ของล้ำค่า!
หญ้าฉีหวงต้นนี้ เป็ของล้ำค่าควรค่าแก่ความลำบาก!
มูลค่าของมัน อย่างน้อยก็มีค่าห้าสิบหมื่นตำลึงเงินเป็อย่างน้อยนี่แค่คำนวณดูคร่าวๆ เท่านั้น
ใบของหญ้าฉีหวงทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มีโอกาสอย่างมากที่จะเลื่อนชั้นพลังวัตรขึ้นหนึ่งระดับขั้นอีกทั้งระดับยิ่งต่ำโอกาสก็ยิ่งมาก
ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าเลื่อนขึ้นเป็ขั้นสิบมีโอกาสเจ็ดส่วนขั้นแปดเลื่อนเป็ขั้นเก้ามีโอกาสแปดส่วน ขั้นเจ็ดเลื่อนเป็ขั้นแปดมีโอกาสเก้าส่วนผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นหกกินหญ้าฉีหวงเข้าไปมีโอกาสร้อยเต็มร้อยที่จะเลื่อนระดันขั้น
หญ้าฉีหวงยังคงดูดกลืนปราณธรรมชาติจากฟ้าดินอยู่ เสวียนเทียนรออยู่เงียบๆหญ้าฉีหวงยามที่โตเต็มที่ยิ่งดูดกลืนปราณธรรมชาติจากฟ้าดินเท่าไร ก็ยิ่งสรรพคุณดีเท่านั้นหลังผู้ฝึกยุทธ์กินเข้าไปโอกาสที่จะเลื่อนระดับขึ้นยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ผ่านไปประมาณสิบนาที ปราณธรรมชาติของฟ้าดินก็ถูกหญ้าฉีหวงดูดกลืนจนสิ้นหญ้าฉีหวงทั้งต้นเปลี่ยนไป คล้ายจะใสราวกับแก้วเหมือนกับเป็ร่างเนื้อของปราณธรรมชาติที่ควบแน่นรวมกัน
ตึงๆๆๆๆ...
เวลานี้เอง เสียงฝีเท้ากลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางปากถ้ำเสวียนเทียนไม่ได้ถูกความตื่นเต้นครอบงำสตินาทีนี้ก็ยังคงความระแวดระวังอยู่จึงได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านนอกถ้ำ
“ไม่ดีแล้ว!” ในใจของเสวียนเทียนอุทานไม่ดีแล้วออกมาเสียงดัง อาจเป็ผู้ฝึกยุทธ์แถวนี้ถูกเสียงะเิของปราณธรรมชาติดึงดูดมา
หญ้าฉีหวงต้นนี้มูลค่าไม่ธรรมดาพอให้ผู้ฝึกยุทธ์ก่อนชั้นเบิกนภาสู้สุดชีวิตแย่งชิง
เสวียนเทียนเก็บหญ้าฉีหวงขึ้นมาทันทีฉีกมุมเสื้อออกมาหนึ่งชิ้นห่อหญ้าฉีหวงไว้ ค่อยเก็บเข้าไปในอกเสื้อป้องกันไม่ให้ใครเห็น
ตอนที่เสวียนเทียนทำทั้งหมดนี่เสร็จลง คนด้านนอกถ้ำก็วิ่งเข้ามาในถ้ำเห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้คือเป้าหมายของพวกเขา
ถ้ำแห่งนี้มีเพียงทางออกเดียว เสวียนเทียนไม่มีที่ให้หลบได้แต่รออยู่นิ่งๆ
“ปราณธรรมชาติหายไปแล้ว”
“อา งูลายดำสองหัวถูกคนฆ่าตาย”
“มีคนกล้ามาที่นี่ก่อนพวกเราพรรคฝูเวยงั้นหรือ?”
“เร็ว รีบเข้าไปดู”
“หัวหน้าสาม! ข้างในมีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง”
“เป็แค่เด็กอายุสิบสามสิบสี่ งูลายดำสองหัวตัวนี้ต้องเป็เขาฆ่าแน่”
......
