เสียงนี้ทำให้ผู้คนทั้งหมดตื่นตระหนกทุกคนหันมองไปที่ประตูและเห็นบุรุษที่กำลังเดินเข้ามาดวงตาของเหนียนอีหลานก็สว่างวาบเปล่งประกายขึ้นทันที
เป็เขา!
"คารวะท่านอ๋องมู่"ผู้คนตรงนั้นได้สติทันใด ต่างเร่งรีบโค้งคำนับเขาทันที
จ้าวอี้เหลือบมองทุกคนด้วยสีหน้าไม่พอใจตัวเขาในอดีตไม่คุ้นเคยกับความโกรธกริ้วเช่นนี้ ในสายตาของผู้คนใต้หล้า ท่านอ๋องมู่ผู้นี้เป็โอราที่ฝ่าารักใคร่ที่สุด ด้วยหน้าตาใจดี และไม่เคยโกรธผู้ใด ทำให้ผู้คนคาดไม่ถึง เขาในยามนี้ เพียงแค่เขาก้มหน้าลง ท่าทางน่าเกรงขามนั้นจะทำให้ผู้คนไม่กล้าจ้องมอง
“อะไร? พวกเ้าทุกคนรวมตัวกันรังแกท่านหญิงในราชนิกุลของข้าได้อย่างไร? พวกเ้าช่างกล้าหาญจริงๆ!” จ้าวอี้เอ่ยขึ้นอย่างเ็า“ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะเปิ่นหวางจะนำสุรามาให้เสี่ยวเปี่ยวเม่ยคงจะไม่รู้ว่าพวกเ้าคนตระกูลเหนียน จะหาญกล้ากลับดำเป็ขาวเช่นนี้ ถูกหรือผิด เสด็จพ่อก็ตัดสินชัดเจนแล้ว ข้ออ้างเช่นนี้ของพวกเ้าคือกำลังสงสัยเสด็จพ่อของข้างั้นหรือ?”
ทันทีที่จ้าวอี้กล่าวออกมาเช่นนี้แม้เป็หนานกงเยวี่ยก็มิอาจซ่อนความตื่นตระหนกไว้ได้
รังแกท่านหญิง...สงสัยฝ่าา...หมวกใบนี้ ผู้ใดจะกล้าสวม?
“ท่านอ๋องมู่ เฉินฟู่มิกล้า เฉิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจเื่ราว เขาจึงพูดจาไร้สาระสุ่มสี่สุ่มห้า”หนานกงเยวี่ยกล่าวอย่างเร่งรีบ นางเพียง้าปกป้องบุตรชายของนาง ทว่าไหนเลยจะคาดคิดว่าท่านอ๋องมู่ผู้นี้จะมาพบเห็นเข้า
ไม่รู้ว่าเริ่มั้แ่เมื่อใดหลายสิ่งหลายอย่างในจวนเหนียนนี้กำลังจะเกินการควบคุมขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่เข้าใจเื่ราวหรือ? หึ" จ้าวอี้พ่นลมหายใจอย่างเ็า "ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนนั่นเรียกว่าไม่กล้าจะดีที่สุด"
เหนียนเฉิงหดตัวไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรต่อหน้ามู่อ๋องผู้นี้
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนเข้าใจเื่ราวอย่างถ่องแท้แล้วว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้นนางชายตามองหนานกงเยวี่ยอย่างเ็า แล้วเอ่ยกับจ้าวอี้อย่างกระตือรือร้นว่า"ท่านอ๋องมู่มาเยือนจวนเหนียน จวนเหนียนบกพร่องในการต้อนรับเหล่าเชินจะให้คน..."
"ไม่จำเป็"จ้าวอี้ตัดบทพูดของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนอย่างเ็า เหลือบมองสุราสองไหที่ถืออยู่ในมือ"เปิ่นหวางไม่ให้ค่าการต้อนรับของพวกเ้า"
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างนางเหลือบมองจ้าวอิ้งเสวี่ย กำลังรอคอยให้คนก้าวออกมา แล้วให้จ้าวอิ้งเสวี่ยมาต้อนรับมู่อ๋อง
ทว่านางยังไม่ทันเอ่ยจ้าวอี้ที่ถือไหสุราก็เดินออกไปนอกประตูด้วยใบหน้าที่มีความสุขคนที่เดินเหินอย่างสบายใจมีชีวิตชีวาผู้นั้น ราวกับไม่ใช่เขาคนนั้นที่โกรธเกรี้ยวเมื่อครู่
นี่...
