“ตายงั้นหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนตัวสั่นราวกับว่าได้ยินบางสิ่งที่น่ากลัวจับมือของหนานกงเยวี่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล“เ้าพูดว่าเฉิงเอ๋อร์เกือบตายแล้วงั้นหรือ? แล้วตอนนี้เล่า?ตอนนี้เฉิงเอ๋อร์เป็อย่างไรบ้าง? มิน่าเล่า...มิน่าเล่าเหนียนเย่าถึงไม่ยอมให้ข้าออกไปเขาต้องกลัวว่าข้าจะรู้เื่ของเฉิงเอ๋อร์เป็แน่”
“แล้วมิใช่หรือ?” หนานกงเยวี่ยนึกถึงเหนียนเฉิงน้ำตาก็ไหลออกมาทันที “ท่านแม่ สามีเขากลัวท่านเป็ทุกข์ทว่า...อย่างไรเฉิงเอ๋อร์ก็เป็หลานชายของท่าน ท่านต้องไปหาเหนียนเฉิงท่านต้องตัดสินใจให้เหนียนเฉิงนะท่านแม่ มิเช่นนั้น เขาคงต้องถูกจ้าวอิ้งเสวี่ย สตรีชั่วนั่นทรมานจนตายแน่”
หนานกงเยวี่ยกลับดำเป็ขาว ทำให้ลู่ซิวหรงตกตะลึง คิดจะพูดอะไรแต่ก็ล้มเลิกความคิดในที่สุด ทำได้เพียงดูหนานกงเยวี่ยประคองฮูหยินผู้เฒ่าลุกจากเตียง
ฮูหยินผู้เฒ่าออกไปเช่นนี้ ได้เห็นความน่าสังเวชของเหนียนเฉิงยังจะไม่วุ่นวายอีกหรือ?
ฮูหยินผู้เฒ่าเผชิญหน้ากับจ้าวอิ้งเสวี่ย หึนี่คงมีงิ้วสนุกๆ ให้ดูกันอีก
ทว่า เจตนาที่จะทำบางอย่างของเหนียนอีหลานยังคงอยู่ที่เหนียนยวี่
เมื่อเห็นว่าหนานกงเย่เร่งรีบตามฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนอีหลานก็ติดตามไปทันทีด้วยเช่นกัน ยามที่เพิ่งออกมาจากหอหย่างซินเหนียนอีหลานก็คว้าข้อมือหนานกงเย่ไว้
“หลานเปี๋ยวเจี่ย พวกเรารีบไปเร็วขึ้นหน่อยเถิดจากที่ข้าเห็น เกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงจะไปสั่งสอนจ้าวอิ้งเสวี่ยให้ทำตัวดีๆเป็แน่" ั์ตาของหนานกงเย่เปล่งประกาย มันสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ด้วยเพราะท่าทีของจ้าวอิ้งเสวี่ยที่มีต่อนางเมื่อครู่ยามนี้จึงยิ่งรู้สึกยินดีที่จ้าวอิ้งเสวี่ยจะโดนสั่งสอน
เหนียนอีหลานเห็นว่าหนานกงเย่เร่งรีบอยากจะไปก็ยิ่งพยายามรั้งเธอไว้ในแววตาระริกระรี้ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า "เมื่อสักครู่...น้องยวี่เอ๋อร์พูดอะไรกับเ้า?"
เื่นี้ติดอยู่ในใจนางมาตลอดหากไม่ได้ถามออกไปว่าทำไม คงต้องไร้หนทางเป็สุข
ทว่าผู้ใดจะรู้ จู่ๆสีหน้าของหนานกงเย่ก็มืดมนลงทันที นางสะบัดมือเหนียนอีหลานและจ้องเหนียนอีหลานอย่างไม่พอใจ "เ้าจะถามมากมายไปทำไม?"
