ่งมองเห็นชัดขึ้น
รอยยิ้มนั้นทำให้เฉินเนี้ยนหรานคิดถึงคนที่พยายามจะขายตัวเองออกทันที เป็แม่เล้าแน่นอน!
เฉินหนิงซื่อรีบดึงยายเฒ่าคนนั้นมาด้านข้าง “ใช่เ้าค่ะ ใช่ นี่คือลูกสาวคนที่สี่ของครอบครัวเรา”
“ลูกสาวของเ้าคนนี้ไม่เลวเลยนะ ข้าดูแล้วนางคงจะได้ไปที่เมืองหลวงแน่นอน ที่นั่นเป็ที่ที่สามารถสร้างอนาคตได้ดีเลยล่ะ การค้าของข้าก็ใหญ่โตที่นั่น ต้องคนที่ดีที่สุดเท่านั้นถึงจะไปได้”
หัวใจของเฉินหนิงซื่อพลันเบิกบานทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ เมืองหลวงเป็ที่ที่พวกนางไม่กล้าแม้แต่จะคิด ได้ยินว่าโอรสแห่ง์ก็พักอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง ต่อไปลูกสาวคนนี้จะได้ไปอยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าหากมีผลงานดี พวกนางก็สามารถไปเปิดหูเปิดตาได้
แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็ต้องได้เงินดีด้วย
“แน่นอน รูปร่างหน้าตาของลูกสาวข้าคนนี้มันดีอยู่แล้ว เพียงแต่ข้ามีเื่หนึ่งที่จะต้องบอกกับท่านก่อน ลูกสาวของข้า ก่อนหน้านี้นางเพิ่งจะเป็หญิงอุ่นเตียงมา…”
ยายเฒ่าสวี่พอได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักไป ก่อนจะเปลี่ยนเป็ความหงุดหงิด ต้องรู้ว่าสตรีที่ยังบริสุทธิ์กับเสียพรหมจรรย์ไปแล้วนั้นราคาต่างกันคนล่ะระดับเลย เหล่าขุนนางที่เมืองหลวงนั้นรักชอบสตรีที่สะอาด ถึงจะเอานังเด็กนี่ไปใส่ตะกร้าล้างน้ำ สั่งสอนอีกสักเท่าไร ทว่าต่อไปก็ทำกำไรได้ไม่มากอยู่ดี
แม้จะหงุดหงิด แต่นางก็ถูกใจเฉินเนี้ยนหราน จึงคิดจะไปคุยเื่ราคากับเฉินหนิงซื่อเงียบๆ
ในตอนนั้นเอง เฉินเนี้ยนหรานก็เปรยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่เร่งรีบและไม่ช้าจนเกินไป “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านย่าก็อายุมากแล้ว ลูกอยากจะดูแลท่าน พอผ่านไปหนึ่งปีค่อยกลับไปหางานทำก็ได้นะเ้าคะ”
พูดพลางเดินมาทางพวกนางสองคน เฉินหนิงซื่ออยากจะคุยเื่ราคากับยายเฒ่าสวี่ก็ทำไม่ได้
เมื่อไม่มีทางเลือก เฉินหนิงซื่อทำได้แค่ยิ้มสดใสและกล่าวลายายเฒ่าสวี่
“ครอบครัวสกุลเฉิน ขอแค่ลูกสาวของเ้าได้ไปทำงาน ข้ารับรองว่าจะทำให้ครอบครัวของเ้าได้เงินยี่สิบก้วน”
เฉินจื่อทงได้ยินคำว่ายี่สิบก้วนตาก็ลุกวาว ยี่สิบก้วน จะมากมายเท่าไรกัน?
ตอนที่ขายเฉินเนี้ยนหรานให้กับสกุลโจวก็ได้มาแค่สิบก้วนเท่านั้น ยามนี้โชคดีแค่ไหน แค่ยายเฒ่าคนนี้เอ่ยปากก็ให้ตั้งยี่สิบก้วนแล้ว!
สองสามีภรรยามองตากัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะกังวลว่าเฉินเนี้ยนหรานอยู่ตรงนี้ด้วย พวกเขาก็อยากจะให้ยายเฒ่าเอาลูกสาวไปเสียตอนนี้เลย
ทว่าเฉินเนี้ยนหรานกลับพูดออกมาเรียบๆ ว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ชาตินี้ทั้งชาติลูกจะไม่แต่งงานกับใคร และจะไม่ทำงานที่บ้านของคนมีเงินด้วยเ้าค่ะ”
นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบมาก แต่ดวงตาเย็นเยียบทั้งสองข้างกลับทำให้เฉินหนิงซื่อที่อยากจะพ่นคำดุด่าออกมาต้องกลืนมันกลับไปอย่างน่าประหลาด แม้แต่เฉิงจื่อทงที่สบสายตาของลูกสาวตัวเองก็เย็นวาบไปทั้งตัว รู้สึกว่าหลังจากออกมาจากจวนสกุลโจว ลูกสาวคนนี้กลับเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
“ยายเฒ่าสวี่ วันหลังข้าค่อยมาหานะ วันนี้ข้าขอกลับบ้านก่อน”
เฉินหนิงซื่อรีบพูดประโยคนี้ออกไป ตัดสินใจแล้วว่าเมื่อกลับเรือนไป จะอย่างไรก็ต้องบังคับให้นางตอบรับให้ได้
ยายเฒ่าคนนั้นก็เป็คนฉลาด ถึงแม้นางจะรีบใช้คนแต่ก็เข้าใจ มีสตรีบางคนที่บังคับไม่ได้ ถึงตอนนั้น แม้จะสามารถบังคับพวกนางให้ตอบรับได้ แต่หากต่อไปคิดสั้นเอามีดปาดคอตัวเอง เช่นนั้นนางก็ขาดทุนย่อยยับน่ะสิ
นางเป็เพียงแม่ค้าคนกลางที่รับซื้อเด็กสาวยากจน ก่อนจะเอาไปขายให้กับแม่นมฝึกสอนในเมือง หากยินยอมแต่โดยดี เช่นนั้นค่าตอบแทนก็ยังพอรับได้ แต่หากเด็กสาวที่รับมาเอามีดปาดคอตาย เช่นนั้นก็คงเสียหายขาดทุนหนัก
ธุรกิจค้าขายเล็กๆ ของนางก็คงอดที่จะวุ่นวายขึ้นมาไม่ได้
ในตอนที่กำลังจะบอกลากันนั้น นางก็ลากเฉินหนิงซื่อมาด้านข้างแล้วพูดกำชับว่าจะต้องตกลงกันให้ได้ด้วยความเต็มใจแล้วนางถึงจะรับ ถ้าหากไม่เป็เช่นนั้น นางก็ไม่กล้าที่จะให้เงินง่ายๆ
“ท่านแม่ ขนมนี่หน้าตาน่ากินทีเดียว ข้าอยากทานดูเหลือเกิน” ตอนที่เดินผ่านร้านขนม เฉินเนี้ยนร้านก็หยุดเดิน
เฉินหนิงซื่อมองขนมที่ว่านั่น เป็ขนมลูกเต๋าไส้ถั่ว ราคายี่สิบอีแปะ นางใจนอยากจะสั่งสอนลูกสาวเสียเดี๋ยวนั้น แต่กลับชะงักเมื่อคิดได้ว่าลูกสาวคนนี้สามารถแลกเป็เงินยี่สิบก้วนได้
สุดท้ายเพื่อยี่สิบก้วน เฉินหนิงซื่อจึงยอมกัดฟันซื้อ “ได้ ถ้าลูกแม่อยากกิน แม่…จะซื้อให้เ้า”
ตอนที่เดินออกมาจากร้าน เงินติดตัวเฉินหนิงซื่อที่เหลืออยู่ในเชือกครึ่งเส้นตอนนี้ก็หมดไปแล้ว
สิ่งที่แลกมานั้น แน่นอนว่าเป็ขนมที่อยู่ในถุงน้ำมัน
พูดตามความจริงแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็ไม่ได้อยากจะกินขนมนี่สักเท่าไร เธอก็แค่อยากจะสั่งสอนมารดาที่รู้จักแต่ขายลูกตัวเองเท่านั้นเอง
ขนมพวกนี้จะไปเทียบกับอาหารที่จวนสกุลโจวได้อย่างไร แต่ว่ามีก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ
เฉินหนิงซื่อเดินอยู่ในถนนเล็กๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจอยู่ในใจ
นางปรายตาไปมองลูกสาวคนที่สี่ของตน รู้สึกว่าลูกคนนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆ เพราะว่าขายออกไปนับได้เป็เวลาถึงปีกว่าๆ แล้ว จึงคิดได้แค่ว่าเพราะการใช้ชีวิตในจวนสกุลโจวทำให้นิสัยของนางเปลี่ยนไปมาก เพราะเหตุนี้ตนจึงปัดความคิดว่าเฉินเนี้ยนหรานถูกผีสิงร่างออกไป
ก่อนที่จะมาถึงหมู่บ้าน เฉินหนิงซื่ออยากจะซ่อนลูกสาวแต่กลับยากที่จะทำได้ ตลอดทางเจอกับคนในหมู่บ้านที่คุ้นเคยเข้ามาทักทายมากมาย สายตาแต่ละคนต่างมองไปยังเฉินเนี้ยนหราน
“โอ้ เ้าสี่สินะ คิดไม่ถึงเลยว่าไปทำงานอยู่ในเมืองมาปีกว่ากลับเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ ในครอบครัวตอนนั้นก็มีแค่เ้าสี่เท่านั้นที่คิดว่างามที่สุด ตอนนี้นับเวลาแล้ว เพิ่งจะออกไปแค่ปีกว่า แต่ยิ่งโตแล้วยิ่งสวยเหมือนกับภาพวาด ถ้าหากไม่ได้เดินกับน้องเฉินล่ะก็ ข้าก็นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย”
คนที่เข้ามาทักคือหญิงวัยกลางคนสีหน้าทะมึนอยู่นิดหน่อย พอเห็นเฉินเนี้ยนหรานก็สนใจขึ้นมา ตัวคนถูกสนใจก็หัวเราะเบาๆ แย่หน่อยที่เธอไม่รู้ว่าคนพวกนี้ชื่อว่าอะไร ดังนั้นจึงทำได้แค่เรียก “ท่านป้า…”
หญิงวัยกลางคนคนนั้นได้ยินเนี้ยนหรานเรียกตนว่าป้าก็ถึงกับชะงักไปนิดหน่อย “เ้าสี่ ข้าเป็ป้าสะใภ้ของเ้า”
การแก้คำเรียกกลับมานี้ทำเอาเฉินเนี้ยนหรานเหงื่อตก แต่ว่าป้าสะใภ้คนนี้เหมือนจะเป็กันเอง เห็นท่าทางย่ำแย่ของเธอก็หัวเราะ ก่อนจะเดินเข้ามาจูงมือเธอ “ไปกันเถอะ ไปคุยในเรือนข้ากันสักหน่อย จะได้ไปเยี่ยมย่าของเ้าด้วย”
เฉินเนี้ยนหรานซาบซึ้งและพูดคุยกันอยู่นาน คนคนนี้คือป้าสะใภ้ที่ถือว่ายังพอจะทำดีกับเธอตามคำบอกเล่าที่สาวใช้สกุลเฟิงเคยบอกเธอ
ได้ยินมาว่าในบรรดาคนของสกุลเฉินนี้ มีป้าสะใภ้ใหญ่ที่ถือว่าเป็คนดีอยู่
พูดไปแล้ว ถึงย่าจะดีกับเธอมาก แต่อย่างไรท่านก็เป็คนที่อ่อนแอ ร่างกายก็ไม่แข็งแรง ป่วยด้วยโรคเรื้อรังหลายโรค ก่อนหน้านี้ได้อาศัยอยู่กับเฉินจื่อทง ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำไมย่าถึงได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านของพี่สะใภ้ ดูเหมือนว่าหลังจากเธอจากไปหนึ่งปีก็เกิดเื่ขึ้นมาไม่น้อย