ท่านอ๋องมู่มิใช่กล่าวว่าจะนำสุราไปให้เสี่ยวเปี่ยวเม่ยหรือ? ทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยยังอยู่ที่นี่เหตุใดเขาถึงเดินออกไปแบบนี้เล่า?
เสี่ยวเปี่ยวเม่ย...
จ้าวอิ้งเสวี่ยก่อนหน้านี้ก็งุนงงมากเช่นกันทว่าครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรได้ มุมปากของนายภายใต้ผ้าคลุมก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เสี่ยวเปี่ยวเม่ยจากปากของมู่อ๋องนั้นไม่ใช่นางทว่าเป็อีกคนในจวนเหนียน และคนผู้นั้น...
ว่ากันว่าคุณหนูรองสกุลเหนียนทำให้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอขุ่นเคืองและสูญเสียความโปรดปรานทว่าท่าทีของมู่อ๋องที่มีต่อคุณหนูรองทำให้ผู้คนจินตนาการไปไกล
ไม่ใช่แค่จ้าวอิ้งเสวี่ยที่รู้ว่าเสี่ยวเปี่ยวเม่ยที่มู่อ๋องเอ่ยมาจากปากหมายถึงผู้ใดคนอื่นๆ เองก็รู้ในทันทีว่าหมายถึงผู้ใด แต่ละคนก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป
สีหน้าของหนานกงเยวี่ยมืดมนลงทันทีฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนสีหน้าซับซ้อน ลู่ซิวหรงเองก็ขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
และเหนียนอีหลาน...
ั้แ่จ้าวอี้ออกไปพร้อมถือไหสุราไปด้วยนางก็รู้ว่าท่านอ๋องมู่กำลังไปหาเหนียนยวี่ นางผู้หญิงสารเลวคนนั้นแท้จริงให้ท่านอ๋องมู่ดื่มยาเสน่ห์อะไรไปกันแน่เมื่อนึกถึงท่าทีรอคอยของจ้าวอี้มือของเหนียนอีหลานที่ถือผ้าเช็ดหน้าปักลายก็กำแน่น
นางรู้สึกริษยาคนคนนั้นที่อยู่ในสายตาของท่านอ๋องมู่ เห็นได้ชัดว่าควรเป็นาง ''เหนียนอีหลาน'' ถึงจะถูก!
เหนียนยวี่เป็บุตรีอนุธรรมดาๆ ไร้คุณธรรม ไร้ความสามารถแล้วจะเป็ไปได้อย่างไร?
ความริษยาแล่นพล่านทั่วดวงตานางผิงเอ๋อร์ที่ยืนข้างกายจ้าวอิ้งเสวี่ย จับสังเกตนั้นได้อย่างว่องไว นางขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในใจก็คาดเดาสิ่งหนึ่งออกมาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
หรือว่าเหนียนอีหลานผู้นี้...
