กองกำลังของนครแห่งเทพเข้ามาถึงภายในเส้นทาง์ก่อนใคร และระดับความเร็วรวดเร็วมากที่สุด ยิ่งบวกกับเย่ชิงหานที่ทะลวงผ่านด่านของูเาสุสานทวยเทพได้ทั้งหมดความยากของด่านทอดสอบจึงลดลงมาครึ่งหนึ่ง ดังนั้นความเร็วในการทะลวงผ่านด่านจึงรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ระยะเวลาเพียงแค่วันเดียวตอนนี้พวกเขาได้ทะลวงผ่านมาถึงด่านที่แปดของเส้นทางเชื่อมต่อหุ่นเชิดูเาแล้ว หัวหน้าผู้นำกองกำลังของนครแห่งเทพในครั้งนี้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิรูปร่างเตี้ยเล็กคนหนึ่งชื่อว่าถูเฮย เป็คนของลูกหลานบ้านเล็กของตระกูลถูเสินเว่ย
ดวงตาทั้งสองข้างของถูเฮยมองลอดผ่านเสื้อคลุมยาวสีทองไปยังฝูงมารอสูรระดับแปดพยัคฆ์โลหิตอย่างเ็า มองเห็นพวกมันที่ถูกลูกน้องของตนเองโจมตีจนล่าถอยกลับไปอย่างง่ายดายมุมปากอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แม้ไม่รู้ว่าทำไมูเาสุสานทวยเทพถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติเช่นนี้ขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็อุปสรรคต่อความยินดีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ระยะเวลาเพียงแค่วันเดียวก็สามารถทะลวงผ่านมาได้ถึงด่านที่แปดของเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเา
ดูท่าครั้งนี้ดวงจะดีเป็อย่างมาก ตอนนี้เขากำลังคิดวาดฝันถึงภาพเหตุการณ์ว่ากองกำลังของตนเองทะลวงผ่านด่านทดสอบของูเาสุสานทวยเทพได้ทั้งหมดแล้วเข้าไปภายในหอเทพรับเอากระบี่เทพกลับไปนครแห่งเทพ ตนเองถูกจ้าวเทวะแต่งตั้งให้เป็องครักษ์แห่งเทพคนที่ห้า
ยิ่งคิดยิ่งฮึกเหิมเขาโบกมือขึ้นอีกครั้งสั่งการให้ทูตแห่งเทพที่อยู่ข้างกายทั้งหมดกระโจนเข้าหาฝูงพยัคฆ์โลหิต คาดว่าไม่น่าจะเกินสิบนาทีคงจะสามารถทะลวงผ่านด่านนี้ไปได้
ด่านต่อไปด่านที่เก้าเขารู้ว่าเป็ด่านหนูกลืนศิลา แม้ว่าลักษณะภูมิประเทศและสัตว์ประหลาดที่เฝ้ารักษาอยู่ในด่านทดสอบมากมายภายในเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาจะแปรเปลี่ยนไปอย่างแตกต่างกันโดยอัตโนมัติตามพลังฝีมือของผู้ที่เข้ามาทดสอบ
แต่เขาที่เคยเข้ามาทดสอบทะลวงอยู่หลายครั้งค่อนข้างที่จะแน่ใจว่าด่านที่หนึ่ง ห้า เก้าทั้งสามด่านทดสอบที่ยากที่สุดนี้ สัตว์ประหลาดที่เฝ้ารักษาอยู่ล้วนไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน จะมีก็เพียงแค่ระดับพลังฝีมือที่ไม่เหมือนเดิมเท่านั้นเอง ซึ่งด่านที่เก้านั้นคือหนูกลืนศิลาที่รับมือด้วยยาก พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ดังนั้นระดับของหนูกลืนศิลาที่จะต้องพบเจอคือหนูกลืนศิลาระดับแปดคุณภาพขั้นต่ำ
แน่นอนว่าจำนวนของหนูกลืนศิลาภายในด่านที่เก้าจะต้องมากขึ้นมากว่าปกติอีกสักหน่อย แต่ถูเฮยก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเท่าใดนัก เพราะว่าลักษณะภูมิประเทศของด่านที่เก้าเป็ทุ่งราบเรียบแค่มองตรงไปก็สามารถเห็นปากทางเชื่อมต่อแล้ว ดังนั้นออกกำลังทุ่มสุดชีวิตสักหน่อยสมาชิกของกองกำลังโดยส่วนมากน่าจะสามารถผ่านไปได้
