มีดของอันเจิงนั้นทื่อมาก ทุก ๆ ครั้งที่เฉือนลงไปกลับสร้างเพียงรอยแผลตื้นๆ ซึ่งในความเป็จริงด้วยแรงที่เขาใช้ ควรจะทำให้เกิดแผลลึกกว่านี้ เวลานี้เสียงร้องของพวกที่นอนกองอยู่ดังระงมทั้งยังแหลมเสียดหูน่าหดหู่ใจยิ่งนัก เืที่เจิ่งนองย้อมกองเงินให้กลายเป็สีแดงฉานเมื่อซึมลงไปในพื้นดินก็ทำให้พื้นดินกลายเป็สีดำ ดำราวกับด้านมืดในจิตใจของมนุษย์
เส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมก็ไม่ใหญ่มากนักทำให้เส้นทางมีดของอันเจิงอยู่ในรัศมีวงล้อมได้อย่างพอดิบพอดีเขายืนอยู่ตรงกลางของวงกลมที่เขาสร้างขึ้นจากเงิน ไม่ว่าพวกมันจะลงมือจากทิศทางไหนมีดของเขาก็สามารถกวัดแกว่งตรงสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำจนพวกมันค่อย ๆร่วงไปทีละคน ตอนนี้ที่นอกวงกลมเต็มไปด้วยคนที่นอนกองกันเป็ูเาแต่ก็ไม่มีใครตายแม้แต่คนเดียว
ตามอุปนิสัยของอันเจิงนั้นการฆ่าคนไม่ได้มีความหมายอะไร สิ่งแรกที่ภายในใจของเขาคิดคือ คนพวกนี้อย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้วใจหนึ่งก็อยากจะไว้ชีวิตพวกมันแต่อีกใจหนึ่งเพราะพวกมันคือพวกคนชั่ว...ความคิดที่จะฆ่าจึงแล่นเข้ามาเพราะอย่างไรพวกคนชั่วก็สมควรตาย
คนที่ล้มลงไปในวงล้อมมีเกินกว่าครึ่งพวกมันนอนกองอยู่รายรอบราวกับเป็กำแพงมนุษย์ ทำให้พวกที่ยังอยู่ภายนอกเริ่มรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาเริ่มถอยเท้า ต่างมองหน้ากันและกัน แววตาของอันเจิงราวกับส่งคำถามเยือกเย็นออกไปเหตุใดไม่เข้ามาสักทีเล่า? ด้านพวกที่อยู่ข้างนอกก็ส่งสายตากลับไปในความหมายเดียวกันเหตุใดถึงไม่บุกออกมาเล่า? การต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธถือเป็เื่ปกติมากในย่านหนานชานในโลกมายาก็เช่นกัน การชกต่อยเป็เื่ที่พบเห็นได้บ่อยจนชินตา
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้กลับเป็ฝ่ายของกลุ่มวัยรุ่นที่ล้มลงไปกองกับพื้นในขณะที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็เพียงเด็กอายุสิบขวบที่ภายนอกดูอ่อนแอ ดังนั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้จึงเป็อะไรที่เกินความคาดหมายกลิ่นคาวเืที่เจิ่งนองจากการต่อสู้มันยิ่งทำให้น่าใมากขึ้น
อันเจิงใช้มือเช็ดเืที่กระเซ็นติดอยู่ตามใบหน้าของเขา ความอุ่นของเืบนใบหน้าทำให้เขานึกถึงความแค้นเมื่อในอดีตเขาใช้มีดฆ่าคนไปเรื่อย ๆ ใช้มีดฆ่าคนเพื่อรักษากฎหมาย
“พวกเ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยว่าทำไมคนดีต้องทำตามกฎหมายแต่คนชั่วไม่ต้อง? แล้วไอ้กฎมากมายที่ตั้งกันมามันตั้งมาเพื่อใครกันแน่?”
เด็กน้อยที่มีเืท่วมตัวค่อย ๆแหงนหน้าของเขาขึ้นพร้อมกับถามคำถามเดิมอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าตอบออกมา
“เพราะว่า...เพียงแค่ฝ่าฝืนกฎก็ต้องกลายเป็คนชั่วใช่หรือไม่?”