ผิงเอ๋อร์เป็คนฉลาดคนหนึ่งนางก้าวไปข้างหน้าประคองจ้าวอิ้งเสวี่ยเดินออกไป ยามที่เดินผ่านเหนียนอีหลานนางกระซิบเบาๆ ข้างจ้าวอิ้งเสวี่ยว่า "เมื่อครู่นี้บ่าวรู้สึกแปลกใจเ้าค่ะท่านหญิงมิโปรดสุรา จุดนี้ท่านอ๋องมู่เองก็รู้นานแล้ว ทว่าพระองค์ยังนำสุรามาทำไมกันเ้าคะ? หรือว่าแท้จริง สุรานั้นไม่ได้นำมาเพื่อท่านหญิงและจิตใจของท่านอ๋องมู่ก็อยู่กับผู้อื่น"
ทว่าคนผู้นั้นเป็ใคร ไม่ต้องให้นางกล่าวสาธยายในใจเหนียนอีหลานก็เข้าใจแล้ว
เป็อย่างที่คิด เหนียนอีหลานมิอาจควบคุมสีหน้าบนใบหน้างดงามนั้นได้ นางกัดริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมรับเื่ที่เกิดขึ้น
ผิงเอ๋อร์เห็นทุกอย่างในสายตายามที่ประคองจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับเรือนหรูอี้
“ท่านหญิง ท่านคงไม่เห็นเมื่อครู่นี้เหนียนอีหลานผู้นั้น...” ผิงเอ๋อร์ราวกับค้นพบเื่ร้ายแรงบางอย่างเฝ้ารอยามที่ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ ในที่สุดก็มิอาจระงับความตื่นเต้นในใจได้“เหนียนอีหลานผู้นั้นรู้ว่าท่านอ๋องมู่มาที่นี่เพราะคุณหนูรองและรู้สึกริษยา เหอะๆเกรงว่าคงเกลียดจนอยากสังหารคุณหนูรองแน่"
จ้าวอิ้งเสวี่ยชะงักฝีเท้า นางรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้สิ่งที่ผิงเอ๋อร์เอ่ยออกมานั้นแปลกๆที่แท้...นางตั้งใจจะหยั่งเชิงเหนียนอีหลานงั้นหรือ?
"คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนชอบมู่อ๋องเปี่ยวเกองั้นหรือ?" จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำ แต่จิตใจของมู่อ๋องเปี่ยวเกอ...
“น่าสนใจนัก” จ้าวอิ้งเสวี่ยค่อยๆยกยิ้มมุมปาก “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าในจวนแห่งนี้มีเพียงคุณหนูใหญ่ที่ดีต่อคุณหนูรองทว่าหากความรักความผูกพันระหว่างพี่น้องมีบุรุษเข้ามาแทรก หึ ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเราผู้นี้ยังจะทำดีกับคุณหนูรองได้อย่างไร”
และเหนียนยวี่...เงาร่างของเหนียนยวี่ผุดขึ้นมาในความคิดของจ้าวอิ้งเสวี่ยรวมถึงดวงตาที่ฉลาดเฉียบแหลมที่ซุกซ่อนไว้ ก้นบึ้งของหัวใจนางเต็มไปด้วยความคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
จ้าวอี้มาที่ลานเซียนหลานอย่างคุ้นเคยกับทางเข้าทางออก ลากเหนียนยวี่ออกมาที่ศาลาริมน้ำ
ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวเหมือนในวันนั้นสุราสองไหที่จ้าวอี้นำมา แบ่งดื่มกันคนละไห
“ท่านอ๋องมู่ ดูเหมือนจะว่างมากเลยนะเพคะ…”จู่ๆ เหนียนยวี่ก็เอ่ยขึ้น ใน่สองสามวันที่ผ่านมา เขามาที่นี่ทุกวัน วันนี้ก็ยังพกสุรามาด้วยอีกเหตุใดเขาถึงได้เป็พระโอรสที่ฝ่าาทรงให้ความสำคัญมากที่สุดกันทั้งที่เหมือนกับองค์ชายที่เอ้อระเหยเพียงนี้?
"ว่างอะไรกัน?" จ้าวอี้เงยหน้าขึ้นและจิบสุราไปหนึ่งอึก จากนั้นเหลือบมองค้อนเหนียนยวี่"เพราะเห็นแก่เ้า ข้าจึงแล่นไปตำหนักองค์หญิงใหญ่ทุกวัน ทว่าท่านป้าข้า องค์หญิงใหญ่ผู้นั้นกลับไม่ยอมพบหน้าข้าด้วยซ้ำ เ้าบอกว่าเ้าต้องคอยระวังทุกวี่วันแล้วเหตุใดวันนั้นถึงไม่ระวังเช่นนี้? แม้แต่ถ้วยชาก็ยังทำตก!”
เหนียนยวี่ตกตะลึงเล็กน้อยเขาวิ่งวุ่นเื่นางหรือ?
เมื่อรู้อย่างนี้ ใจของเหนียนยวี่ก็รู้สึกซาบซึ้งทันทีท่านอ๋องมู่ผู้มีจิตใจดีผู้นี้ จะให้นางกล่าวอะไรดีเล่า?
