เมื่อได้ยินเ้าแมวร้องอย่างดูแคลน ตู้โซ่วโซ่วจึงไม่ค่อยพอใจนัก“ข้าขอเตือนว่าข้าเป็นายเ้านะ เ้าก็แค่แมวที่ได้แต่นอนอยู่ในอ้อมแขนคนอื่นทั้งวันทั้งคืนมีสิทธิ์อะไรมาดูแคลนข้า หือ!”
เ้าแมวน้อยยืนขึ้นบนมือของอันเจิงแล้วทำท่าคล้ายบิดี้เีท่าทางเหล่านี้ของเ้าแมวน้อย ตู้โซ่วโซ่วมองปราดเดียวก็รู้ว่าในสายตาของมันคงรู้สึกว่าตัวเองคือแมวจักรพรรดิ ดังนั้นถ้าจะหัวเราะเยาะหรือดูแคลนใครก็คงไม่เป็อะไรเพราะความงามในตัวมันคือความยุติธรรม
ระยะทางต่อจากนั้น ตู้โซ่วโซ่วก็ไม่ได้สนใจท่าทางของแมวน้อยอีกเขาเดินแบกอันเจิงไปพลางปากก็ร้องถาม “อันเจิง ข้าดูว่าเ้าก็ผอมอยู่หรอกนะแต่ทำไมตัวเ้าถึงหนักได้ขนาดนี้...”
อันเจิงยิ้มและตอบด้วยเสียงแ่เบา “โซ่วโซ่วเ้ารู้หรือไม่ คนที่เ้าแบกอยู่ในตอนนี้ ยิ่งแบกนานยิ่งหนักขึ้น นี่ไม่ใช่เื่ที่ดีหรอกหรือ?”
“ทำไมหรือ?เ้าจะพูดอะไรกันแน่?”
“ข้าจะบอกว่า...ก็เ้าเหนื่อยน่ะสิ”
ตู้โซ่วโซ่วนิ่งคิด พลันเบะปาก “เป็แบบนี้แล้วยังจะมาล้อเล่นอีกอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ท่านแม่ข้าบอกเอาไว้ว่า ตอนที่ท่านย่าของข้าป่วยหนัก นางแบกท่านย่าขึ้นหลังแล้ววิ่งพาไปหาหมอเมื่อไปได้ครึ่งทางตัวท่านย่ายิ่งแบกยิ่งหนัก ยังไม่ทันได้วิ่งไปไกลกว่านั้น ท่านย่าของข้าก็ตาย...พวกหมอเขาบอกมาว่าคนที่ใกล้ตายจะเริ่มตัวหนักขึ้น แต่ไม่เป็ไร เ้าวางใจได้ มีข้าอยู่ อย่างไรข้าก็จะไม่มีวันปล่อยให้เ้าตาย”
อันเจิงหัวเราะออกมา “ข้าไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนั้นอีกครั้งแน่”
ตู้โซ่วโซ่วไม่เข้าใจประโยคที่อันเจิงเพิ่งพูดจบมากนัก แต่คิดว่าอันเจิงคงหมายถึงเื่ที่เคยโดนกลุ่มเกาตี้ทำร้ายจนเกือบตายเขาไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่า คนที่อยู่บนหลังของเขาตอนนี้เคยเป็ยอดฝีมือที่ต่อสู้และตายอยู่นอกเทือกเขาชางหมานและตอนนี้ก็ได้กลายมาเป็อันเจิง ครั้งหนึ่งที่อันเจิงกับความตายอยู่ห่างกันแค่เอื้อมมือนั่นก็เป็เพราะา อันเจิงก็เพิ่งรู้ เมื่อตอนอยู่ที่ราชสำนักต้าซีคนที่รอคอยความตายของตนเองมันไม่ใช่แค่ที่เขาเห็นที่นั่นเท่านั้นแต่ยังมีคนแบบอันเจิงที่พร้อมจะตายไปกับเพื่อนที่คอยเคียงข้าง
บ้านของอันเจิงอยู่ไม่ห่างจากโรงหมอมากนัก โรงหมอที่นี่ก็ไม่ได้แย่กระไร เพียงแต่ว่าคนที่นี่เห็นแก่เงินถ้าไม่มีเงิน แม้ว่าคนกำลังจะตายตรงหน้าพวกเขาก็จะไม่ลงมือทำอะไร ปล่อยให้ตายอยู่ตรงนั้น