ในเมื่อท่านป้าสะใภ้ดีกับตัวเอง เช่นนั้นก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ เฉินเนี้ยนหรานยิ้มรับแล้วไปอยู่ที่บ้านของเฉินกวนซื่อ
เฉินหนิงซื่อพอเห็นดังนั้นก็รีบห้าม “เสี่ยวหราน กว่าเ้าจะได้กลับมาบ้าน พวกน้องๆ ที่เรือนต่างบ่นคิดถึงเ้าอยู่นะ ทางบ้านท่านป้าน่ะ วันหลังค่อยมาหาก็ได้”
ท่านป้าสะใภ้ใหญ่พอได้ยินก็เท้าเอวอย่างไม่ค่อยเต็มใจ อีกทั้งยังยิ้มเยาะนาง “ข้าว่านะน้องสะใภ้ ลูกๆ ของเ้าจะคิดถึงเสี่ยวหรานกันสักเท่าไหร่เชียว! อย่างไรก็สู้ป้าสะใภ้อย่างข้าที่ไม่ได้เจอนางมาเกือบสองปีแล้วไม่ได้หรอก วันนี้คงให้ไปกับเ้าไม่ได้ เสี่ยวหรานจะต้องไปบ้านข้า จะได้ไปหาท่านย่าของนางด้วย”
ท่านย่าล้มป่วย ตอนนี้หลานสาวที่ออกไปทำงานด้านนอกกลับมาแล้วต้องไปเยี่ยมคนชราเสียหน่อย ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่สามารถแย้งได้
ถึงเฉินหนิงซื่อจะไม่เต็มใจ แต่ในตอนนี้ก็ยากที่จะห้าม
ด้วยเหตุนี้เฉินเนี้ยนหรานจึงถูกท่านป้าสะใภ้ใหญ่จูงมือกลับบ้านไปอย่างเป็กันเอง
ว่ากันไปแล้วท่านป้าสะใภ้ใหญ่เองก็อยู่ที่บ้านน้อยมาก แม้แต่ท่านย่าสกุลเฉินเองก็เพิ่งจะถูกนางรับกลับมาดูแลที่นี่
จากที่เฉินเนี้ยนหรานรู้มาทั้งหมด ท่านลุงกับท่านป้าสะใภ้มักจะออกไปทำงาน เมื่อหลายปีก่อนก็มักจะรับทำงานอยู่ด้านนอกตลอด
ต่อมาท่านลุงก็เลือกที่จะออกไปขายของข้างนอกจนค่อยๆ มีเงินเก็บขึ้นมา ทั้งยังเปิดร้านเล็กๆ ทำธุรกิจอยู่ในเมือง
ตอนที่เฉินเนี้ยนหรานออกจากบ้านไป ท่านลุงเพิ่งจะเปิดร้าน
ก่อนหน้านี้คิดจะมารับท่านย่าอยู่หลายรอบ คิดจะพานางไปอยู่ในเมืองด้วยกัน เพียงแต่ตอนนั้นท่านย่าคอยไล่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่อยู่ตลอดว่า หากนางตายไปแล้วก็ให้ฟังคำสั่งของลูกชายนางแทน
สิ่งที่เรียกว่าอยู่บ้านให้เชื่อฟังสามี สามีตายก็ให้เชื่อฟังลูกชาย ต้องเชื่อฟังคำพูดของชายหนุ่มที่บรรลุนิติภาวะที่สุด และท่านย่าก็เหมือนจะเป็เช่นนั้น นางทำตามหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุดมาตลอด
ลูกสะใภ้ใหญ่จะพยายามพูดอย่างไร นางก็ยังคงทำเหมือนเดิม ถึงแม้ลูกจะกินน้ำแกงผักป่า นางก็จะกินตามลูก…
