ราชครูจ้งฟางนั้นความรู้กว้างขวางเทียบเท่าเกวียน ความสามารถสูงล้ำเหนือใคร
ตระกูลจ้งนั้นล้วนเป็ผู้มีความรู้สูงส่งทุกคน
ในตอนที่ยังไม่มีการหาปริทรรศน์ ไม่มีการหาอนุพันธ์ ไม่มีการหาปริพันธ์ พวกเขาอาศัยเพียงพื้นฐานในการคำนวณก็สามารถศึกษาดวงดาวได้
กระทั่งคนที่ไม่เกรงกลัวอำนาจใครอย่างเ้าสำนักเชินยามเห็นเขา ยังเรียกเขาว่านายท่านอย่างนอบน้อม
ตำราที่ราชครูจ้งฟางเขียนยังมากกว่าตำราที่คนอื่นเคยอ่านเสียอีก
ไม่เคยมีใครอาจหาญสงสัยในความรู้ของเขา
ด้วยเขานั้นสามารถนับได้ว่าเป็ยอดปราชญ์
ตำราที่สำนักการศึกษาในแคว้นเชินเลือกใช้ในการสอนศิษย์ โดยส่วนใหญ่ก็ได้เขาเป็ผู้เขียน
ทว่าบัดนี้กลับมีเด็กหญิงตัวน้อยบนหลังอาชาคนหนึ่งมาถามว่าเขารู้หนังสือหรือไม่
จ้งฟางบัดนี้อยากจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วร่ำไห้ออกมาจริงๆ
เขานั้นไม่คิดจะตอบคำถามที่ดูิ่เขาเช่นนี้
เด็กหญิงบนหลังม้านั้นหน้าตางดงามจนแทบล่มเมืองนัก
ทว่าบัดนี้เขาก็โกรธจนแทบจะล่มเมืองได้เช่นกัน
เขาเช็ดหน้าที่ยังมีหยดน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เกาะอยู่ทีหนึ่ง จากนั้นจึงล้วงเอาหมั่นโถวแข็งๆ ออกมาจากกระเป๋าลูกหนึ่ง คิดจะใช้แรงบิมันให้แยกออก ทว่าหมั่นโถวนั้นก็แข็งเกินไปจนบิให้แตกไม่ได้ จึงได้แต่โยนทั้งลูกเข้าไปในปาก
หมั่นโถวนั้นแห้งแข็งราวกับหิน เขาต้องใช้น้ำลายทำให้มันละลายจึงพอจะดีขึ้นบ้าง
เขาทั้งกระหาย ทั้งหิว ตรงหน้านั้นก็มีเพียงน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่กล้าดื่ม
ซ้ำเขายังโกรธนัก จึงไม่ได้หันไปมองเด็กหญิง
จากนั้นชายชราที่กินหมั่นโถวไร้รสชาตินั้นยังเต็มปาก ก็พลันได้กลิ่นหอมโชยมา
เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเด็กหญิงกำลังล้วงเข้าไปในกระเป๋าบนหลังม้าตัวโตนั่นแล้วหยิบผลไม้สีชมพูอ่อนอมเขียวออกมา แล้วจึงอ้าปากใช้ฟันคมๆ ของนางกัดลงไป ทันใดกลิ่นหอมหวานจากผลไม้ที่โดนกัดนั้นก็โชยมา
กลิ่นของมันหอมบริสุทธิ์ เพียงแค่ได้กลิ่นก็รับรู้ได้ถึงความหวานฉ่ำของมัน
เด็กหญิงยังคงตั้งใจมองเขา ทว่าในขณะเดียวกันปากก็ยังไม่หยุดเคี้ยวผลไม้ในมือ
เพียงครู่เดียวผลไม้ในปากยังไม่ทันละลาย นางก็กินผลไม้ของตนหมดเสียแล้ว ซ้ำยังเห็นว่านางนั้นถุยเมล็ดของมันออกมาทีหนึ่ง
จ้งฟางพลันรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา
ทว่าทันใดเขาก็คิดเื่น่าอับอายขึ้นได้ว่า ผลไม้ประเภทนี้ด้านในเมล็ดมันนั้นจะมีเมล็ดอ่อน