เมื่อตู้โซ่วโซ่วแบกอันเจิงมาถึงหน้าประตูของโรงหมอชวีก็มีชวีหลิวเอ๋อ ลูกศิษย์ของท่านหมอมายืนขวางประตูเอาไว้ โรงหมอกำลังจะปิดแล้วตอนนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็สีดำ บนถนนใหญ่ก็ไม่มีคน ชวีหลิวเอ๋อคนนี้ดูแล้วอายุไม่น่าจะถึงเจ็ดปีรูปร่างผอมขาว ตัวเล็ก ๆ ดูค่อนข้างเหนื่อยล้าแต่หน้าตายังน่ารัก เขามีดวงตากลมโตมีคิ้วที่โค้งงอเหมือนใบหลิว ใบหน้าเรียวยาวได้รูปดูไปแล้วก็เหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย
“หลิวเอ๋อรีบไปตามท่านหมอมารักษาอันเจิงเร็วเข้า”
ตู้โซ่วโซ่วที่กระหืดกระหอบแบกอันเจิงมาถึงหน้าประตูโรงหมอส่งเสียงขึ้นภาพที่เห็นทำให้ชวีหลิวเอ๋อใจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อเห็นร่างชุ่มเืของอันเจิงสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเขาพอจะรู้เื่ที่อันเจิงสู้กับพวกนักเลงอันธพาลหน้าโรงเหล้าอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้สิ่งที่ชวีหลิวเอ๋อคิดเป็สิ่งแรก นั่นก็คืออันเจิงถูกคนพวกนั้นทุบตีมา
“แต่ว่า...แต่ว่าท่านหมอรักษาให้ไม่ได้”
คนในย่านหนานชานรู้ดีว่า ที่โรงหมอชวีมีสามสาเหตุที่ไม่รับรักษา...ถ้าเป็เวลาดื่มเหล้าก็จะไม่รับรักษาถ้าตกค่ำแล้วก็จะไม่รับรักษา และถ้าไม่มีเงินก็จะไม่รับรักษา
เมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรชวีหลิวเอ๋อจึงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ตอนนี้ก็พลบค่ำแล้ว ท่านหมอออกไปดื่มเหล้าแล้วล่ะ”
“แต่ถ้าไม่ช่วยอันเจิง เขาต้องตายแน่ ๆ!”ตู้โซ่วโซ่วพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนและขอร้อง
ยิ่งเป็แบบนี้ยิ่งทำให้ชวีหลิวเอ๋อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีแต่แล้วก็มีชายวัยประมาณห้าสิบปีเดินออกมาจากด้านใน เขามีเคราเหมือนแพะ ร่างกายผ่ายผอม“ใครมาโหวกเหวกโวยวายอะไรแถวนี้ ไม่ได้ดูหรือว่าที่นี่มันที่ไหน ที่นี่โรงหมอชวีในย่านหนานชานมีใครหน้าไหนกล้ามาโวยวายแบบนี้บ้าง หา!”
ตู้โซ่วโซ่วเห็นท่านหมอชวีจึงแบกอันเจิงเดินเข้าไปใกล้“ท่านหมอชวี ข้าขอร้องล่ะ ช่วยอันเจิงด้วยเถอะ เขาได้รับาเ็มา”
ชวีเฟิงจื่อมองไปที่อันเจิงแวบหนึ่ง เขาใกับเืที่เห็นบนตัวของอันเจิงแต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วแล้วส่ายหัวทันที“ในย่านหนานชานแห่งนี้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าข้า หมอชวี มีสามเหตุผลที่จะไม่รับรักษาคนหนึ่งคือถ้าพลบค่ำข้าจะไม่รักษา สองคือถ้าเป็เวลาดื่มเหล้าของข้า ข้าก็ไม่รักษาสุดท้ายถ้าไม่มีเงินข้าก็ไม่รักษา พวกเ้าสองคนดูแล้วก็น่าจะเป็เพียงเด็กยากจน จัดอยู่ในข้อสามที่ข้าจะไม่รับรักษาจงไปซะ ไป! อีกอย่างข้าก็ไม่เคยเห็นหรือรู้จักพวกเ้ามาก่อน ดังนั้นไปซะ!”
ตู้โซ่วโซ่วได้ยินดังนั้นจึงหยิบเงินออกมา“ท่านหมอชวี ข้ามีเงิน!”
ชวีเฟิงจื่อเมื่อได้เห็นเงินที่ย้อมไปด้วยเืก็ตาโต“นี่มัน...”
