หลังจากที่ออกจากูเาต้นกำเนิดได้ในที่สุด เจียงเฉินรู้สึกได้ว่าพลังหยวนธรรมชาติแข็งกล้าขึ้น อย่างน้อยๆมันหนาแน่นกว่าเมืองชื่อถึงสองเท่า ยิ่งไปกว่านั้น นี่เพียงแค่ชายแดนระหว่างด้านในและด้านนอกแคว้นฉี เมื่อเข้าส่วนลึกของแคว้นฉีแล้วพลังหยวนธรรมชาติจะหนาแน่นยิ่งกว่า
นอกจากนี้ ตำแหน่งที่ตั้งของนิกายใหญ่ทั้งสี่อยู่บริเวณที่มีปริมาณพลังหยวนธรรมชาติมากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังสามารถใช้ประโยชน์จากสถานที่ได้เป็อย่างดี พวกเขาสามารถสร้างอาคมพิเศษขึ้นเพื่อรวบรวมพลังหยวนธรรมชาติ ทำให้สถานที่แห่งนั้นเหมาะแก่การบ่มเพาะและเป็สถานที่ที่ผู้คนปรารถนา ทำให้นิกายต่างๆสามารถนำพลังหยวนธรรมชาติใช้ได้ชั่วนิรันดร์
ฉากที่เห็นด้านนอกเขาต้นกำเนิดนั้นไม่ได้แออัดเหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ แทนที่ด้วยทุ่งหญ้าที่มีลมพัดผ่านต่อเนื่อง ที่แห่งนี้มีคนอยู่เป็คู่และขบวนรถม้าที่ข้ามผ่านทุ่งหญ้า แต่พวกเขานั้นมีเพียงไม่กี่คน
"ภายนอกูเามีทุ่งหญ้ากว้างขวางเช่นนี้อยู่ด้วย?"
เยี่ยนเฉินหยวี่ประหลาดใจเล็กน้อย
"ูเาต้นกำเนิดนั้นอยู่ห่างไกลมาก ผู้คนจากแคว้นฉีไม่ค่อยมายังสถานที่แห่งนี้ มีเพียงขบวนรถม้าไม่กี่รายที่มาค้นหาสมบัติในูเาต้นกำเนิด บริเวณทุ่งหญ้าที่เห็นอยู่ตอนนี้กินเนื้อที่ถึงห้าพันลี้ และหลังจากที่ได้ข้ามผ่านทุ่งหญ้านี้แล้วมันยังมีเขตพื้นที่กว้างใหญ่และูเาอีกเป็จำนวนมาก พวกมันกินเนื้อที่ถึงแปดพันลี้ หลังจากผ่านบริเวณนั้นได้แล้วพวกเราจะสามารถนับว่าอยู่ในแคว้นฉีแล้ว"
หวงต้าอธิบาย
"ไม่แปลกใจที่นิกายใหญ่ทั้งสี่ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาที่อาณาเขตเมืองชื่อ"
เจียงเฉินตอนนี้ได้เข้าใจ บริเวณนี้ห่างไกลจนเกินไป มีูเาขนาดใหญ่นับหมื่นลี้ตั้งขวางอยู่นั้น เสมือนเป็ม่านพลังขนาดใหญ่และยังมีทุ่งหญ้าและูเารกร้างอีกมาก การที่จะไม่ให้ความสนใจนั้นมิใช่เื่แปลก
"ไปเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดเสียก่อน มันจะดีกว่านี้หากพวกเราข้ามเขตทุ่งหญ้าและเขตเนินเขารกร้างก่อนเช้าวันรุ่งขึ้น"
หวงต้าพูด
เจียงเฉินและเยี่ยนเฉินหยวี่ผงกหัว ทั้งสามเริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูงผ่านเขตทุ่งหญ้า ทั้งสามเป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงรวดเร็วถึงขีดสุด สำหรับหวงต้าไม่จำเป็ต้องพูดถึงมันเป็ลูกหลานของกิเลน เป็าาแห่งความว่องไว เจียงเฉินเองก็มีทักษะเคลื่อนที่สุดยอด และเขาได้ดูดซับสายเืของเหยี่ยวปีกโลหิตเป็เื่ธรรมดาที่ความเร็วของเขาจะโดดเด่น
สำหรับเยี่ยนเฉินหยวี่ นางมีกายศักดิ์สิทธิ์และหลังจากได้ผสานกับผลึกเยือกแข็งหมื่นปี และได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง แม้ความเร็วของนางไม่รวดเร็วเท่าเจียงเฉินและหวงต้า แต่ความเร็วของนางก็ถือได้ว่าไม่เลว
ฟิ้ว ฟิ้ว.....