กล่าวจบก็ไม่สนใจเหนียนอีหลาน และก้าวออกไป
ปฏิกิริยาของนาง ทำให้เหนียนอีหลานยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
เปี่ยวเม่ยของนางผู้นี้ นางรู้จักดีอย่างยิ่งยวด แม้กระทั่งต่อหน้าท่านลุงหนานกงเลี่ย นางก็ยังไม่พะว้าพะวังสิ่งใด ทว่าเพียงเพราะคำพูดของเหนียนยวี่เห็นได้ชัดว่าทำให้นางกังวลได้
เงาร่างของเหนียนยวี่ผุดขึ้นในหัวของนางเหนียนอีหลานบิดผ้าเช็ดหน้าปักลายในมือ ดูเหมือนว่าั้แ่เหนียนยวี่ฟื้นคืนสติ นางก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หออี๋ชุน
คนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง
"จ้าวอิ้งเสวี่ย ออกไปออกไปจากที่นี่!"
ก่อนที่จะเข้าไปในลาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงะโน่ากลัวของเหนียนเฉิง ทำให้หัวใจเต้นแรงและสั่นสะท้านฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนและหนานกงเยวี่ยก็สบสายตามองหน้ากัน
"ท่านแม่ ท่านดูสิ นางต้องเป็สตรีร้ายกาจที่ทรมานเฉิงเอ๋อร์ของข้าอีกเป็แน่"หนานกงเยวี่ยพยายามไล่เลียงสถานการณ์ และใช้โอกาสนี้ในการร้องทุกข์ทันทีเร่งจังหวะก้าวเดินให้เร็วขึ้น
คนกลุ่มนั้นรีบเข้ามาจ้าวอิ้งเสวี่ยกำลังนั่งอยู่บนตั่งพลางจิบชา เหนียนเฉิงกำลังนอนอยู่บนเตียงเมื่อเห็นบุคคลที่จะมาช่วยก็อยากจะลุกขึ้น ทว่าร่างกายกลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยันตัวขึ้นสักนิด
“ท่านแม่ ท่านย่า...เร็วเข้า พวกท่านช่วยข้าพวกท่านช่วยข้าด้วย” เหนียนเฉิงสีหน้าทุกข์ตรม ทุกวันนี้เขาถูกจ้าวอิ้งเสวี่ยขังอยู่ในห้องนี้ทุกวันโดยบอกว่าเป็การดูแล อยู่ที่นี่ทุกวันและพบเจอหน้านางทั้งวัน เขาไม่สามารถทนมองใบหน้าที่แสนน่าเกลียดนี้ได้
ในตอนแรกเขากังวลอยู่เสมอว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยจะฆ่าเขาทว่าเขาคิดผิด จ้าวอิ้งเสวี่ยจะไม่ฆ่าเขา นาง้าทรมานเขาอย่างช้าๆ!
"เฉิงเอ๋อร์ หลานชายของข้าเหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้?" ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนแต่ไหนแต่ไรรักและเอ็นดูหลานชายผู้นี้มากเมื่อเห็นว่ายามนี้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก หัวใจของนางก็แตกสลาย
"จ้าวอิ้งเสวี่ยทั้งหมดเป็เพราะนาง! ท่านย่า เป็สตรีผู้นี้ที่ทำร้ายข้าท่านดูรอยแผลบนตัวของข้า ต้องขอบคุณนางแล้วที่มอบมันให้ข้า ท่านย่าเฉิงเอ๋อร์ขอร้องท่าน ท่านต้องตัดสินให้เฉิงเอ๋อร์นะท่านย่า"เหนียนเฉิงราวกับจับคว้าฟางที่จะช่วยชีวิตไว้ได้ ระบายความทุกข์ออกมาอย่างรีบร้อน
เขาขอให้ท่านแม่ขอความช่วยเหลือจากตระกูลหนานกงนับครั้งไม่ถ้วนทว่ากลับล่าช้า ไม่มีแม้แต่คำตอบ ทว่าท่านย่ารักเขามากที่สุด ย่อมต้องปกป้องตัวเขาได้อย่างแน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนรู้สึกเสียใจที่หลานชายของตนกลายเป็เช่นนี้แทบไม่สนใจฐานะของจ้าวอิ้งเสวี่ย จ้องมองนางอย่างดุร้าย "เขาเป็สามีของเ้า เ้าทำกับสามีของเ้าเช่นนี้ได้อย่างไร?"
