นางจะไม่ช่วยเขาเพราะนางไม่้าของสิ่งนี้จึงเลือกที่จะปฏิเสธไป
ปฏิเสธโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ต้วนชิงิควบคุมอารมณ์ค่อยๆ ส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ของสิ่งนี้ ข้าช่วยเ้าไม่ได้เ้าเดินไปตามทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะพบทางออก เมื่อถึงยามเหมา[1] ผู้ดูแลจวนจะมีการเปลี่ยนเวร ให้เ้าใช้โอกาสนี้หนีออกไป”
ต้วนชิงิพูดจบจึงเดินออกจากถ้ำไปด้วยท่าทางสง่างาม
เวลาผ่านไปจนดึกดื่นแสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบพื้นในวันไหว้พระจันทร์ที่หนึ่งปีจะมีเพียงครั้งแต่การกลับชาติมาเกิดและเส้นทางการแก้แค้นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น!
ความจริงแล้วเมื่อครู่ต้วนชิงิได้ชั่งใจแล้วนางรู้ว่าถ้ารับของชิ้นนั้นมา นางจะต้องกลายเป็พวกเดียวกันกับ ‘อวี่เิ’ และวันข้างหน้านางอาจขอใช้อำนาจของอีกฝ่ายเพื่อช่วยเื่ของนางได้
แต่นี่เป็แค่เพียง ‘การคาดเดา’ และ ‘ความน่าจะเป็’เท่านั้น
สิ่งเหล่านี้เป็เหมือนก้อนเมฆและสายรุ้งดูเหมือนจะสำเร็จได้โดยง่ายซึ่งความจริงคงเป็ไปได้ยากแต่ภัยที่จะตามมานั้นจริงแท้แน่นอน!หากจะเปรียบกับเส้นทางยังต้องมาถึงทางแยกเข้าสักวัน จิตใจของคนก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเช่นกันหากนางเอาของไปมอบให้คนผู้นั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็เป็ได้การเลือกเส้นทางนี้สำหรับนางจึงเสี่ยงเกินกว่าจะเอาตัวเองเข้าไปแลกกับสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาไม่สู้เอาเวลาไปคิดวางแผนเสียดีกว่า
การกลับชาติมาเกิดใหม่ของต้วนชิงิครั้งนี้นางจึงปฏิเสธทุกความเสี่ยงหากเป็ไปได้นางจะไม่เลือกสิ่งที่อาจจะเป็อันตรายต่อนางทั้งคน สิ่งของรอบข้างแม้กระทั่งของที่เคยมีในชาติที่แล้วก็ตาม
ทว่าทุกเื่ราวทุกผู้คนคงไม่สมดังใจเสมอ
เพราะนางเลือกที่จะไม่รับธนูชวนเย่ว์กงจึงพลาดโอกาสแต่หากชะตาฟ้าลิขิตแล้ว มีหรือว่าของชิ้นนี้จะไม่กลับมาอยู่ในมือของนางอีก?
ไม่มีใครล่วงรู้คำตอบนั้น!
ด้านหลังต้วนชิงิชายชุดดำถึงกับตะลึงและใช้มือกำธนูชวนเย่ว์กงแน่นจนเืไหลลงมาที่ปลายนิ้วดวงตาโหลลึกดำขลับแสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวเป็ที่สุด
นางบอกแล้วว่านางไม่้ามัน
นางไม่สนใจของล้ำค่า? ยอมทิ้งโอกาสดี แต่ก็เท่ากับละทิ้งซึ่งภัยอันตราย
ปฏิเสธไม่ได้ว่านางเลือกได้ชาญฉลาดมากเสียจนหาตัวจับได้ยาก
ต้วนชิงิทำหน้าเคร่งขรึมเดินออกจากถ้ำเจี่ยซานแสงจันทร์ตกกระทบลงมาบนร่างของนาง เผยให้เห็นด้านที่สวยงามอ่อนโยนยากที่จะบรรยายออกมา
ทว่าเืยังคงไม่หยุดไหล!
กลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวาลอยมาตามลมคล้ายชำระกลิ่นคาวเืรอบตัวต้วนชิงิรวมทั้งพัดเอาความรู้สึกที่หนักอึ้งในใจออกไป นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางถอนหายใจก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมา ในเมื่อกลับมาเกิดใหม่แล้ว เื่ราวทั้งหมดอาจเปลี่ยนไปเช่นนั้นก็เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดแล้วกัน
เนื้อตัวสกปรกทั้งผมแลดูยุ่งเหยิงทำให้ต้วนชิงิไม่มีกะจิตกะใจในการเดินเล่นอีกแล้วนางจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกคอปิดาแไว้แล้วจึงเดินพาเซี่ยเฉ่าเอ๋อร์ที่ใจนร้องไห้กลับห้อง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราก็กลับกันเถอะ”
ค่ำคืนวันไหว้พระจันทร์ที่ต้วนชิงิได้ปรากฏตัวอย่างเต็มตัวหลิวหรงน่าจะรู้ั้แ่แรก ทว่าผ่านมาสามวันนางก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
ต้วนชิงิเดิมทีรอหลิวหรงมาหาเื่ถึงห้องนางจะได้ตอกกลับไป แต่ใครจะไปคิดว่าเช้านี้กลับเป็ต้วนอวี้หรานมาชวนนางไปเดินตลาด
วันนี้ต้วนอวี้หรานแต่งตัวอย่างเอิกเกริกชุดกระโปรงยาวสีม่วง ทุกก้าวเยื้องย่างจนปิ่นที่ปักอยู่บนหัวหลายอันส่ายไปมานางคิดว่าทำแบบนี้แล้วดูงดงามแต่ในสายตาต้วนชิงิกลับคิดว่าไร้เดียงสาเป็ที่สุด
ความงดงามที่แท้จริงไม่ได้มาจากเครื่องประดับล้ำค่าแต่กลับเป็จิตใจที่สะอาดและท่าทีที่สุขุมไม่ใช่อย่างต้วนอวี้หรานที่กลัวว่าของล้ำค่าในแผ่นดินจะหามาใส่หัวตัวเองไม่ได้
นางรู้สึกเหนื่อยแทนต้วนอวี้หรานเสียจริง
ต้วนอวี้หรานเดินผ่านประตูมาก็เข้ามาจับมือต้วนชิงิตามอำเภอใจร้องอยากจะไปเดินเล่น ต้วนชิงิหัวเราะตอบรับไปในเมื่อต้วนอวี้หรานเสแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรนางก็ไม่จำเป็ต้องแสดงท่าทางที่โกรธแค้นกลับไป
แววตาของต้วนอวี้หรานคลายลงราวกับมีความโล่งใจเมื่อต้วนชิงิตอบรับดูท่าแล้วหากต้วนชิงิไม่ออกไปด้วย นางคงพลาดอะไรสักอย่างไป
ต้วนชิงิมองท่าทางต้วนอวี้หรานด้วยสายตาเ็านางหัวเราะเล็กน้อย เช่นนี้ก็ดี ต้วนอวี้หราน!...ข้ากำลังนึกอยู่เชียวว่าจะหาโอกาสไหนสั่งสอนเ้าใครจะไปรู้ว่าวันนี้เ้าจะมารนหาเื่ถึงที่
ต้วนชิงิรีบเก็บข้าวของออกไปกับต้วนอวี้หรานพร้อมแม่นมเถียนและเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์
ในเมื่อรู้ว่าแม่นมเถียนเป็คนของต้วนอวี้หรานเช่นนั้นจะให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันหากเกิดเื่อะไรขึ้นแล้วไม่ได้ให้สองคนนี้เป็คนรับเคราะห์นางจะมีความสุขได้อย่างไร
รถม้าใกล้ถึงตลาดน่าวซื่อต้วนอวี้หรานมีท่าทางผิดปกติ ถามนู้นถามนี่กับต้วนชิงิตลอดทาง
นางทำเป็ลืมตาข้างหลับตาข้างไม่ว่าต้วนอวี้หรานจะถามอะไร นางก็จะพยักหน้าตอบอย่างขอไปที ยิ่งถูกคาดคั้นมากเข้าก็เลือกที่จะตอบคำถามให้น้อยคำที่สุด
เมื่อต้วนอวี้หรานเห็นว่าต้วนชิงิไม่คึกคักนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายแต่พอหันไปเห็นสายตาของแม่นมเถียนที่อยู่ด้านข้าง นางก็จะยิ้มและชวนต้วนชิงิคุยต่อไป
ต้วนชิงิหาวขึ้นมาเพราะรู้สึกง่วงเหมือนไม่มีแรงจะมาสนใจเื่ที่นางชวนคุยต้วนอวี้หรานกระทืบเท้าพลางมองไปที่ต้วนชิงิเหมือนพร้อมจะะเิออกมาด้วยความโกรธ
ทางด้านแม่นมเถียนเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงหันไปทางต้วนชิงิ “คุณหนูใหญ่เ้าคะ คุณหนูรองชวนคุณหนูใหญ่คุย แต่คุณหนูกลับไม่สนใจเลยคุณหนูรองคงเสียใจมากนะเ้าคะ ”
ต้วนชิงิหัวเราะอย่างเ็าพลางนึกขึ้นมาในใจตกลงว่า...เ้าเป็แม่นมของใคร ถึงกล้าช่วยพูดให้กันขนาดนี้!