เสียงของลมพัดผ่านหูของพวกเขา ใบหน้าที่น่ารักของเยี่ยนเฉินหยวี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางเริงร่า มีความสุขจากการวิ่งผ่านทุ่งหญ้า ไม่เคยจินตนาการถึงทัศนียภาพที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน
เยี่ยนเฉินหยวี่มองไปยังเจียงเฉินผู้ที่กำลังผ่อนคลาย มุมปากของนางโค้งขึ้น นางรู้ว่าหากตามบุรุษผู้นี้ไป ชีวิตของนางในอนาคตจะต้องแสนวิเศษแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากวิ่งเป็เวลานาน ทั้งสามได้ผ่านเขตทุ่งหญ้าและเขารกร้าง พวกเขาได้ออกจากเขตรกร้างโดยสมบูรณ์ ขณะที่พวกเขาได้ทำเช่นนี้ใน่เวลาสั้นๆเพียงเท่านั้น หากว่าเป็คนทั่วไปคงไม่มีทางที่จะทำเช่นนี้ได้สำเร็จ
ถึงแม้ว่าจะเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ยังไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่อย่างต่อเนื่องได้ หลังจากวิ่งเป็ระยะเวลายาวนาน ในที่สุดพลังหยวนของพวกเขาก็หมดลง แต่ทั้งสามนี่ไม่มีผู้ใดที่ธรรมดา เจียงเฉินบ่มเพาะด้วยทักษะร่างแปลงั มีพลังหยวนที่แข็งแกร่ง มันเป็ไปไม่ได้สำหรับเขาที่พลังหยวนจะหมด หวงต้านั้นเป็กิเลนและเยี่ยนเฉินหยวี่มีชีพจรเก้าหยิน พลังหยวนของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างมาก
หลังจากที่ได้ผ่านเขตูเารกร้าง ในที่สุดพวกเขาก็พบผู้คนบนถนน บางคนได้ต่อสู้กันเพราะพวกเขาไม่ชอบคอกัน ปกติแล้วเยี่ยนเฉินหยวี่จะไม่เคยเห็นฉากแบบนี้ ดังนั้นเยี่ยนเฉินหยวี่จึงอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก เจียงเฉินและหวงต้าเคยพบเห็นฉากเช่นนี้มาก่อน ในโลกการฝึกตนนั้น ผู้คนได้ต่อสู้กันเองเพราะไม่ชอบอีกฝ่ายเป็เื่ปกติสามัญ
"หากความจำของข้ายังดีอยู่ หลังจากผ่านเขาลูกนี้ไปและอีกไม่กี่ลี้หลังจากนั้น พวกเราก็จะพบเมือง แต่ข้าไม่เคยมาที่นี่ ข้าจำชื่อเมืองแห่งนั้นไม่ได้"
หวงต้าพูดขณะที่แกว่งหาง
"เข้าไปในเมืองกันก่อนเถอะ พวกเราจำเป็ต้องรู้ถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในแคว้นฉี่นี้เสียก่อน"
เจียงเฉินพูด ทั้งสามชะลอการก้าวเท้าของพวกเขาลงเมื่อเทียบกับก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเมืองที่ไม่คุ้นเคยได้ปรากฏตรงหน้าพวกเขา
"นี่เป็เมืองจริงๆ และดูเหมือนว่ามันจะมีขนาดพอๆกันกับเมืองชื่อเลยนะเ้าคะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่พูด
"นี่เป็เมืองที่เล็กที่สุดในแคว้นฉี มันเทียบไม่ได้กับเหล่าเมืองใหญ่เลย"
หวงต้าพูดขึ้น
สองคนหนึ่งหมาได้มาถึงทางเข้าหลักของเมืองอย่างรวดเร็ว ประตูหลักสูงสามจ้างประตูดูยิ่งใหญ่ และ้าประตูมีเขียนว่า 'เมืองหยินเยว่'
ที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญมากมายเดินอยู่รอบๆเมืองหยินเยว่และความงดงามของเยี่ยนเฉินหยวี่เป็ที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
"หญิงสาวผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก! นางราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกมนุษย์นะนี่!"