เสียงโหวเหวกโวยวายดังขึ้น ไม่นานก็มีคนถึงยี่สิบกว่าคนเข้ามาในถ้ำ
สายตาของเสวียนเทียนกวาดมองกลุ่มคนเ่าั้ครั้งหนึ่ง ในหมู่คนพวกนี้มีไม่น้อยที่เขาจำได้ เป็พวกเดียวกับที่พบที่หมู่บ้านชิงสุ่ย
คนที่เข้ามาในถ้ำเป็คนสุดท้ายคนผู้นี้ร่างสูงสองเมตรดุจดังหมีั์ตัวหนึ่ง ข้างหลังสะพายค้อนเหล็กสองด้ามอยู่สายตาของเสวียนเทียนหยุดลงที่เขา เป็หัวหน้าสามของพรรคฝูเวยนั่นเอง
สายตาของหัวหน้าสามพรรคฝูเวยหยุดมองเสวียนเทียนแล้วก็หยุดลงที่ตราสัญลักษณ์ของสำนักกระบี่์บนหน้าอกของเสวียนเทียนคิ้วขมวดทีหนึ่งความรู้สึกคุ้นหน้าเรียกความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของหัวหน้าสาม ใช่แล้วนี่มันลูกศิษย์ของสำนักกระบี่์ที่เจอที่หมู่บ้านชิงสุ่ย
สำนักกระบี่์ ทำให้ตัวหัวหน้าสามเกรงกลัวอยู่บ้าง
เสวียนเทียนประสานสายตากับหัวหน้าสามพลพรรคของพรรคฝูเวยรู้สึกว่าสีหน้าของหัวหน้าสามดูไม่ปกติ บรรยากาศผิดแปลกชั่วขณะนั้นต่างหุบปากเงียบ
“หลี่เหยียน จ้าวซื่อ....” ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนหนึ่งมาถึงเบื้องหน้าศพทั้งสองกลางถ้ำสายตาของเขากวาดไปรอบทิศ สุดท้ายมาหยุดลงที่ใบหน้าของหัวหน้าสาม รายงานว่า “หัวหน้าสาม หลี่เหยียนกับจ้าวซื่อถูกพิษของงูลายดำสองหัวตายในถ้ำไม่พบสมุนไพรทิพย์”
หัวหน้าสามพยักหน้ารับเล็กน้อย สายตาจับจ้องใบหน้าของเสวียนเทียนไม่หลบสายตาถามขึ้นว่า “ไอ้หนู เ้าเห็นอะไรบ้าง”
บนเสื้อของเสวียนเทียนมีสัญลักษณ์สำนักกระบี่์หัวหน้าสามจงใจทำเป็มองไม่เห็น เื่ราวเริ่มแปลกๆ
เสวียนเทียนลอบเพิ่มความระวัง ตอบว่า “ข้าเพิ่งเข้ามาพวกเ้าเห็นอะไร ข้าก็เห็นสิ่งนั้น”
สายตาของหัวหน้าสามหยุดมองที่อกเสื้อของเสวียนเทียน ตรงที่เสวียนเทียนเก็บ“หญ้าฉีหวง” ไว้ ถามว่า “ที่อกของเ้าซ่อนอะไรไว้”
สายตาของเสวียนเทียนคมกล้าขึ้น พูดขึ้นว่า “ข้าเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่์”
ได้ยินชื่อสำนักกระบี่์สามคำลูกน้องพรรคฝูเวยทุกคนก็เผยสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาวูบหนึ่งสายตาของหัวหน้าสามเคร่งขึ้น
แต่ว่าหัวหน้าสามกลับหัวเราะขึ้นมาเบาๆ กล่าวว่า “ที่นี่ดินแดนรกร้างห่างไหลลึกเข้ามาในเทือกเขาเร้นลม สัตว์อสูรเพ่นพ่าน ฮึๆ ใครจะรู้ว่าเป็ศิษย์สำนักกระบี่์? เ้ารู้มั้ย?เ้า เ้า เ้า พวกเ้ารู้มั้ย?”
หัวหน้าสามชี้ไปที่ผู้ฝึกยุทธ์แต่ละคน
เมื่อรู้ความตั้งใจของหัวหน้าสาม บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ก็พากันส่ายศีรษะ “ไม่รู้...ข้าไม่รู้...พวกเราทุกคนไม่รู้”
หัวหน้าสามหัวเราะ กล่าวว่า “ศิษย์สำนักกระบี่์ตายลงท้องของสัตว์อสูรก็เป็เื่ปกติธรรมดาไม่ใช่หรือ!”