นอกวงกลมนั้น มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งตอบคำถามของอันเจิงในขณะที่ตอบอยู่นั้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่าขาทั้งสองข้างของตนเองนั้นอ่อนปวกเปียกและสั่นเพียงใด
อันเจิงยิ้มและหัวเราะออกมา ใบหน้าที่เปรอะไปด้วยเืเมื่อหัวเราะจนเห็นฟันขาวทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวและตัวสั่นเทายิ่งขึ้น “คำตอบของพวกเ้าก็มีเหตุผลอยู่...แต่พื้นฐานของมันก็คือกฎหมายไม่ได้ใช้ควบคุมคนดี แต่ใช้ควบคุมคนเลวอย่างพวกเ้า อย่างเช่นถ้าวงกลมวงนี้เป็กฎหมาย เมื่อพวกเ้าเข้ามาท้าทาย กฎหมายก็จำเป็จะต้องมีบทลงโทษกลับไป”
คำพูดของเขา ไม่มีใครเข้าใจมัน
เมื่อคนแรกยอมรับความพ่ายแพ้เริ่มหันหลังวิ่งออกไปก็เป็สัญญาณให้พวกที่เหลืออยู่วิ่งออกไปจนหมด การต่อสู้ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นการโจมตีที่แม่นยำของอันเจิงทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวทุกคนต่างเห็นว่าคนที่าเ็อาการคล้ายจะสาหัส แต่กลับไม่มีใครถึงตาย
ด้านเฉินผู่ที่ยืนมองอยู่ตรงถนนสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปด้วยความใ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะดำเนินการตามแผนที่วางไว้หรือไม่พวกของต้าโค่วทั้งเก้าคนไม่มีใครปรากฏตัวออกมา เขาไม่คิดว่าพวกต้าโค่วจะหดหัวอยู่ในกระดองแต่จนถึงตอนนี้สักคนก็ยังไม่มีให้เห็น ดังนั้นพวกเขาน่าจะรู้ถึงแผนการของตระกูลเฉินแล้วหากยังคงทำตามแผนเดิมต่อไป ถึงจะฆ่าเ้าเด็กคนนั้นได้แต่มันก็คงไม่คุ้มค่าอยู่ดี
เด็กคนหนึ่งสวมชุดขนหมีสีขาวทั้งตัวเดินเข้ามายืนข้างกายเฉินผู่จ้องมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาอายุราวสิบปี สูงกว่าอันเจิงเพียงไม่มากเสื้อผ้าที่ใส่ดูประณีตสวยงาม ใบหน้าของเขาดูงดงามแต่แฝงไปด้วยความเ็าถึงแม้เขาจะเป็เพียงเด็กอายุสิบปี แต่ในแววตากลับดูสุขุมนุ่มลึกเหมือนผู้ใหญ่
ใบหน้าที่งดงามราวกับหยก ริมฝีบางแดงระเรื่อช่างเป็เด็กที่หล่อเหลานัก
“อาสามจะฆ่าเด็กคนนั้นรึ?” เขาชี้ไปที่อันเจิง
ท่าทางของเฉินผู่ที่มีต่อเด็กคนนี้ไม่ได้เป็ไปตามลำดับาุโแต่กลับค่อนข้างนอบน้อม เขายิ้มแล้วเอ่ยตอบเด็กชาย “นายน้อยแผนการเดิมของข้านั้น้ากำจัดไอ้พวกต้าโค่วทั้งเก้า ส่วนเด็กคนนั้น อันเจิง เป็เพียงแค่ตัวล่อพวกมันเท่านั้นแต่ว่าตอนนี้พวกต้าโค่วก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าจึงคิดว่าจะปล่อยอันเจิงไปก่อนส่วนแผนการที่วางไว้ก็ไม่จำเป็ต้องทำต่ออีกแล้ว ข้ากำลังจะส่งคนกลับไปแจ้งนายท่านและรอคำสั่งจากนายท่านอีกที”
“เื่เล็กเท่านี้...ไม่ต้องถึงมือท่านพ่อข้าหรอก”
เด็กในชุดคลุมสีขาวคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูโตกว่าอายุ“ตอนนี้แผนกำจัดพวกต้าโค่วไม่จำเป็อีกต่อไปแล้ว...แต่ว่าอันเจิง เ้าเด็กนั่นมันน่าสนใจเสียจริงน่าสนใจยิ่งกว่าไอ้พวกจางเหล่ยเสียอีก อีกทั้งมันยังดูแข็งแกร่งกว่าพวกจางเหล่ยมากอาสามพามันมาให้ข้าทีสิ พวกต้าโค่วคงไม่้ามันอีกแล้ว แต่ข้า้า จิตใจของมันโเี้นักหากเลี้ยงให้ดี ข้าก็คงจะได้มือขวาเสียที”