"ถูกต้อง ใช่ทั่วทั้งร่างของนางแผ่กลิ่นอายชวนหลงใหล ข้าไม่เคยพบเห็นอิสตรีที่งดงามเช่นนี้มาก่อน"
"ข้าสงสัยจังว่านางมาจากที่ใด.....นางช่างงดงามไร้ที่เปรียบจริงๆ"
สายตาจับจ้องและชื่นชมเป็จำนวนมาก เห็นเช่นนี้เจียงเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เด็กสาวอย่างเยี่ยนเฉินหยวี่ ไม่ว่านางจะไปที่แห่งใด นางจะเป็ศูนย์กลางของความสนใจ ไม่เพียงในเมืองเล็กๆอย่างเมืองหยินเยว่ แม้แต่เหล่านักบุญหญิงจากนิกายใหญ่ในทวีปศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไม่มีผู้ใดงดงามเทียบเท่ากับเยี่ยนเฉินหยวี่
"เ้าหนู การตัดสินใจพานางมาด้วยนี่เหมือนพาปัญหามากมายเข้ามา"
หวงต้าพูด
"เ้าน่ะสิตัวปัญหา!"
เยี่ยนเฉินหยวี่จ้องไปยังหวงต้าด้วยท่าทางไม่พอใจ
"เข้าใจแล้ว เข้าไปในเมืองกันเถอะ"
หลังจากพูดเสร็จ เจียงเฉินได้เดินก้าวยาวตรงไปยังประตูหน้าของเมืองหยินเยว่
"หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน เ้าต้องจ่ายเม็ดยามนุษย์หยวนสามเม็ดถึงสามารถเข้าเมืองได้!"
ตรงหน้าประตูหลักมียามอยู่สี่ถึงห้าคน และยามที่พูดอย่างหยิ่งยโสเป็หนึ่งในนั้น ยามทั้งห้าคนล้วนเป็ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ทั้งสิ้น และผู้ที่เป็หัวหน้าอยู่ระดับฉีไห่ขั้นปลาย
ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นปลายนั้นถือว่าทรงพลังมากในเมืองเทียนเซียง เขาจะถูกผู้คนเคารพนับถือ แต่ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองหยินเยว่ เขาเป็ได้แค่เพียงยามรักษาประตู นี่เป็ความแตกต่างของสองดินแดน
"นี่มันบ้าอะไร พวกเราต้องจ่ายด้วยเม็ดยามนุษย์หยวนเป็ค่าเข้าเมือง?!"
หวงต้ารู้สึกไม่พอใจในทันที
"เ้าหมานี่มาจากไหนกัน? กฏของเมืองนี้ตั้งโดยท่านเ้าเมือง ไม่ว่าใครก็ต้องปฏิบัติตาม!"
ยามอีกคนพูดออกมาอย่างหยาบคาย
"บัดซบ เ้าเป็แค่ยามยังกล้ามาอวดเก่ง?! ให้บิดาผู้นี้แสดงให้เห็นว่ากัดจนตายเป็เช่นไร!"