“ยังไม่พอหรือท่านหมอ?ถ้ายังไม่พอที่บ้านยังมีเงินอีก ท่านพูดมาเลยว่าค่ารักษาเท่าไหร่”
ชวีเฟิงจื่อเริ่มพูดไม่ออก “ข้าก็พูดไปแล้วเื่กฎข้าจะทำอะไรนอกเหนือจากกฎไม่ได้...ตอนนี้พลบค่ำแล้วข้าไม่รับรักษา ยิ่งเป็เวลาดื่มเหล้าของข้าด้วยข้าก็ไม่รับรักษา...แต่ว่าพวกเ้ามีเงิน เงินต้องมาก่อน งั้นก็รีบเข้ามาเข้ามาเร็ว ๆ หลิวเอ๋อ เ้ายังไม่รีบพาพี่ชายคนนั้นเข้ามาอีกทำไมทำอะไรถึงไม่ระมัดระวัง ดูสิตอนนี้เืท่วมตัวเขาไปหมดแล้ว”
ชวีเฟิงจื่อบอกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเืแต่อันเจิงไม่ใกับสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย ร่างของเขาอยู่บนหลังตู้โซ่วโซ่วชวีเฟิงจื่ออาจจะยังเห็นไม่ชัด จริงอยู่...ตัวของเขาอาจโชกไปด้วยเืแต่มันไม่ได้ไหลออกมาจากร่างของเขา แล้วในตอนนี้ชวีเฟิงจื่อก็รู้แล้วว่าเืที่เปรอะอยู่เต็มตัวนั้นไม่ใช่เืของเขาเลย
ชวีเฟิงจื่อรีบเข้ามานำร่างของอันเจิงลงจากหลังตู้โซ่วโซ่วเขามองหน้าขาวซีดและร่างกายเต็มไปด้วยเืของอันเจิง ภาพตรงหน้าของเขาทำให้ใ
“มาช่วยประคองเขาทีข้าจะตรวจชีพจรดูหน่อย”
ชวีเฟิงจื่อพับแขนเสื้อของอันเจิงขึ้นแล้วจับชีพจรทันทีเมื่อตรวจดูแล้วหน้าของเขาถึงกับถอดสี “มัน...มันเป็แบบนี้ได้อย่างไรกัน?เ้า...เ้าเป็คนหรือเป็ผีกันแน่!”
เขาเริ่มะโโหวกเหวกโวยวาย แล้ววิ่งไปหลบที่ด้านหลังตู้
“เกิดอะไรขึ้นหรือ ท่านหมอชวี?” ตู้โซ่วโซ่วโพล่งถามออกไปทันที
หน้าของชวีเฟิงจื่อซีดเผือด “ถึงข้าจะไม่ได้ทำความดีมากนักแต่ก็ไม่เคยทำเื่เลวร้าย เ้าผีร้ายเ้า้าชีวิตข้าอย่างนั้นรึเ้าจะมาเอาชีวิตข้าไปไม่ได้นะ...ถ้าเ้า้าเรียกร้องความยุติธรรมละก็เ้าก็ไปหาคนที่มันทำร้ายเ้าสิ ข้าอยู่โรงหมอ ที่นี่เป็ที่รักษาคนเจ็บป่วยไม่มีพวกคนเลวหรอก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชวีเฟิงจื่อพล่ามตู้โซ่วโซ่วก็ดึงเขาออกมา “สรุปแล้วท่านจะช่วยหรือไม่ช่วย!”
ชวีเฟิงจื่อสะบัดมือของตู้โซ่วโซ่วทิ้ง “เขาตายแล้ว!ข้าจะช่วยเขาได้อย่างไรกันเล่า!”
ชวีหลิวเอ๋อขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปจับชีพจรของอันเจิงบ้างไม่นานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน “อวัยวะภายในทั้งห้าได้รับความเสียหายอย่างหนักโดยเฉพาะม้ามแตก ตับฉีก ชัดเจนว่า...ว่าอย่างไรเขาก็ต้องตายไปแล้ว เขาตายไปแล้วอย่างแน่นอน”
อันเจิงเริ่มผ่อนลมหายใจช้า ๆหลังจากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “ตอนนี้ข้ายังไม่ตายแต่ถ้าพวกท่านไม่ช่วยข้าละก็ ข้าเกรงว่าจะทนได้อีกไม่นานอวัยวะภายในทั้งห้าของข้านั้นไม่เสียหายมากนัก ไม่ได้หนักหนาเหมือนที่พวกท่านกังวลใจแต่ถ้ามียาสมุนไพรพวกดีงู ใบไม้เก้าแฉก ทรายแดง และฟางแห้งรบกวนท่านช่วยหยิบออกมาให้ข้าหน่อยหลังจากนั้นนำเืพิษสามชนิดมาผสมเพื่อกระตุ้นฤทธิ์ยานำส่วนผสมทั้งหมดไปต้มจนได้ที่แล้วนำมาให้ข้าดื่ม”
“ไร้สาระสิ้นดี!”