เขาหันหน้ามาทางเฉินผู่ “อีกไม่นานข้าจะต้องดูแลกิจการของตระกูลเฉินต่อไปตอนนี้ข้าอายุสิบเอ็ดปีแล้ว ข้าก็อยากมีลูกสมุนดี ๆ สักคนเอาไว้ใช้งาน”
เฉินผู่ใกับความคิดของเด็กที่อยู่ตรงหน้าที่พูดแต่ละคำออกมาโดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่มองไปที่นายน้อย เขารู้สึกได้ถึงความเ็าราวกับว่านายน้อยของเขาคนนี้เป็ปีศาจที่คลานออกมาจากนรก ไม่ใช่เพียงมนุษย์คนหนึ่งเมื่อเฉินผู่มองไปที่กลุ่มนักเลงอันธพาลที่นอนกองระเนระนาดและมีอันเจิงนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อพักผ่อนอีกครั้งเขารู้สึกว่าเ้าเด็กอันเจิงคนนี้ช่างดุดันและแข็งแกร่งเหลือเกิน
เมื่อนายน้อยตัดสินใจไปแล้วคงไม่จำเป็ที่จะต้องดำเนินการแผนนี้ต่อไปอีก
เฉินผู่โบกมือเป็สัญลักษณ์ให้ทุกคนกลับเหล่านักฆ่าของตระกูลเฉินทั้งหมดจึงล่าถอยทันที
“อาสาม ตอนนี้ข้าก็อายุสิบเอ็ดปีแล้วเรียกข้าว่านายท่านได้แล้วล่ะ อย่าเรียกว่านายน้อยอีกเลย ฟังแล้วมันไม่รื่นหู”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วโดยมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเจ็ดแปดคนคอยติดตาม ราวกับว่าเด็กพวกนั้นกำลังคอยป้องกันองค์จักรพรรดิของตนอยู่เด็กกลุ่มที่คอยล้อมรอบเขาอยู่นั้น เขาเป็คนจัดหาเพื่อมาเป็ลูกสมุนของตนเองจนตอนนี้พวกเขาเริ่มที่จะกลายเป็เสมือนสุนัขรับใช้อย่างช้า ๆ อีกไม่นานก็จะกลายเป็สุนัขที่มีประสบการณ์และช่ำชองแค่เพียงเขาชี้นิ้วสั่ง พวกมันก็พร้อมที่จับเหยื่อและฉีกออกเป็ชิ้น ๆ ให้ไม่เหลือซาก
เฉินผู่มองไปที่อันเจิงอีกครั้ง ตอนนี้อันเจิงกำลังลากพวกที่ได้รับาเ็ออกไปนอกรั้วบ้านเขาใช้มือจับไปที่ข้อเท้าแล้วลากพวกมันออกไปราวกับสุนัข หลังจากนั้นก็เหวี่ยงออกนอกประตูไป
อันเจิงเริ่มรู้สึกเหนื่อย วันนี้เขาใช้พลังไปกับการต่อสู้ค่อนข้างมากสภาพร่างกายก็ได้รับาเ็ไม่น้อย ดังนั้นหากออกแรงมากเกินไป าแที่มีอาจจะกระทบกระเทือนถึงเส้นประสาทได้หลังจากอันเจิงโยนคนสุดท้ายออกนอกรั้ว เขาก็เหนื่อยจนหอบจึงไปนั่งพักเอาแรงในบ้านที่หน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ไหลออกมา มันไม่ใช่เพราะอาการเหนื่อยแต่มันเป็เพราะความเ็ป
การาเ็ที่อวัยวะภายในทำให้เกิดความรู้สึกเ็ปรุนแรงในสมองของอันเจิงตอนนี้คิดแต่เพียงว่า ในที่แห่งนี้จะหายาอะไรมารักษาได้บ้างหากว่าร่างกายเจ็บจนทนไม่ไหวอย่างไรก็ต้องใช้ยา ยิ่งร่างกายของเขาตอนนี้กับร่างกายในอดีตก็ไม่เหมือนกันในหัวของเขามีสูตรยานับสิบชนิด เพราะตอนที่ทำงานอยู่ในกรมตุลาการ ตัวเขาเองเป็คนคิดค้นและทดลองใช้สูตรยาเหล่านี้ทั้งหมดแต่ว่าตอนนี้กลับไม่มีสมุนไพรที่จะเอามาทำยาได้แม้แต่อย่างเดียว
ในเวลานี้อันเจิงได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำอยู่ในน้ำโคลน แม้ไม่ได้หันหน้าไปตามเสียงนั้น แค่ฟังก็รู้ได้ทันทีว่าเ้าของเสียงฝีเท้าค่อนข้างหนักแน่นนี้เป็ตู้โซ่วโซ่วที่กลับมาหาเขา เสียงนั้นใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วคล้ายกับว่าเขาวิ่งมาตลอดทาง
เมื่ออันเจิงเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นใบหน้าที่ดูใและหวาดหวั่นของตู้โซ่วโซ่วเืของคนที่ได้รับาเ็อยู่ข้างนอกกระตุ้นความหวาดกลัวของเขามากขึ้นไปอีก