จ้าวอิ้งเสวี่ยลืมตาขึ้นอย่างไม่เร่งรีบมองผ่านผ้าคลุมหน้า เห็นใบหน้าดุดันของหญิงชราได้ไม่ชัดเจนนักทว่านางก็ไม่สนใจและเอ่ยปากขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ท่านย่า สามีรู้สึกไม่สบายอิ้งเสวี่ยก็คอยดูแลข้างๆ ทุกวัน เื่นี้มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”
“ไม่ ท่านย่า นางไม่ได้ดูแลข้า แต่ทุกๆวันนางตั้งใจทำให้ข้าหวาดกลัว ท่านย่า ท่านไม่รู้เื่ใบหน้านาง...”เหนียนเฉิงโต้กลับทันที ทว่าเมื่อเอ่ยถึงใบหน้า แม้แต่สีหน้าของหนานกงเยวี่ยก็เปลี่ยนไปหันมองไปที่จ้าวอิ้งเสวี่ย สีหน้าคล้ายกำลังเตรียมการป้องกัน
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเห็นในสวนบุปผาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นรู้สึกเป็ทุกข์มากขึ้นกับความลำบากที่เหนียนเฉิงได้รับ "ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยรูปลักษณ์ใบหน้าของท่านเสียหาย แต่ก็ไม่สามารถมาทำเช่นนี้กับเฉิงเอ๋อร์ได้เขาไม่มีความผิด"
"ไม่มีความผิดหรือ?"
จ้าวอิ้งเสวี่ยดูเหมือนจะได้ยินเื่น่าขำที่สุดในโลกหล้าเหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนและจิบชาต่อไป "เช่นนั้นท่านย่าก็ลองพูดดูว่าเหนียนเฉิงแท้จริงเขาไม่มีความผิดอย่างไร?"
“เฉิงเอ๋อร์เป็คนใจดี ในกรณีของเ้าหลังจากพวกเ้าผ่านคืนร่วมหลับนอนกันแล้ว เขาก็ยังแต่งงานกับเ้าได้ นับเป็เื่ที่ดีมากแล้วเ้าอย่าได้คิดว่าตระกูลเหนียนจะรังแกได้ง่ายๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างคลุมเครือทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับฟังอย่างระคายหู
นางวางถ้วยชาในมือลงเหลือบมองหนานกงเยวี่ยอย่างครุ่นคิด ไม่พลาด่เวลาที่อีกฝ่ายรู้สึกหวาดผวา
"ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียน"จ้าวอิ้งเสวี่ยเปลี่ยนคำพูด น้ำเสียงของนางรุนแรงขึ้น“ได้ยินมาว่าท่านพักอยู่ที่ลานฉีชานที่แยกออกไป ดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่ทราบเื่ราวมากมายที่เกิดขึ้นในเมืองชุ่นเทียนในระยะนี้เท่าใดนักใช่หรือไม่?เมื่อครู่นี้ท่านก็เห็นใบหน้าของเปิ่นจวิ้นจู่แล้ว ใบหน้าเสียโฉมหมดสิ้นแล้วท่านรู้หรือไม่ว่ามันเสียโฉมได้อย่างไร?”
แววตาของเหนียนเฉิงสั่นไหวหนานกงเยวี่ยก็กำผ้าเช็ดหน้าปักลายแน่น สีหน้าของนางดูไม่สงบสุขอยู่บ้าง"ท่านแม่ ท่านอย่า..."
"ฮูหยินเหนียน ท่านรีบร้อนอะไรหรือ?"
หนานกงเยวี่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่างจ้าวอิ้งเสวี่ยตัดบทนางอย่างเ็า"เป็เพราะกลัวว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนจะรู้ความจริงเช่นนั้นหรือ? ในสายตาของฮูหยินแล้วไม่ว่าบุตรชายท่านจะทำสิ่งใดก็ล้วนไม่ผิด ในเมื่อเป็เช่นนี้ ท่านจะกลัวอะไร?"