ขอเพียงแค่ใช้หินทุบให้มันแตกออก ด้านในเมล็ดอ่อนของมันก็จะมีน้ำมันอยู่ กินเข้าไปสักเมล็ดก็น่าจะพอคลายหิวได้สักมื้อ
เขาไม่อยากสนใจเ้าเด็กไร้มารยาทนี่
โดยเฉพาะหลังจากที่โดนองค์หญิงหักหลัง เขาจึงระมัดระวังเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับองค์หญิงเป็พิเศษ
เมื่อย้อนคิดกลับไป องค์หญิงน้อยนั้นก็นับว่าน่ารักเลยทีเดียว
เด็กหญิงตรงหน้านั้นป่าเถื่อนหยาบกระด้าง คำพูดคำจาก็กระโชกโฮกฮาก ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่
รอจนนางทิ้งเมล็ดนั่นลงมา เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเก็บ
ทว่ากลับเห็นมืออ้วนๆ ของนางเก็บเมล็ดที่เพิ่งคายออกมาเมื่อครู่ ป้อนใส่ปากให้เ้าม้าสีนิลใต้ร่างนาง
ทว่าก็มีเสียงกร๊อบดังขึ้นทีหนึ่ง จากนั้นจึงเห็นเ้าม้านั้นคายเมล็ดผลไม้คืนใส่มือของเด็กหญิง
จากนั้นจึงเห็นนางค่อยๆ แกะเปลือกนอกของเมล็ดออก แล้วจึงหยิบเมล็ดอ่อนของมันโยนใส่ปากของตน
จากนั้นเสียงเคี้ยวหนุบหนับของนางจึงดังขึ้นราวกับว่ามันอร่อยนัก
เขานั้นชอบกินเมล็ดอ่อนชนิดต่างๆ นี่เป็ความลับของตระกูลจ้ง ยามที่เด็กในตระกูลจ้งยังเล็กนั้น ก็จะถูกป้อนเมล็ดอ่อนพวกนี้ให้กิน ได้ยินว่ามันดีต่อสมองนัก
ทว่าน้ำลายในปากของเขาบัดนี้ก็ยังไม่พอจะละลายหมั่นโถวในปากได้
เพียงแต่เ้าเด็กนี้ถึงกับให้ม้าช่วยกะเทาะเปลือกเชียวหรือ......
จ้งฟางนั้นแทบจะถอนหายใจไม่ทันว่าเป็เ้าหนูน้อยที่แปลกหรือเป็เ้าม้ากันแน่ที่แปลก จากนั้นก็เห็นเด็กหญิงหยิบผลไม้แบบเดิมขึ้นมาอีกลูกหนึ่ง
กลิ่นหอมก็ลอยมาเช่นกัน
เด็กหญิงก็กินอย่างตั้งใจนัก ราวกับว่ามันคืออาหารที่อร่อยที่สุดสำหรับนาง
ชายชราที่ไม่อยากจะกล่าวอะไรกับเด็กหญิงก็พลันอดไม่ไหว คายหมั่นโถวในปากออกมาทันที หมั่นโถวนี่เขาอมไปตั้งนานสองนาน เพิ่งจะรู้สึกได้ถึงความเค็มอ่อนๆ ของมันเท่านั้น ้าก็เปียกเพียงนิดเดียว
เฮ้อ ไอ้หมั่นโถวนี่คงกินได้สักครึ่งเดือนกระมัง
“แม่หนู เ้ากินผลไม้อะไรกัน”
จ้งฟางแม้จะมีความรู้กว้างขวาง แต่เขานั้นกลับไม่เคยเห็นผลไม้เช่นนี้มาก่อน
เฉินโย่วเองก็ไม่รู้ว่ามันคือผลไม้อะไรเช่นกัน
มันคือแกนกลางของผักพระพุทธ ยามกะเทาะเปลือกนอกออกแล้ว ด้านในก็จะมีเมล็ดหนึ่ง แต่บางครั้งก็ไม่มีเช่นกัน
ทว่ายามนางกินผลไม้ในมือหมดแล้ว ก็ทำเช่นเมื่อครู่ ยื่นเมล็ดให้เ้าม้าช่วยขบให้ จากนั้นก็กินเมล็ดอ่อนของมัน
เด็กหญิงเช็ดปากสองสามที ก่อนจะตอบ “ข้าถามท่านก่อน ท่านก็ต้องตอบข้าก่อน”
ราชครู “......”