“อันเจิง เ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่”
เขาเดินย่ำกองเืของพวกที่ได้รับาเ็ข้างนอกเข้ามาทำให้ตอนนี้รองเท้าคู่นั้นของเขาก็ถูกย้อมไปด้วยเืสีแดงฉาน
อันเจิงส่ายหัวเบา ๆ “ข้าไม่เป็ไรแต่อาการาเ็ที่หวังเมิ่งและหวังจ้วงทำกับข้าไว้ มันเริ่มจะอาการไม่ค่อยดี”
ตู้โซ่วโซ่วก้มตัวลงไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็แบกอันเจิงใส่หลัง “ไป! พวกเราไปโรงหมอกันสภาพร่างกายของเ้าดูไม่ได้เอาเสียเลย ไม่รู้ว่าเืที่เต็มตัวเ้าอยู่ตอนนี้จะมีเืเ้าปนอยู่ด้วยหรือไม่”
ตู้โซ่วโซ่วเดินไปสองสามก้าวแล้วมองไปที่กองเงิน เขากลับมาหยิบเงินเก็บไว้ที่แขนของเขาที่โรงหมอ ซ่งหลางสนใจแค่เพียงเื่เงิน ส่วนเื่คนนั้นเขาไม่สนดังนั้นถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีทางที่เขาจะออกมารักษาแน่ ตู้โซ่วโซ่วมองไปที่เงินเ่าั้แล้วถอนใจ“ช่างน่าเสียดาย ถ้าพวกเราไปแล้ว เงินพวกนี้ก็คงรักษาไว้ไม่ได้”
อันเจิงสะบัดมือข้างหนึ่ง มีดก็บินออกมาปักลงไปที่กลางวงล้อมเงินนั้นตั้งตรงดิ่งราวกับไม้บรรทัด ไม่รู้ว่ามือของเขายังมีแรงออกอาวุธเช่นนี้ได้อย่างไร
อันเจิงที่ตอนนี้อยู่บนหลังของตู้โซ่วโซ่วยิ้มออกมา “ไปกันเถอะมีมีดนั่นอยู่ อย่างน้อยที่สุดคงไม่มีใครในย่านหนานชานกล้าย่างกรายเข้ามาแน่คนของตระกูลเฉินก็ไม่ได้เจอกับพวกต้าโค่ว คงไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าในเวลานี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ข้าว่าพวกมันอาจจะช่วยเราปกป้องเงินนั่นด้วยซ้ำ”
ตู้โซ่วโซ่วไม่รู้ว่าอะไรทำให้อันเจิงมั่นใจได้ขนาดนี้ ในตอนนี้เขาเป็ห่วงเพียงอาการาเ็ของอันเจิงเขาแบกอันเจิงวิ่งไปตามถนนมุ่งตรงไปที่โรงหมอในขณะที่เ้าแมวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของอันเจิงก็แทรกหัวของมันออกมาระหว่างร่างของอันเจิงและหลังของตู้โซ่วโซ่วใบหน้าของมันโดนเบียดจนบิดเบี้ยว
บนถนนอีกด้าน เฉินผู่ที่ยืนเฝ้าอยู่ก็สั่งการลูกสมุน“พวกเ้าปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ ถ้าใครกล้าหยิบเงินออกไปแม้แต่ตำลึงเดียวก็ฆ่ามันทิ้งซะถ้าพวกต้าโค่วทั้งเก้ามาก็บอกพวกมันไปว่า นั่นเป็เงินของบ้านตระกูลเฉินไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกมันอีก ั้แ่วันนี้ที่พวกมันทิ้งอันเจิงให้ต่อสู้ด้วยตนเองนั่นก็แสดงว่าพวกมันได้ปล่อยอันเจิงไปแล้วและไม่มีความสัมพันธ์ใดกันอีก คนที่นายน้อย้าคงไม่มีใครที่จะหยุดเขาได้”
เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังกลับไปพวกชายชุดดำที่เป็คนของบ้านตระกูลเฉินก็เฝ้าปกป้องบ้านของอันเจิงเอาไว้ตามคำสั่ง
บนถนนใหญ่ ตู้โซ่วโซ่วแบกอันเจิงวิ่งมาอย่างทุลักทุเลร่างของอันเจิงสั่นโคลงเคลงราวกับว่าอวัยวะภายในร่างกายจะหลุดออกมาแต่ยังโชคดีที่ร่างกายของตู้โซ่วโซ่วเต็มไปด้วยไขมัน อย่างน้อยก็ช่วยลดแรงกระแทกลงไปได้บ้างอันเจิงอดไม่ได้ที่จะถาม “โซ่วโซ่ว...เ้าไม่ได้กินเนื้อบ่อย ๆแล้วเ้าอ้วนได้อย่างไรกัน?”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร นี่เ้าจะบอกว่า ตอนนี้เ้ากำลังข้องใจกับความอ้วนของข้างั้นรึ?”