หัวหน้าสามพูดพลางก็ฉวยค้อนเหล็กทั้งสองบนหลังเข้ามาไว้ในมือสายตาฉายแววตื่นเต้นอยู่หลายส่วน คำรามว่า “ไอ้หนูนี่พลังวัตรแค่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดท่านั้นสมุนไพรทิพย์อยู่ที่ตัวมัน ฆ่ามันซะ ทำลายศพกลบหลักฐาน ในเทือกเขาเร้นลมปีไหนไม่มีศิษย์สำนักใหญ่ตายบ้าง? ฆ่า!”
ผู้ฝึกยุทธ์พรรคฝูเวยปกติฆ่าคนระบายความโกรธมากจนชาชินกับการฆ่าคนมานานแล้วแม้ว่าเสวียนเทียนจะเป็ศิษย์สำนักกระบี่์ แต่ในเทือกเขาเร้นลมสัตว์อสูรเพ่นพ่าน ทั้งยังไม่มีใครเห็น ใครจะรู้ว่าตายอย่างไร?
ทุกปีผู้ฝึกยุทธ์ที่ตกตายอยู่ในท้องของสัตว์อสูรมีมากมายในนั้นมีไม่น้อยที่เป็ลูกศิษย์สำนักใหญ่ที่ออกมาฝึกฝนประสบการณ์แม้กระทั่งศิษย์ในก็มีล้มตายอยู่ที่เทือกเขาเร้นลม ศิษย์นอกตัวเล็กๆ คนหนึ่งหายไปในเทือกเขาเร้นลม ก็เหมือนกับเม็ดทรายจมลงไปในมหาสมุทรกระทั่งฟองก็ไม่เกิด
ในความเป็จริงลูกศิษย์สำนักใหญ่ออกเก็บประสบการณ์ข้างนอกล้วนพกพลุสัญญาณแสดงตัวตนอยู่กับตัวสำนักกระบี่์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อพบอันตราย สามารถส่งสัญญาณเรียกรวมลูกศิษย์สำนักเดียวกันในระยะร้อยลี้ได้แต่เสวียนเทียนเวลานี้อยู่ในถ้ำ พลุสัญญาณล้วนไม่มีประโยชน์
หลังเสียงคำสั่งของหัวหน้าสาม ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยพลันพุ่งออกมาห้าคนสองในนั้นมีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสามคนการรับมือผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนหนึ่ง ส่งคนออกมาถึงห้านับว่าให้ค่าชื่อศิษย์สำนักกระบี่์พอตัว
ในห้าคนนั้น คนหนึ่งใช้กระบี่ คนหนึ่งใช้ไม้พลองคนหนึ่งใช้อาวุธมีคมแปลกตา อีกสองคนใช้ดาบ
ห้าคนลงมือพร้อมกัน ปราณดาบสองสายตัดผ่านอากาศเข้ามาผู้ใช้ดาบสองคนมีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด
ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยคนอื่นยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะโห่ฮาเป็ศิษย์สำนักกระบี่์แล้วอย่างไร จะรับมือหนึ่งต่อห้าได้หรือ ห้าคนนั้นมักจะร่วมมือกันสังหารศัตรู ต่อให้เผชิญกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก็สู้ได้ไม่เสียที
เผชิญหน้ากับการโจมตีของคนห้าคน เสวียนเทียนไม่หงุดหงิดกลับยิ้มคำรามออกมาเบาๆ “หาที่ตาย!”
แสงสว่างเจิดจ้าส่องวาบ ปราณกระบี่ตัดขวาง ปราณดาบสองสายสลายสิ้นในพริบตา
อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก
ที่ใดปราณกระบี่ตัดผ่าน เสียงร้องโหยหวนเ็ปของคนทั้งห้าดังขึ้นไม่ว่าจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดหรือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก ทุกคนโดนฟันเข้าที่คอเืสดพุ่งทะลักออกมาจากตรงลำคอของพวกเขาตายคาที่
กระบี่เดียวปลิดชีพ วินาทีเดียวฆ่าห้าศพ!