ใบหน้าหนานกงเยวี่ยอึมครึมมืดมน ในอดีตคนที่ไม่ฟังใครเช่นนางยามนี้กลับนิ่งเงียบ
“โอ้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียน าแบนใบหน้าของข้าถูกไฟเผา วันนั้นข้าอยู่ในกองเพลิงได้รับความทุกข์ทรมาน คิดว่าตนคงต้องตายอยู่ในนั้นเป็แน่ ทว่า์มีตา…”ความเกลียดชังบังเกิดในดวงตาจ้าวอิ้งเสวี่ย นางจ้องมองฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนโดยไม่แม้แต่จะปิดบังอำพรางสักนิด "และไฟนี่ เป็เหนียนเฉิงหลานชายผู้ใจดีที่เ้าพูดถึงเป็คนวางเพลิง เขาทำลายความบริสุทธิ์ของข้า ทำลายรูปโฉมของข้า เดิมทีข้าก็สมควรตายไปแล้ว!"
คำว่าตายคำนั้นแทบหลุดออกมาจากฟัน ทำให้คนที่ได้ยินหวาดกลัวจนตัวสั่นในใจเหนียนเฉิงก็ยิ่งตึงเครียด กลืนน้ำลายลงไปโดยไม่รู้ตัว
“เปิ่นจวิ้นจู่แต่งให้เขาก็นับว่าเป็การช่วยชีวิตเขาแล้ว” จ้าวอิ้งเสวี่ยก้าวไปข้างหน้า จ้องมองฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนที่ตกตะลึงไปเล็กน้อย“ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียน ตอนนี้ท่านลองพูดดูสิว่าแท้จริงผู้ใดกันแน่ที่มีเมตตาอย่างยิ่งยวด?!”
หลายคำถามต่อเนื่องกัน ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนตื่นตระหนกเมื่อถูกถาม
นึกถึงที่หนานกงเยวี่ยพูดมาทั้งหมด มิใช่จ้าวอิ้งเสวี่ยไปล่อลวงเฉิงเอ๋อร์หรือ?
นางคิดว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่าเื่ที่ใบหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ยโดนทำลายล่อลวงเฉิงเอ๋อร์ให้เขามารับผิดชอบงานแต่งครั้งนี้
ทว่านางไหนเลยจะรู้ว่า...
"หนานกงเยวี่ย!" ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนหน้าเสีย ะโใส่หนานกงเยวี่ยอย่างรุนแรง "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
“ท่านแม่ เื่นี้มีความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย”หนานกงเยวี่ยขมวดคิ้ว ในหัวคิดหาวิธีจัดการอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางเสียใจแล้วที่พาฮูหยินผู้เฒ่ามาที่นี่ทว่านางจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยจะอยู่ที่นี่ด้วย? ยามนี้เื่ทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนแล้ว...
“ใช่ จ้าวอิ้งเสวี่ยพูดจาไร้สาระเห็นได้ชัดว่านางเป็คนล่อลวงข้าในคืนนั้น…” เหนียนเฉิงผลักความรับผิดชอบ “ท่านย่าท่านรู้จักข้าดีที่สุด ข้าจะไปทำเื่ข่มเหงผิดประเวณีเช่นนั้นได้ที่ไหนกัน?”
จ้าวอิ้งเสวี่ยจ้องมองสองแม่ลูกคู่นี้ในใจก็ยิ่งรู้สึกโกรธเกลียดคับแค้น นางกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างเสียงของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมาก่อน น้ำเสียงคลุมเครือเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เ้าไม่ได้ทำเื่ผิดประเวณีพวกนั้นเช่นนั้นเป็ไปได้หรือไม่ที่คุณหนูรองตระกูลเหนียนจะเป็คนทำเื่แย่ๆ เ่าั้?”