หลังจากผ่านไปราวสิบนาทีพยัคฆ์โลหิตก็ถูกกำจัดไปจนเกือบจะหมด ถูเฮยออกคำสั่งให้ทุกคนพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังก่อนเพราะอีกไม่นานก็จะทำการทะลวงด่านทดสอบที่เก้าแล้วจึงจำเป็จะต้องให้กองกำลังมีกำลังรบอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด
เสว่อู๋เหินนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนชุดทองโดยไม่ได้ทำตัวให้เป็จุดเด่นขึ้นมาแต่อย่างใด ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเขาไม่เคยใช้แมลงปีกแข็งสีทองทั้งสิบสอตัวของเขาเลยสักครั้ง เขากำลังรอ รอโอกาสอันเหมาะเพื่อไว้ใช้เสาะหาสมบัติหรือไว้ใช้ฆ่าคน เขาเชื่อว่าแมลงปีกแข็งสีทองของเขาที่กลืนกินบัวหิมะดำลงไปจนวิวัฒนาการกลายพันธุ์ขึ้นมานั้น ถ้าหากปล่อยออกไปละก็ภายในูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้ล้วนไม่มีใครสามารถต้านทานได้ แม้กระทั่งผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิอย่างถูเฮยก็ต้านทานเอาไว้ไม่ได้...
“ไปต่อ!”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงถูเฮยจึงลุกยืนขึ้นพร้อมกับโบกมือขึ้นอย่างเ็า กองกำลังเสื้อคลุมทองทั้งหมดพลันลุกขึ้นพร้อมกับมุ่งหน้าตรงออกไปยังปากทางเชื่อมของด่านที่แปดด้วยลักษณะดุดันทรงพลัง
หลังจากผ่านเข้ามายังปากทางเชื่อม พวกเขาไม่ได้หยุดพักรีบเดินตรงออกมาจากเขาแล้วเข้าไปยังด่านทดสอบที่เก้าโดยทันที
“เอ๊ะ...มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมลักษณะภูมิประเทศภายในด่านที่เก้าถึงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว?”
เมื่อเข้ามาภายในด่านทดสอบที่เก้า ถูเฮยและทูตแห่งเทพคนอื่นๆ ที่เคยเข้ามาทะลวงด่านทดสอบล้วนรู้สึกแปลกใจกันขึ้น ลักษณะภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมกลายมาเป็ลักษณะภูมิประเทศแบบช่องเขา มันชักจะไม่ชอบมาพากลขึ้นแล้ว เมื่อก่อนที่เคยมาทำการทะลวงด่านทดสอบและจากบันทึกของนครแห่งเทพล้วนไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“บัดซบที่สุด! ูเาสุสานทวยเทพเกิดการผิดปกติขึ้นแล้ว ถ้าหากมารอสูรที่เฝ้ารักษาอยู่ยังเป็หนูกลืนศิลาอยู่เช่นเดิมละก็คงได้ยุ่งยากกันละทีนี้!” ถูเฮยสีหน้าเคร่งเครียดร้องโอดครวญออกมาภายในใจ
หนูศิลารับมือได้ไม่ยากเท่าไรหากลักษณะภูมิประเทศเป็ทุ่งราบเรียบเหมือนแต่ก่อน เพียงแต่จำนวนมากมายมหาศาลเกินไปเท่านั้นเองขอแค่ทุ่มสุดกำลังต้านทานเอาไว้พร้อมกับเดินหน้าตรงไปยังปากทางเชื่อมได้ก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ลักษณะภูมิประเทศเป็เหมือนเขาวงกตปากทางเชื่อมไปโผล่อยู่ได้ทุกที่ไม่แน่นอน การเสาะหาปากทางเชื่อมถือว่ายุ่งยากพอแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังต้องคอยต้านทานหนูกลืนศิลาจำนวนมหาศาลเอาไว้อีก
“จี๊ดๆ...”