ต้วนชิงิหัวเราะพลางหันไปทางแม่นมเถียน “แม่นมพูดเช่นนี้หมายความอย่างไรน้องสาวเห็นข้าก็มีท่าทีร่าเริงทั้งยังลากข้ามาด้วยอีกพูดเช่นนี้ไม่รู้หรือว่าข้าอาจจะเสียใจได้”
ได้ฟังต้วนชิงิพูดนางถึงกับนิ่งไป
ต้วนอวี้หรานเห็นเช่นนั้นจึงไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยด้วยอีกได้แต่หันหลังกลับไปไม่สนใจต้วนชิงิ
เมื่อน้องสาวต่างมารดาไม่มายุ่มย่ามนางจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ใกล้ถึงตลาดน่าวซื่อ...ทันทีที่รถม้าจอดสนิทต้วนอวี้หรานพลันร่าเริงขึ้นมาอีกครั้งนางขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะโดนแย่งลงรถม้า “พี่สาว ข้าขอลงก่อน”
ด้วยความสูงของรถม้าทำให้นางต้องเหยียบเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อลงไปถึงพื้นทางเดิน
“คุณหนูรอง ช้าหน่อยเ้าค่ะ”แม่นมเถียนพูดขึ้นอย่างรีบร้อนตามต้วนอวี้หรานลงไปโดยไม่ตั้งใจ
ต้วนชิงิยืนมองทั้งสองคนจากบนรถม้าก็ยิ้มขึ้นอย่างเ็าแม่นมเถียน... ชาติที่แล้วคงจะเอ็นดูต้วนอวี้หรานไม่น้อยจริงๆ เดิมทีต้วนชิงิรู้สึกว่าแม่นมเถียนแค่เอ็นดูต้วนอวี้หรานเท่านั้นแต่ตอนนี้... เกรงว่านางคงคิดว่าต้วนอวี้หรานเป็เ้านายตัวจริงกลับเป็ข้าที่ไม่มีตัวตนอย่างนั้นหรือ?
ต้วนชิงิกำมือแน่นไม่พูดอะไรทอดสายตามองไปยังเก้าอี้ตัวเล็ก ที่ค่อยๆ ถูกขยับ จากนั้นจึงได้แต่เบะปาก ลูกไม้ตื้นๆเหมือนกับชาติที่แล้ว อยากจะให้นางอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนงั้นหรือ?
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองลงมาแล้วเ้าค่ะ คุณหนูก็ลงมาเร็วๆ เถอะเ้าค่ะ”แม่นมเถียนยืนเรียกต้วนชิงิอยู่ด้านข้างรถม้า
นางไม่สนใจคำพูดแม่นมเถียนค่อยๆ เดินออกมาอย่างเชื่องช้า หางตาของนางเห็นคนขับรถม้าทำท่าจะเข้าไปช่วยขยับเก้าอี้ให้เข้าที่แต่สายตาของแม่นมเถียนที่หันไปมองทำให้เขาไม่กล้าขยับ
ต้วนชิงิรู้ถึงสถานการณ์ที่เตรียมไว้ตรงหน้าขาของนางค่อยๆ เหยียบลงไปบนเก้าอี้ทำทีเหมือนใช้แรงมากทว่าที่จริงแล้วกลับไม่ได้ใช้แรงแม้แต่น้อยนางแสร้งทำท่าทางให้ต้วนอวี้หรานรู้ว่านางกำลังเตรียมลงแล้ว
…….
[1]ยามเหมา คือ การบอกเวลาสมัยโบราณ เวลาประมาณตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า