ชวีเฟิงจื่อได้ฟังอันเจิงพูดเื่ยาที่จะใช้รักษาก็เกิดโมโหขึ้นมา“ถ้าเ้าไม่เข้าใจในศาสตร์ของสมุนไพรก็อย่ามาพูดจาซี้ซั้วแบบนี้ ตัวยาแต่ละตัวที่เ้าพูดมานั้นเอามาผสมรวมกันไม่ได้ใครกินเข้าไปมีแต่ตายกับตาย! เ้ามันเป็ผีข้าคงไม่สามารถเอายามารักษาผีแบบเ้าได้หรอก”
อันเจิงมองไปที่ตู้โซ่วโซ่ว “เ้าเอาเงินออกมา”
ตู้โซ่วโซ่วหยิบเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ “ท่านหมอท่านทำตามที่เพื่อนข้าคนนี้พูดเถอะ ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะเข้าใจเื่ยาหรือไม่แต่ว่าข้าเชื่อใจเขา”
“นี่มันไม่ใช่เื่เงิน!” ชวีเฟิงจื่อพูดเสียงดัง
“หมอแต่ละคนย่อมมีกฎเป็ของตัวเองข้าไม่รับรักษาถ้าไม่เป็ไปตามกฎที่ข้าตั้งไว้ พวกเ้ามีเงินข้าย่อมรักษาให้แต่ตัวยาที่เ้าบอกมามันกินไม่ได้ ข้าเปิดประตูรับรักษาไปแล้ว ข้าจะยอมให้เ้ามาตายในโรงหมอของข้าไม่ได้เป็อันขาดหากมีคนแพร่งพรายเื่นี้ออกไป ชื่อเสียงที่สร้างมาั้แ่รุ่นปู่ย่าต้องโดนทำลายไปหมดแน่หลิวเอ๋อ ไปเอาเสี่ยวหวานต้าน (ยาสมุนไพรที่ใช้กลวิธีในการกลั่นออกมามีลักษณะเป็น้ำสีเขียว) มาให้เขากิน ข้าจะช่วยรักษาอวัยวะภายในให้เ้าตามวิถีทางของข้าจะอย่างไรข้าก็ต้องลากเ้าออกมาจากประตูนรกให้ได้”
“ท่านหมอ จัดยามาตามที่ข้าบอกเถอะ”
“เสี่ยวหวานต้านมีฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรง อวัยวะภายในของข้าได้รับาเ็อย่างหนักแม้ว่าจะฝึกฝนร่างกายเป็อย่างดี แต่ร่างกายได้รับาเ็เช่นนี้ไม่สามารถกินยาอะไรได้ไม่ว่าตัวยาสมุนไพรชนิดไหนก็ล้วนแต่เป็พิษกับร่างกาย จึงต้องใช้เืพิษสามชนิดมาผสมกับยาสมุนไพรก่อนใช้พิษต้านพิษ แม้ว่ามันอาจจะทำให้ร่างกายเสียหายไปบ้าง แต่สามารถห้ามเืได้ก็ยังดีอีกทั้งพิษเหล่านี้ไม่สามารถฆ่าใครได้ตราบใดที่ใช้มันอย่างถูกวิธี”
ชวีเฟิงจื่อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เ้ารู้เื่พวกนี้ได้อย่างไรกัน?”