พูดถึงอะไรสิ่งนั้นก็มา ตามเสียงที่ลอยมาทั้งสองด้านของช่องเขาปรากฏหนูกลืนศิลาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งทะลักออกมา บนพื้น บนท้องฟ้า ทั้งสองข้างช่องเขาทั่วทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยหนูกลืนศิลาที่ถาโถมเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ภาพที่เห็นทำให้รู้สึกเย็นวาบั้แ่ฝ่าเท้าเรื่อยขึ้นมา...
“บัดซบที่สุด! ทั้งหมดจัดรูปขบวนเป็หัวลูกศรธนูสามมุมบุกทะลวงฝ่าไปข้างหน้า!” ถูเฮยสบถด่าออกมาคำหนึ่ง เริ่มออกคำสั่งให้เริ่มต่อสู้กับฝูงหนูกลืนศิลาขึ้นด้วยความจำใจ
“โคตรมารดามันจะบัดซบจริงๆ เลย! ภายในฝูงของพวกมันมีหนูกลืนศิลาระดับแปดคุณภาพขั้นสูงปะปนอยู่ด้วย เกิดอะไรขึ้น? ทำไมูเาสุสานทวยเทพถึงผิดปกติแปลกไปเช่นนี้?” ถูเฮยยิ่งต่อสู้ยิ่งปวดหัว หากคำนวณตามระดับความยากของทั้งแปดด่านที่ทะลวงผ่านมา ระดับของมารอสูรที่เฝ้ารักษาอยู่ภายในด่านนี้อย่างมากสุดก็ไม่น่าจะเกินระดับแปดคุณภาพขั้นต่ำไปได้ แต่หนูกลืนศิลาที่ปรากฏออกมาเมื่อสักครู่มีอยู่หลายตัวที่อยู่ในระดับแปดคุณภาพขั้นสูง ทำเอารูปขบวนของพวกเขาระส่ำระสายขึ้นจนทำให้สมาชิกของกองกำลังตายไปอย่างน่าอนาถถึงสองคน
“ทั้งหมดเปลี่ยนทิศทางหันหลังชนกำแพง แปรรูปขบวนเป็รูปแบบการป้องกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำการป้องกัน! รอคนของทั้งสามเขตปกครองและเกาะเร้นลับมาถึง มิฉะนั้นละก็พวกเราได้ตายกันหมดอย่างแน่นอน!” ผ่านไปไม่นานถูเฮยออกคำสั่งออกมาอีกด้วยความจำใจ
จำนวนของหนูกลืนศิลามากมายจนเกินไป ถ้าหากพวกเขายังคงบุกโจมตีออกไปข้างหน้าเรื่อยๆ อยู่อีกละก็ จะต้องมีคนตายลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากสนามพลังถูกกัดทำลายลง สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือพวกเขาจะต้องตายกันหมด ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงทำได้แค่เพียงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำการป้องกันเพื่อต้านทานเอาไว้ รอคอยคนของทั้งสามเขตปกครองและของเกาะเร้นลับเข้ามาช่วยทะลวงออกไปพร้อมๆ
เมื่อคำสั่งการออกมา สมาชิกของกองกำลังพลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นจึงต่างพากันเริ่มสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันต้านทานฝูงหนูกลืนศิลาขึ้น
.................................
ลู่ซีที่อยู่ภายในด่านที่สิบสองหัวเราะแหะๆ มองดูหน้าจอใหญ่ที่อยู่ภายในห้องโถงพร้อมกับพูดขึ้น “ต้องเป็เด็กดีอย่างนี้สิ พวกเ้าทะลวงผ่านด่านเร็วเกินไปจะไปสนุกอะไร รอให้พวกเ้าทุกคนมารวมกันหมดเดี๋ยวข้าจะมอบสิ่งที่สนุกยิ่งกว่าให้พวกเ้าเล่นกัน! แหะๆ น่าสนุกจริงๆ!”
สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับด่านที่เก้าแน่นอนว่าเกิดขึ้นมาจากฝีมือของลู่ซี ความจริงแล้วหลายพันปีมานี้ล้วนเป็ลู่ซีที่ทำการควบคุมกลไกต่างๆ ภายในูเาสุสานทวยเทพใช้แกล้งผู้เข้าด่านทดสอบ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำผิดกฎกติกาที่นายท่านผู้สร้างกำหนดเอาไว้ เขาเพียงแค่เพิ่มสีสันให้ดูสนุกมากขึ้นอีกหน่อยเพียงเท่านั้น...
สองชั่วโมงต่อมา!
กองกำลังของเขตปกครองเทพปีศาจทะลวงผ่านมาถึงด่านทดสอบที่เก้าได้สำเร็จ แต่เมื่อพวกเขาโผล่เข้ามาก็ถูกหนูศิลาจำนวนมหาศาลโอบล้อมโจมตีเข้าใส่ เช่นเดียวกันพวกเขาทำได้แค่เพียงฝืนทนต้านทานเอาไว้ไม่สามารถที่จะบุกเดินหน้าต่อไปได้!
สามชั่วโมงต่อมา!
คนเถื่อนของเขตปกครองเทพคนเถื่อนก็มาถึง
คนเถื่อนเหล่านี้อาศัยว่าตนเองมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าเริ่มเดินหน้าบุกออกไปโดยไม่สนใจต่อหนูกลืนศิลาที่โจมตีเข้ามา แต่สุดท้ายแล้วเผชิญกับฝูงหนูกลืนศิลาระดับแปดคุณภาพขั้นสูงรุมโจมตีเข้าใส่จนสูญเสียชีวิตของสมาชิกกองกำลังไปหลายคนพวกเขาถึงได้หยุดลงไม่กล้าไปต่อ เหมือนกับว่าทำการรอคอยกองกำลังของผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ให้มาพร้อมกันหมดค่อยบุกออกไปทีเดียวเช่นกัน
ห้าชั่วโมงต่อมา!
คนของเกาะเร้นลับก็มาถึง ในทางตรงกันข้ามคนของเขตปกครองเทพากลับมาถึงเป็กลุ่มสุดท้าย ซึ่งที่มาถึงก่อนคือคนของตระกูลเฟิง แต่เมื่อพวกเขามองเห็นหนูกลืนศิลาจำนวนมหาศาลเช่นนี้จึงไม่กล้าทำอะไรวู่วามได้แต่ยืนทำการป้องกันอยู่กับที่รอตระกูลอื่นๆ ที่กำลังตามมา
สุดท้ายท้ายสุดที่มาถึงคือลูกหลานของตระกูลเย่ เมื่อคนของตระกูลเย่เหยียบเข้ามาถึงภายในด่านที่เก้าพลันเกิดเื่แปลกประหลาดขึ้น หนูกลืนศิลาที่เบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่อย่างมืดฟ้ามัวดินนั้นกลับล่าถอยหายกลับไปจนหมดไม่หลงเหลือแม้แต่ตัวเดียว มีเพียงซากศพของหนูที่ถูกฆ่าตายและเืสีแดงสดเพียงเท่านั้น
“เกิดเื่อะไรขึ้น? หลงเฟย เฟิงเซียวเซียว เยว่โหรว ฮวาลิ่ว พวกเ้าเจอเย่ชิงหานบ้างไหม?” เย่เชียงมองดูสมาชิกกองกำลังของแต่ละตระกูลของเขตปกครองเทพา มีหลายคนที่ได้รับาเ็เืออก และมีบางคนรุนแรงถึงขั้นนิ้วมือถูกกัดขาดเป็แผลเืไหลออกมาไม่หยุดพร้อมกับปรากฏกระดูกสีขาวโพลนโผล่ออกมาให้เห็น เขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้