หวงต้าแยกเขี้ยวอันแหลมคมให้ยามเห็น แต่เจียงเฉินรีบห้ามหวงต้าก่อนที่จะทำเกินเลย เขารู้เกี่ยวกับเ้าหมานี่เป็อย่างดี เ้านี่ถึงกับกล้าที่จะก่อปัญหาให้กับนิกายเทียนเจี้ยนดังนั้นไม่มีอะไรที่มันไม่กล้าทำ หากเจียงเฉินช้ากว่านี้ หวงต้าคงฉีกยามเหล่านี้เป็ชิ้นๆแน่นอน
เจียงเฉินไม่ใส่ใจในการจ่ายเม็ดยามนุษย์หยวนเพียงเล็กน้อย เขายังไม่้ายั่วยุผู้ใดหลังจากที่มาถึงแคว้นฉี เขาได้มีเื่กับนิกายเทียนเจี้ยนแล้ว ชีวิตในอนาคตของเขาไม่ราบรื่นแล้ว
เจียงเฉินโบกมือของเขาอย่าเฉยเมย นำเม็ดยามนุษย์หยวนเก้าเม็ดออกมาจากกระเป๋ามิติของเขา และโยนไปให้ยาม และได้เดินเข้าไปในเมือง
"ข้าไม่เคยเห็นเ้าหนุ่มนี่มาก่อน พวกเขาจะต้องมาจากต่างถิ่นเป็แน่ ดูแล้วเขาน่าจะร่ำรวยพอสมควร ข้าน่าจะเรียกจำนวนมากกว่านี้...."
เจียงเฉินสามารถได้ยินสิ่งที่ยามพูดอย่างชัดเจน
"ยัยเด็กน้อยนั่นก็งดงามสุดยอด หากข้าได้ร่วมหลับนอนกับนางสักคืนล่ะก็ มันคงจะเป็ความสุขที่แท้จริง!"
ใบหน้าของยามอีกคนเต็มไปด้วยราคะสายตาของเขามองไปยังแผ่นหลังของเยี่ยนเฉินหยวี่ด้วยความหื่นกระหาย น้ำลายเริ่มไหลออกจากปากเขา
แต่ทันทีที่คำพูดได้ออกจากปากของยามคนนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มซึ่งเหมือนกับโดนแช่แข็งไว้ ร่างกายของเขาเริ่มส่งเสียงแตกหัก เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาน้ำแข็งโปร่งใสปรากฏบนร่างกายของเขา เขาได้กลายเป็รูปปั้นน้ำแข็งโดยสมบูรณ์
"เฮ้ย!!เ้าหวัง เ้าเป็อะไรไป?"
"เขาถูกแข่แข็ง?! จบกัน เขาไม่หายใจแล้ว"
"เ้าหวังตายแล้ว นี่มันเื่อะไรกัน? นี่เป็ฝีมือใคร?"
เหล่ายาม ตื่นตระหนกใ และใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงความหวาดกลัว ชายผู้ซึ่งอยู่ด้วยกันเมื่อวินาทีที่แล้ว ตอนนี้เขาได้กลายมาเป็รูปปั้นน้ำแข็ง เขาถูกแช่แข็งตาย ราวกับว่าเห็นผีตอนกลางวัน
"มันจะต้องเป็ชายหนุ่มคนเมื่อครู่เป็แน่!"
หัวหน้ายามพูด พวกเขาทั้งหมดช่วยกันตามหา แต่ก็หาเจียงเฉินไม่พบ
ในเมืองหยินเยว่ หวงต้าฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดว่า
"วะก๊ะก่ะ....หยวี่น้อยเ้าพึ่งเรียนรู้ถึงความโหดร้ายแล้ว เ้าสังหารผู้คนโดยไร้ร่องรอย"
"ใครให้เขามาพูดจาหยาบคายกับข้าละ ข้าเพียงแค่สั่งสอนเขาเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอถึงขนาดแข็งตายในทันทีนี่นา"
ใบหน้าของเยี่ยนเฉินหยวี่เผยท่าทางไม่ได้รับความเป็ธรรม
"แค่ก แค่ก ....!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว เจียงเฉินกระแอมออกมาอย่างรุนแรง
'นี่น้องสาว พลังของชีพจรเก้าหยินผสานกับผลึกเยือกแข็งหมื่นปีมีพลังมากมายมหาศาล คิดหรือว่าผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นกลางจะทนไหวหรืออย่างไร ยังจะบอกว่าเขาอ่อนแออีกอย่างนั้นหรือ'