“ข้ารู้หนังสือ”
เฉินโย่วน้อยเมื่อได้ยินก็พลันตาเป็ประกาย
นางนั้นเสนอว่าจะออกมาหาอาจารย์ ความจริงก็แค่อยากจะหาอาจารย์ที่รังแกง่ายสักคน
ชายชราตรงหน้านั้นดูมอมแมม แววตาก็ซับซ้อน ดูแล้วน่าจะไม่ได้เป็คนดีนัก......อืม ท่านลุงสามก็พูดเองว่าให้หาคนที่ดูเป็คนดีเสียหน่อย
แน่นอนว่าต้องเป็ท่านผู้เฒ่าตรงหน้านี่แหละ
“ท่านผู้เฒ่า หมู่บ้านของข้ายังขาดอาจารย์อีกคนหนึ่ง หากท่านตกลงไปกับข้า ข้าจะแบ่งผลไม้ให้ท่านลูกหนึ่ง” เฉินโย่วน้อยบนหลังม้าหยิบผลไม้ขึ้นมาลูกหนึ่ง
ผักพระพุทธนั้นออกลูกไม่มาก ทว่าก็ยังพอมี เหล่าพี่ชายของนางและแม่นางหลัว หรือกระทั่งนายท่านสามนั้นก็ล้วนเก็บผลของมันไว้ให้นาง ด้วยนางนั้นไม่ชอบกินผัก แต่กลับชอบกินผลไม้มาก
ราชครูจ้งฟางมองผลไม้ในมือของเด็กหญิง ยามแสงแดดตกกระทบ ก็เห็นได้ถึงความฉ่ำและความนุ่มของมัน
คิดถึงยามที่เด็กหญิงกัดเข้าไป ก็เห็นน้ำของมันไหลออกมา
ซ้ำยังมีกลิ่นหอม
เมล็ดอ่อนมันก็เต็มคำนัก
เขากลืนน้ำลายลงหลายอึก ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ
ล้อเล่นกันหรืออย่างไร
เ้าสำนักเชินเชิญเขาเสียตั้งหลายครา เขายังไม่ยินยอมไปสอนที่สำนักนั้น เพราะจากที่เขาคาดการณ์ เ้าเด็กพวกนั้นน่าจะไม่ฉลาดพอ สอนไปก็คงจะเสียเวลาเปล่าๆ
ไม่สู้ใช้เวลาว่างศึกษาเื่ตัวเลขดีกว่า
ทว่าเ้าเด็กหญิงตรงหน้าเขานั้น กลับใช้ผลไม้แค่ลูกเดียวมาหลอกให้เขาไปสอน
ช่างดูถูกกันนัก
ราชครูเอาหมั่นโถวแข็งๆ ลูกเดิมใส่ปากอีกครั้ง
เฉินโย่วน้อยเห็นว่าเขาไม่ตกลง ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
เพียงแต่กินผลไม้นั้นเข้าไปรวดเดียวสามลูก ซ้ำยังกินเมล็ดอ่อนมันอีกสามคำ จากนั้นก็เรอออกมาเบาๆ
ต่อมาก็ล้วงน้ำตาลจากกระเป๋าบนหลังม้าขึ้นมาอีกก้อน
ด้านนอกของมันนั้นดูเหมือนน้ำตาลไหม้ ดูแล้วสีแดงๆ ด้านในยังมีไส้ ยามกัดเข้าไปคำหนึ่งก็ััได้ถึงความขมอ่อนๆ และความหวานของมัน
ขนมพวกนี้เป็ขนมที่แม่นางหลัวตั้งใจทำให้พวกเด็กๆ ได้กินเล่น
เม็ดมันแข็งหน่อยๆ เมื่อกัดเข้าไปก็จะััได้ถึงความกรุบกรอบ
ทุกครั้งที่เฉินโย่วกัด ก็จะมีเสียงดังขึ้น
น้ำลายของราชครูค่อยๆ ไหลออกมาอย่างไม่อาจห้าม เพราะเ้าขนมนี่หอมเสียยิ่งกว่าผลไม้เมื่อครู่เสียอีก
ไม่ใช่ความหอมสดชื่นแบบเมื่อครู่ แต่เป็ความหอมหวานเข้มข้น
ท้องของราชครูดัง “โครก” ขึ้นทีหนึ่ง
ทว่าน้ำลายที่กำลังไหลของเขาก็ไม่อาจทำให้หมั่นโถวนุ่มขึ้นได้อยู่ดี
ซ้ำเมื่อเ้าเด็กนั่นกินน้ำตาลก้อนจนหมดแล้ว ยังล้วงเข้าไปในกระเป๋าบนหลังม้า แล้วหยิบเนื้อแห้งขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง
เนื้อแห้งชิ้นเปียกนั้น ยังมองเห็นรอยเครื่องเทศที่ทาไว้
ราชครูได้แต่ถลึงตามอง
เนื้อที่ทาเครื่องเทศนั่นจะต้องอร่อยมากเป็แน่
เขาเห็นเ้าเด็กนั่นฉีกเนื้ออย่างตั้งใจ ฉีกเป็เส้นๆ แล้วเอาเข้าปาก จากนั้นก็ปรือตาลงเคี้ยวตุ้ยๆ ราวกับกำลังพอใจ
ราชครูพลันถุยหมั่นโถวในปากตนออกมา แล้วเอ่ยถาม “แม่หนู บ้านเ้าอยู่ที่ใด”
เฉินโย่วบนหลังม้าชี้เส้นทางไปทางทิศทีู่เากระดูกตั้งอยู่
นี่ย่อมเป็ลิขิต์
ราชครูนั้นดีใจจนแทบเต้น
จากนั้นก็กล่าวขึ้น “ยกผลไม้ น้ำตาลแล้วก็เนื้อแห้งนั้นให้ข้าเสีย แล้วข้าจะเป็อาจารย์ให้เ้า”
เฉินโย่วน้อยส่ายหน้า “ผลไม้ข้ากินหมดแล้ว น้ำตาลเหลือเพียงก้อนเดียว เนื้อก็เหลือเพียงครึ่งเดียว ท่านจะยังไปอีกหรือไม่”
ราชครูพลันหน้าแดงตอบ “ไป”