"ในใจเหนียนยวี่คิดว่าประเดี๋ยวก็จะได้ไต่เต้าขึ้นไปแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกประหม่า มือก็เลยลื่นน่ะเพคะ" เหนียนยวี่หัวเราะกับตนเอง "ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีโชคที่จะได้บินขึ้นที่สูงนะเพคะ"
“ไต่เต้าหรือ?” จ้าวอี้หัวเราะ พิงตัวกับลำต้นของต้นไม้ ทันใดนั้นจู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่งมือข้างหนึ่งค้ำลำต้นไว้ หันหน้าไปหาเหนียนยวี่ที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าหล่อเหลานั้นพกพาความชั่วร้ายมาด้วยเล็กน้อย"ตำแหน่งสูงส่งของข้ากับท่านป้าชิงเหอ เทียบกันแล้วเป็อย่างไรบ้าง?”
เหนียนยวี่ใเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ใบหน้าวางท่าใหญ่โตนั้นคำถามนี้...แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็รู้คำตอบ...มิใช่หรือ?
เหนียนยวี่ฉีกยิ้มมุมปาก กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า"ฐานะขององค์ชายสองนั้นสูงส่งมาก ในอนาคตมู่อ๋องต้องขึ้นสูงกว่าองค์หญิงใหญ่แน่นอนเพคะ"
"เช่นนั้นตำแหน่งสูงส่งนี้ของข้าเ้าอยากจะไต่เต้าขึ้นไปหรือไม่?" จ้าวอี้เลิกคิ้ว กะพริบดวงตาดอกท้อคู่นั้นแฝงนัยหยอกเย้าสองสามส่วน
เหนียนยวี่สั่นสะท้านไปทั้งตัวโพล่งออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองว่า "ไม่้า"
รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวอี้หุบลงไปทันที คิ้วงดงามคู่นั้นขมวดแน่นร่างกายเอนพิงลงบนต้นไม้ราวกับผิดหวัง ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ข้ารู้! คิดว่าข้า จ้าวอี้ผู้หล่อเหลามากความสามารถตำแหน่งสูงส่ง ทั้งยังดียิ่งยวดก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเ้าเ้าคงไม่รู้ว่าในเมืองชุ่นเทียนมีคุณหนูตระกูลขุนนางสูงศักดิ์มากมายอยากจะไต่เต้าขึ้นมาที่ตำแหน่งของเปิ่นหวางเ้าน่ะไม่สำคัญเท่าใดหรอก ทว่าแท้จริงหัวใจของเปิ่นหวางนั้นเ็ปยิ่งนัก”
เหนียนยวี่รู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อยเหลือบมองจ้าวอี้ ยิ้มแหย เอ่ยขึ้นว่า "หัวใจของท่านอ๋องมู่ เหนียนยวี่จะทำร้ายได้อย่างไร? อีกอย่างตำแหน่งของท่านอ๋องมู่นั้นสูงส่งเกินไป เหนียนยวี่กลัวว่าจะจับไว้ได้ไม่มั่นคงเช่นนั้นคงต้องตกลงมาและจบชีวิตลงอย่างโหดร้ายทารุณเป็แน่สิ่งที่เหนียนยวี่รักที่สุดก็คือชีวิตน้อยๆ ของตนเพคะ”
ในชาติก่อน นางบุกโจมตี เข่นฆ่าสังหารศัตรูเดินกลับมาจากประตูผีนับครั้งไม่ถ้วน ในใจมีเพียงความมั่นใจที่จะได้ครองคู่และอยู่ร่วมกับจ้าวเยี่ยน
ทว่าผลลัพธ์นั้น...
เมื่อได้โอกาสใหม่อีกครั้ง ชีวิตนางนั้นยิ่งมีค่า มิเช่นนั้นจะเข้าไปพัวพันกับคนเ่าั้ให้ถึงที่สุดได้อย่างไร?
เหนียนยวี่กำลังคิดถึงอดีตอยู่จ้าวอี้ยันหัวและหันไปหาเหนียนยวี่ จ้องมองนางโดยไม่ละสายตา ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง"เสี่ยวยวี่เอ๋อร์ เ้าปักปิ่นแล้วใช่หรือไม่?"
"อื้อ" เหนียนยวี่ขานตอบ
"เช่นนั้นเ้าก็แต่งงานได้แล้วใช่หรือไม่?"