เจียงเฉินและหวงต้าถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ยังไม่สามารถทนพลังเยือกแข็งของเยี่ยนเฉินหยวี่ได้ ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ บางครั้งเขาสามารถกินสิ่งที่เขา้า แต่เขาไม่อาจจะบอกว่าได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขา้า เยี่ยนเฉินหยวี่ไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไป นางอาศัยอยู่ภายในเมืองชื่อมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ได้ร่วมเดินทางไปกับเจียงเฉินและหวงต้า นางได้เติบโตขึ้นโดยคุ้นชินกับการฆ่า
"ได้ยินไหม? ในที่สุดผลการประลองระหว่างศิษย์ภายในของสี่นิกายได้ประกาศออกมาแล้ว"
"ผลเป็ไงบ้าง ใครได้ที่หนึ่ง ข้าได้ยินมาว่า เหลียงเซียว จากนิกายเทียนเจี้ยน ไป๋ฮัวเตี๋ย จากหุบเขาสุขสันต์ และกวนอี้หยุนจากนิกายเซวียนอี้ ทั้งสามอยู่ขอบเขตแก่นแท้์ขั้นปลาย การแข่งขันของศิษย์ชั้นในนี้ แท้จริงแล้วเป็การจัดการแข่งขันระหว่างสามคนนี้ต่างหาก "
"ใช่ ทั้งสามคนนั้นเป็เหมือนอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาแต่ละคนต่างมีวิชาที่ร้ายกาจ หากจะหาผู้แพ้ชนะ ข้าเกรงว่าจะเกิดความเสียหายแก่ทั้งสองฝ่าย"
"พวกเ้าคิดผิดแล้ว ! ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในปีนี้คือ หนานเป่ยเฉา แห่งนิกายอัคคีผลาญฟ้า"
ในตลอดทาง มีการพูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขันประจำแคว้นฉีในทุกหนทุกแห่ง มันยากมากที่เจียงเฉินและสหายของเขาจะไม่ได้ยิน
"การแข่งขันประจำปีแคว้นฉีคืออะไรรึ?"
เจียงเฉินถาม
"การแข่งขันนี้จัดร่วมกันระหว่างสี่นิกายใหญ่ในแคว้นฉี มันจัดขึ้นทุกๆปี มันแบ่งออกเป็การแข่งขันภายใน และการแข่งขันภายนอก เหตุที่เรียกว่าการแข่งขันประจำปีแคว้นฉีและไม่ใช่การแข่งขันของสี่นิกายใหญ่ นั่นเพราะว่า บรรดาอัจฉริยะจากทุกหนแห่งในแคว้นฉีได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้ ให้โอกาสเท่าเทียมกันกับทุกๆคน แน่นอน นี่เป็สิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในความจริงแล้วมันยังคงเป็การแข่งระหว่างสี่นิกายใหญ่ เมื่อคนธรรมดาเข้าร่วมการแข่งขัน จะไปชนะสุดยอดอัจฉริยะจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ได้อย่างไร"
หวงต้าพูด ดูจากที่มันได้อธิบาย สามารถบอกได้ง่ายๆว่ามันคุ้นเคยกับแคว้นฉี
"หนานเป่ยเฉา? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ข้ารู้เพียงแค่อัจฉริยะจากนิกายอัคคีผลาญฟ้านาม หวู่เฉิง แต่ในการต่อสู้กับกวนอี้หยุนเมื่อสองเดือนก่อน เขาได้พ่ายแพ้ ข้าคิดว่านิกายอัคคีผลาญฟ้าจะพ่ายแพ้การแข่งครั้งนี้..แล้วหนานเป่ยเฉาเป็ใครกัน?"
"เป็ธรรมดาที่พวกเ้าอาจไม่เคยได้ยิน แต่หนานเป่ยเฉาผู้นี้มาจากไหนก็ไม่รู้! เขาเพิ่งอายุสิบแปดปีแต่เขาอยู่ในขอบเขตแก่นแท้์ขั้นกลาง! พร์ของเขาไร้ผู้เทียบเคียงและด้วยระดับแก่นแท้์ขั้นกลางได้เอาชนะกวนอี้หยุนและอัจฉริยะอีกสองคนได้ และได้ขึ้นลำดับที่หนึ่งในการแข่งขันภายใน!เขาช่างสุดยอดจริงๆ"