“เมื่อตอนที่ข้าตัดฟืนอยู่หลังเขาข้าได้พบตำราโบราณเล่มหนึ่ง ข้างในนั้นมีสูตรยามากมายแต่ตำราเล่มนั้นขาดหลุดลุ่ยไปหมด ตอนนี้ก็หาไม่เจออีกแล้วถ้าท่านทำตามที่ข้าบอก ข้าจะจดสูตรยาพวกนั้นให้แก่ท่าน”
ชวีเฟิงจื่อเงียบไปครู่หนึ่ง“ข้าก็ช่วยได้เท่านี้ เ้าหาทางตายของเ้าเอง หลังกินยาตามที่เ้าบอกแล้วหากจะตายก็ไปตายที่นอกประตูอย่ามาตายที่นี่ ส่วนสูตรยาที่เ้าพูดถึงเมื่อครู่ก็จดมาให้ข้าซะข้าจะไม่คิดค่ารักษาพวกเ้า”
เขาเอามือดันเงินที่วางอยู่บนโต๊ะไปข้างหน้า “เอาเงินเ้าคืนไป”
อันเจิงโบกมือ “ถ้าเป็เช่นนั้นข้าขอรบกวนท่านอีกเื่ ช่วยหาถังใบใหญ่มาสักใบเถอะ ข้าอยากจะล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อย”
“นี่เ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
ชวีเฟิงจื่อฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนนี้อวัยวะภายในของเ้าาเ็หนักถ้าอาบน้ำร้อนก็เท่ากับว่าหาทางตาย!”
อันเจิงส่ายหัว “ทำตามที่ข้าบอกเถอะ จะตายหรือไม่อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับท่านอยู่แล้ว”
ชวีเฟิงจื่อทำท่าฟึดฟัด “ถ้าอยากตายนักเ้าก็ตายไปเลยหลิวเอ๋อ ถ้ามันตายเ้าก็มาเก็บศพมันไปด้วย!”
เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องไปส่วนชวีหลิวเอ๋อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้า อันเจิงเห็นว่าชวีหลิวเอ๋อยังคงทำอะไรไม่ถูกจึงหัวเราะออกมา“เ้าไม่ต้องกลัว ข้าคือคนที่าเ็ ดังนั้นข้ารู้อาการตัวเองดีที่สุด เ้าแค่ไปเอายามาตามที่ข้าบอกหลังจากนั้นเตรียมถังน้ำร้อนไว้หนึ่งใบ แล้วก็...เตรียมเสี่ยวหวานต้านไว้ด้วยข้าจะใช้มันภายหลัง”
ชวีหลิวเอ๋อวิ่งไปวิ่งมาทำตามที่อันเจิงร้องขอ ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกเชื่อใจเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาแค่หนึ่งหรือสองปีคนนี้นัก
“ชวีเฟิงจื่อก็ไม่ใช่คนเลวซะทีเดียว” อันเจิงที่นอนมองอยู่พูดขึ้น
“ชวีหลิวเอ๋อเป็เด็กผู้หญิง แล้วก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเือะไรกับชวีเฟิงจื่อเช่นนั้นก็คงจะเป็ลูกบุญธรรมของเขากระมัง”
“เ้ารู้ได้อย่างไรกัน?” ตู้โซ่วโซ่วอดถามไม่ได้
“โซ่วโซ่ว เ้าว่าชวีหลิวเอ๋อน่ารักหรือไม่?”
“น่ารักสิ!”
“แล้วชวีเฟิงจื่อเล่าดูดีหรือไม่?”
“ทำไมถึงพูดเื่นี้ล่ะ?”
“เป็ไปได้หรือไม่ว่า ชวีเฟิงจื่อได้ร่วมหอกับหญิงงามนางหนึ่งแล้วก็ให้กำเนิดบุตรีออกมาเป็ชวีหลิวเอ๋อ?”
ตู้โซ่วโซ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “มันก็เป็ไปได้แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจชวีเฟิงจื่อ คนคนนี้ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าเป็คนดีหรือเลว เหตุใดจะต้องเกรี้ยวกราดใส่เ้าขนาดนี้แล้วเื่นี้มันเกี่ยวข้องอย่างไรกับเ้า เ้าแค่มารักษาอาการาเ็ก็เท่านั้น”
อันเจิงยิ้มพลางส่ายหัวแล้วไม่พูดอะไรอีก
เขาอุ้มเ้าแมวน้อยไว้ที่อ้อมแขน ค่อย ๆลูบหลังมันอย่างอ่อนโยน ในใจพลางคิดว่าระหว่างชวีเฟิงจื่อและชวีหลิวเอ๋อจะต้องมีเื่อะไรแอบซ่อนอยู่แน่
ในขณะที่อันเจิงกำลังรักษาอาการาเ็อยู่นั้นด้านนอกของโรงหมอก็มีเด็กหนุ่มชุดดำสามคนกำลังเดินเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาดูมืดมน ั์ตาแฝงไปด้วยความดุร้ายเมื่อเข้ามาก็สอดส่องสายตาไปทั่ว สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่อันเจิงความเกลียดชังในดวงตาของพวกเขาไม่สามารถปกปิดได้