ครั้งนี้ถูกท่านป้าสะใภ้ใหญ่รับกลับไป ข้างในเกิดเื่อะไรขึ้นมา เฉินเนี้ยนหรานก็ไม่สามารถรับรู้ได้
มือของเธอถูกท่านป้าสะใภ้ใหญ่จับเอาไว้ ตลอดทางนางก็คอยพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ซึ่งเื่ที่ถามก็มีแต่เื่ตอนที่เธออยู่ในจวนสกุลโจว
จะต้องพูดว่าจวนสกุลโจวนั้นเป็ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมือง คนที่ทำธุรกิจเล็กๆ อย่างป้าสะใภ้ใหญ่ ก็ได้ยินเพียงแค่คนอื่นพูดต่อๆ กันมา แต่กลับไม่เคยพบเห็น
เฉินเนี้ยนหรานเองก็เลือกเื่ที่น่าสนุกขึ้นมาพูด ทั้งสองคนจึงกลับมาถึงเรือนอย่างอารมณ์ดี
เข้ามาในเรือน ป้าสะใภ้ใหญ่ก็พาเธอไปที่ห้องทางด้านซ้าย “ท่านแม่ วันนี้หลานสี่ที่ท่านบ่นถึงกลับมาแล้วนะ”
พูดจบก็หันกลับมาดันเฉินเนี้ยนหรานเดินไปข้างหน้า “ไปเร็ว ไป ย่าของเ้าร้อนใจจนเกือบตายเลยนะ ตอนที่ได้ยินเ้าถูกขายไปก็โกรธจนส่งจดหมายมาหา ให้ป้ามารับท่านไปอยู่ด้วยเลย”
เฉินเนี้ยนหรานชะงักไปราวกับคาดไม่ถึง คุยกันอยู่นาน ที่แท้ที่ท่านย่าคนนี้ออกจากบ้านของพ่อของร่างเดิมก็เพราะว่าเธอถูกขายไป สุดท้ายด้วยความโกรธหญิงชราจึงให้ท่านป้าสะใภ้มารับตัวไป แต่ว่าทำไมถึงยื้อเวลาเอาไว้ถึงปีกว่าถึงได้มารับไปล่ะ คาดว่าเรือนหลักของพ่อเธอจะต้องมีแผนอะไร เื่ถึงได้ไม่ราบรื่น
หญิงชรานอนพิงอยู่ขอบเตียง เปลือกตาเปิดปรืออยู่เพียงครึ่ง พอได้ยินว่าเฉินเนี้ยนหรานกลับมาแล้วดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างลืมตาขึ้นทันที
นางจ้องเฉินเนี้ยนหราน มือไม้สั่น ก่อนจะออกเสียงเรียกออกมา “เสี่ยวหรานผู้แสนอาภัพของข้า…”
ได้ยินคำเรียกที่เต็มไปด้วยความรักความสงสาร ใจของเฉินเนี้ยนหรานบังเกิดความเ็ป ก่อนหน้านี้ถูกคนรังแก ถูกคนพูดถึงอย่างไร เธอก็มักจะยิ้มแล้วปล่อยผ่านไป
แต่ ณ วินาทีนี้ เพียงถูกหญิงชราร้องเรียก กลับทำให้ใจของเธออ่อนยวบ
น้ำตาไหลออกมาอย่างยากที่จะควบคุม เธอเดินโซเซไม่กี่ก้าวก็พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหญิงชรา กอดคอของนางร้องไห้สะอื้น “ท่านย่า…”
หญิงชรายกมือสั่นๆ ขึ้นมากอดหลานสาวไว้ เดิมทีตนก็ป่วยอยู่แล้ว แต่ตอนที่ได้โอบกอดร่างนี้ กลับนึกอยากที่จะเอานางเข้ามาปกป้องไว้ข้างตัว
“เสี่ยวหรานผู้อาภัพของย่า มันน่าโมโนักที่ย่าเพิ่งจะได้ยินเื่ของไอ้คนชั่วช้าทีหลัง รอจนข้ามาถึง พวกชั่วนั้นก็เอาเ้าไปขายเสียแล้ว ย่าไร้ประโยชน์นัก หลานสาวของย่าดีขนาดนี้ ไอ้เ้าชั่วร้ายนั่นก็ยังทำลายกันได้ลง”