ขันทีหยิบจอกของแม่ครัวข้างกายขึ้นมา จากนั้นเดินวนรอบเวที ทุกคนมองด้วยความตาโตไม่อยากจะเชื่อ
พ่อครัวเห็นดังนั้นถอนหายใจด้วยความกลุ้มใจ มองมือที่ไม่เอาไหนของตนเอง ถึงแม้เขาจะหั่นหัวไชเท้ากับมันฝรั่งได้ยอดเยี่ยมเพียงใด ทว่าแม่ครัวจากต่างแคว้นก็ได้เปรียบเื่เวลา
จ้าวซีเหอมองพ่อครัวแคว้นตัวเองด้วยสายตาไม่พอใจ ขณะที่หูได้ยินเสียงประกาศว่า การแข่งขันรอบนี้ แม่ครัวจากต่างแคว้นเป็ฝ่ายเอาชนะไปได้
ด้านล่างเวทีต่างร้องโอดโอยอย่างเสียดาย หนิงมู่ฉือออกอาการร้อนใจ มององค์หญิงซีเยวี่ยซึ่งประทับอยู่ด้านข้างทอดพระเนตรมาที่นางด้วยสายตาไม่เป็มิตร นางจึงถลึงตาจ้องกลับไป
แขกจากต่างแคว้นทำให้นางนึกถึงบิดา ปีนั้นตอนที่แม่ทัพใหญ่หนิงจื้อหย่วนสู้รบกับต่างแคว้น องค์หญิงองค์นี้ยังไม่ประสูติเลยด้วยซ้ำ
จ้าวซีเหอหันไปมองหนิงมู่ฉือด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ยังเหลืออีกสามรอบถึงจะตัดสินแพ้ชนะ ตอนนี้พวกเราแพ้แล้วหนึ่งรอบ รอบต่อไปองค์ชายเอ่อร์ตั้นทรงให้พ่อครัวที่เมื่อปีที่แล้วได้รับฉายาว่าเทพพ่อครัวลงแข่งขัน พวกเรามีโอกาสชนะได้น้อยมาก”
หนิงมู่ฉือได้ฟังกล่าวอย่างร้อนใจ “จะให้พ่อครัวจากต่างแคว้นเอาชนะไม่ได้เด็ดขาด ข้ายินดีลงแข่งขันเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอได้ยินจึงมองหนิงมู่ฉืออย่างไม่วางใจ เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “เ้าแน่ใจหรือว่าจะเอาชนะพ่อครัวจากต่างแคว้นผู้นี้ได้”
“ข้ามั่นใจเ้าค่ะ” หนิงมู่ฉือตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
จ้าวซีเหอพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน ขณะที่การแข่งขันสามรอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ทันใดนั้นเอง จ้าวซีเหอขออนุญาตฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินซึ่งประทับอยู่บนพื้นยกระดับ “ทูลฝ่าา การแข่งขันเช่นนี้จะไม่ให้ตำหนักอ๋องของกระหม่อมมีส่วนร่วมได้อย่างไร อาหารในงานเลี้ยงเมื่อคืนก็เป็ความดีความชอบของตำหนักอ๋องของกระหม่อม กระหม่อมจึงอยากให้แม่ครัวของตำหนักกระหม่อมได้แข่งขันกับพ่อครัวจากต่างแคว้นสักรอบพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินเบนสายตาไปยังหนิงมู่ฉือ เวลานี้ไม่มีวิธีใดจะดีไปกว่าวิธีนี้อีกแล้ว จึงเอ่ยอนุญาต “เราอนุญาต”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นลุกขึ้นยืน มองหนิงมู่ฉืออย่างพิเคราะห์พิจารณา ก่อนจะหันไปยิ้มให้ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “แม่ครัวผู้นี้ดูแล้วท่าทางไม่ธรรมดา กระหม่อมก็เห็นด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงมู่ฉือใจเต้นแรงเดินไปยังกลางเวทีการแข่งขัน การแข่งขันรอบนี้เป็ที่รอคอยของผู้คนอย่างยิ่ง เนื่องจากทุกคนเคยได้ลองชิมฝีมือการทำอาหารของหนิงมู่ฉือมาแล้ว