“ขอโทษ...ก็มันน่าสงสัยจริง ๆ”
“จริงสิอันเจิง เงินสามพันตำลึงของเ้าสามารถกินเนื้อได้เป็เวลานานเท่าไหร่หรือ?”
“ไม่รู้สิ เป้าหมายในชีวิตของเ้าคือการเปลี่ยนสิ่งของทุกอย่างไปเป็เนื้องั้นรึ?”
“แน่นอน ถ้าได้กินเนื้อทุกวันแล้วเ้าจะยัง้าอะไรอีก?”
“ฮ่า ๆ ๆ คำพูดเ้ามันช่างมีเหตุผลยิ่งแล้วข้าจะโต้แย้งอะไรได้เล่า”
ในขณะที่อันเจิงกำลังหัวเราะอวัยวะภายในของเขาก็กระทบกระเทือนทำให้เ็ป แต่ว่าเขาก็ยังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้นไม่หยุดเป็เวลาเนิ่นนานเหลือเกินที่มิตรภาพแสนบริสุทธิ์เช่นนี้ห่างหายไปจากชีวิตเขาอันเจิงที่อยู่บนหลังของตู้โซ่วโซ่วในตอนนี้คิดเพียงว่าหลังจากนี้จะทำให้เ้าอ้วนได้กินเนื้อทุกวัน ได้กินเนื้อทุกมื้อ และได้กินเนื้อทุกอย่างเขาไม่คิดว่าชีวิตของตู้โซ่วโซ่วจะเรียบง่ายขนาดนี้ แค่เพียงได้กินเนื้อชีวิตก็มีความสุขเป้าหมายที่เรียบง่าย ความพอใจง่าย ๆ ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขได้แล้ว
“โซ่วโซ่ว ภายภาคหน้าข้าจะพาเ้าไปเป็ขุนนางใหญ่ดีหรือไม่”
“ไม่ดี เ้าไปเป็เองเถอะขุนนางน่ะเดี๋ยวข้าจะเป็สมุนของเ้าเอง”
“ถ้าข้าบอกให้ไปต่อยใคร เ้าก็จะทำงั้นรึ?”
“มันต้องเป็แบบนั้นอยู่แล้ว!”
“ดี เ้ามั่นใจนะ ในภายหน้าถ้าข้าพูดว่าจัดการมัน เ้าก็จะพุ่งตัวไปจัดการทันที ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร”
“ไม่มีปัญหา เว้นก็เสียแต่ถ้าเป็ท่านพ่อท่านแม่ข้าข้าคงไม่ทำนะ”
“ไร้สาระน่า! ข้าจะให้เ้าตีบิดามารดาทำไมกันเล่า...โซ่วโซ่วเ้าชอบผู้หญิงแบบไหนหรือ ขาวอวบหรือว่าเอวบางร่างน้อย?อีกไม่นานพวกเราจะกลายเป็คนดังของย่านหนานชาน ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่จะมีแต่คนรักใคร่ชื่นชมพวกเรามากมาย”
“ข้าชอบแบบขาว ๆ อวบ ๆแบบพวกเอวบางร่างน้อยคงจะมานั่งกินเนื้อกับข้าไม่ได้ แต่ถ้าอวบ ๆ ละก็แน่นอนว่าข้าจะไม่ขาดเนื้อแน่ๆ ใช่หรือไม่เล่า?”
“...”
“เหมียว!”
เสี่ยวช่านเ้าแมวน้อยสีขาวร้องเบา ๆราวกับว่ากำลังดูแคลนความคิดของตู้โซ่วโซ่ว