หนิงมู่ฉือโค้งตัวคำนับทุกคน ยืนนิ่งอย่างระวังตัว
นางมองพ่อครัวจากต่างแคว้นที่ก้าวเดินขึ้นมาบนเวที ลมหายใจพลันสะดุดด้วยความหนาวเหน็บ ด้วยกลัวว่าพ่อครัวผู้นี้จะแอบเล่นงานนางลับหลัง
นางได้ยินเสียงขันทีผู้รับผิดชอบประกาศว่า การแข่งขันรอบที่สามนี้ องค์ชายเอ่อร์ตั้นเป็ผู้เสนอวิธีการแข่ง โดยจะต้องประกอบอาหารจากวัตถุดิบเนื้อวัวและแพะ จากนั้นให้ผู้ชมทุกคนได้ชิมและลงคะแนน
องค์ชายเอ่อร์ตั้นส่งยิ้มให้แก่จ้าวซีเหอ “แคว้นพวกเราทานเนื้อวัวและแพะเป็หลัก สองรอบที่แล้วแข่งโดยใช้ความถนัดของที่ราบภาคกลางของพวกท่านไปแล้ว รอบนี้ข้าจึงอยากให้พวกท่านแข่งโดยใช้ความถนัดของพวกข้าบ้าง”
จ้าวซีเหอยิ้มตอบพร้อมกับพยักหน้า ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็เรียบนิ่ง แอบปาดเหงื่อแทนหนิงมู่ฉือ
เสียงฆ้องดังขึ้นเป็สัญญาณเริ่มต้นการแข่งขัน หนิงมู่ฉือรีบจัดการเนื้อวัวและแพะที่ได้มา ทว่าทันใดนั้นเองนางถึงกับทำอันใดไม่ถูก เนื่องจากเนื้อวัวที่ได้รับมามีแต่ไขมัน เป็ส่วนที่ไม่อร่อยที่สุด นางหันไปมองเนื้อส่วนของพ่อครัวจากต่างแคว้น ซึ่งเป็ส่วนที่มีไขมันแทรกเล็กน้อย สีหน้านางเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมทันที
นางไม่สนใจเื่อื่นอีก รีบจัดการเนื้อวัวให้เร็วที่สุด ไม่ง่ายเลยกว่าจะกำจัดเืออกไปจนหมด นางหยิบมีดจากด้านข้างขึ้นมา ควงอยู่กลางอากาศก่อนจะแล่เนื้อเป็ชิ้นบางๆ ใส่จานเตรียมเอาไว้
นางจุดเตา เตรียมทำผัดเนื้อวัวและแพะ
ใส่น้ำมันลงไปในกระทะ ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ลงไปผัดในกระทะจนหอม จากนั้นจึงใส่เนื้อวัวและแพะลงไป ผัดอย่างรวดเร็ว เนื้อในกระทะส่งกินหอมใกล้จะสุก มือนางยิ่งผัดไวขึ้น
พ่อครัวจากต่างแคว้นซึ่งยืนทำอาหารอยู่ด้านข้างยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับมองนาง นางยกมือเขย่ากระทะ พ่อครัวต่างแคว้นมองอย่างใ แอบโยนมันฝรั่งมาใกล้นาง นางเผลอเหยียบเข้าจนล้มลง ทว่านางพยายามปกป้องอาหารในกระทะไว้สุดชีวิต อาหารปลอดภัย เพียงแต่ใบหน้าของนางเปื้อนฝุ่นจนดำไปเล็กน้อย
จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉืออย่างเป็ห่วง ครั้นเห็นว่าไม่เป็อันใดมากจึงทรุดนั่งลงกับเก้าอี้อีกครั้ง
หนิงมู่ฉือตักอาหารใส่จาน เดินยกไปวางไว้หน้ากรรมการ ส่วนนางยืนรออย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
นางมองกรรมการยกอาหารของนางและของพ่อครัวจากต่างแคว้นไปให้ทุกคนชิม เมื่อทุกคนชิมเสร็จเรียบร้อยหยิบกระดาษขึ้นมาเพื่อลงคะแนน นางมองอย่างตื่นเต้น
ขณะที่ขันทีประกาศผลการแข่งขัน นางกำมือแน่นด้วยความเครียด
“ผลการแข่งขัน หมายเลขหนึ่งห้าสิบสี่คะแนน หมายเลขสองสี่สิบหกคะแนน หมายเลขหนึ่งชนะ ซึ่งหมายเลขหนึ่งคือแม่ครัวจากที่ราบภาคกลาง ผัดเนื้อวัวและแพะ แม่ครัวจากที่ราบภาคกลางเป็ฝ่ายเอาชนะไปได้!”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ะโร้องอย่างดีใจ ขันทียกอาหารไปวางไว้เบื้องหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินและองค์ชายเอ่อร์ตั้น ทั้งสองคนชิมด้วยจิตใจที่แตกต่างกัน
องค์ชายเอ่อร์ตั้นมองพ่อครัวของตัวเองอย่างกริ้วจัด ก่อนจะหันไปเห็นว่าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมีสีหน้าได้ใจ ในใจจึงยิ่งรู้สึกโมโหยิ่งขึ้นไปอีก ทว่าก็ต้องพยายามกดมันลงไปแล้วส่งยิ้มให้ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินพร้อมกับเอ่ยว่า “ดูท่าแม่ครัวจากตำหนักอ๋องผู้นี้จะมีฝีมือในการทำอาหารดีไม่ใช่น้อย ฝ่าา ในตำหนักอ๋องนับว่ามีของดีซ่อนอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินแย้มสรวล “แม้แม่ครัวผู้นี้จะไม่ใช่แม่ครัวในวัง เพียงแต่ท่านอ๋องชื่นชอบเื่อาหาร จึงได้นำตัวแม่ครัวผู้นี้มาอยู่ในตำหนักอ๋อง”
เสียงขันทีประกาศการแข่งขันรอบต่อไป “การแข่งขันรอบที่สี่ ผัดหน่อไม้ฝรั่ง”
การแข่งขันรอบนี้ยังคงเป็องค์ชายเอ่อร์ตั้นที่เสนอออกมา หน่อไม้ฝรั่งพบได้ยากได้ในที่ราบภาคกลาง เป็ผักที่ค่อนข้างมีราคาแพง ทุกคนจึงทั้งหนักใจและเป็ห่วงการแข่งขันในรอบนี้
หนิงมู่ฉือมองหน่อไม้ฝรั่งซึ่งลำต้นไม่ค่อยสวยเท่าใดนักของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีใแต่อย่างใด นางหั่นหน่อไม้ฝรั่งเป็ท่อนๆ เหลือบมองพ่อครัวต่างแคว้นครู่หนึ่ง พบว่าใบหน้าอีกฝ่ายดูเ้าเล่ห์ชอบกล ทำให้นางรู้สึกเป็กังวลขึ้นมา
นางนำหน่อไม้ฝรั่งลงไปผัดในกระทะ ขณะจะหยิบเกลือมาใส่ พบว่าเครื่องปรุงของนางถูกผู้อื่นหยิบเอาไป นางร้อนใจ หันไปบอกกรรมการ “ข้าไม่รู้ว่าเครื่องปรุงของข้าหายไปไหน”
กรรมการได้ยินดังนั้น ทำได้แค่พยักหน้ารับรู้อย่างจนปัญญา ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยนางได้เลย
นางมองหน่อไม้ฝรั่งที่กำลังจะสุก รอบนี้นางคงต้องแพ้เป็แน่แท้ นางก้มหน้าด้วยความเศร้าใจ เวลานี้เองสายตานางเหลือบไปเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของพ่อครัวจากต่างแคว้น ทันใดนั้นนางรู้สึกโมโหอย่างที่สุด
ผลการแข่งกันเป็อย่างที่นางคิดไว้ รอบนี้ที่ราบภาคกลางเป็ฝ่ายแพ้