นี่มันความสามารถระดับไหนกัน? ทั้งห้าคนนั่นมีฝีมือแทบจะเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดพริบตาสังหารทั้งห้าคน อย่างน้อยฝีมือก็ต้องเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า
ลูกน้องพรรคฝูเวยที่ยังหัวเราะเสียงดัง ตกตะลึงพรึงเพริด ดวงตาตะลึงค้าง
เสียงเยียบเย็นของเสวียนเทียนดังขึ้น “พรรคฝูเวยกล้าโจมตีศิษย์สำนักกระบี่์ จากนี้จะกำจัด”
เสวียนเทียนสังหารสัตว์อสูรทุกวันนอกจากบนร่างจะติดกลิ่นอายความตายของสัตว์อสูรแล้ว ยังมีไอสังหารปริมาณมากอัดแน่นอยู่พูดคำนี้ออกมา ลูกน้องของพรรคฝูเวยพลันรู้สึกมีอากาศเคลื่อนมาปะทะใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
หัวหน้าสามตื่นตะลึง รู้ว่าตัวเองเจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้วแต่ลูกธนูแล่นออกจากแล่ง เอากลับมาไม่ได้ เวลานี้ขึ้นหลังเสือยากจะลงมีเพียงต้องสังหารเสวียนเทียนเท่านั้นถึงจะเลี่ยงหายนะครั้งนี้ไปได้
“ฆ่า! ทุกคนลุยพร้อมกัน อยากมีชีวิตรอดฟังข้า ฆ่ามันซะ!”
หัวหน้าสามคำรามลั่นขึ้นมา มือยกค้อนเหล็กคู่พุ่งเข้ามาหาเสวียนเทียนพอห่างเสวียนเทียนสิบก้าว ค้อนเหล็กก็ฟาดลงมา
ค้อนเหล็กคู่นี้ หนักเจ็ดร้อยยี่สิบชั่ง หนึ่งเต้าก็หนักสามร้อยหกสิบชั่งหัวหน้าสามกำลังวังชาผิดมนุษย์มาแต่กำเนิด พลังวัตรก็บรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าค้อนเหล็กที่หนักเหลือคณาในสายตาคนทั่วไปในมือของหัวหน้าสามกลับเหมือนขนนกก็ไม่ปาน
เมื่อค้อนเหล็กคู่นี้ฟาดลงมาผนวกกับกำลังผิดมนุษย์ของหัวหน้าสามผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าด้วยกัน หนึ่งค้อนก็ทำให้าเ็สาหัสได้ ไม่มีใครกล้าปะทะตรงๆ
เสวียนเทียนกลับไม่หลีกไม่หลบ หนึ่งกระบี่แทงสวนไป
ชิ้ง!
ปลายกระบี่กับค้อนเหล็กปะทะกัน เกิดเป็เสียงดังก้องสั่นแก้วหูจนเกือบหนวก
หัวหน้าสามทั้งร่างสะท้านเฮือก เท้าลอยออกจากพื้นถอยหลังไปครึ่งก้าวส่วนเสวียนเทียนกลับนิ่งสนิทสบายๆ ไม่ถอยแม้สักก้าว
เสวียนเทียนฝึกฝนปราณเบิกนภา พลังแข็งแกร่งมากตอนที่เขาฝึกปราณเบิกนภาได้ถึงขั้นที่สี่พลังวัตรก็ลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดตอนนี้ผ่านการเข่นฆ่าเดิมพันชีวิตกับสัตว์อสูรมาหนึ่งเดือนปราณเบิกนภาของเสวียนเทียนฝึกฝนจนมาถึงปลายขั้นที่สี่แล้ว ปราณเบิกนภาเมื่อฝึกถึงขั้นสูงสุดจะสามารถฝึกปราณแท้ของชั้นเบิกนภาได้เทียบได้กับยอดฝีมือชั้นเบิกนภา ถึงแม้จะฝึกยังไม่ถึงขั้นสูงสุดแต่กำลังภายในก็ลึกล้ำหาที่เปรียบไม่ได้
หัวหน้าสามเห็นว่าเสวียนเทียนใช้กระบี่ ทั้งท่วงท่ากระบี่พลิ้วเบาวิชาร่างว่องไว คิดว่าพลังภายในของเสวียนเทียนไม่ลึกล้ำเตรียมจะใช้กำลังเข้าข่มเขา หนึ่งพลังช้างสารชนะสิบยอดฝีมือคิดใช้พลังล้วนๆ สังหารเสวียนเทียน
ทว่าเขาคงคิดไม่ถึงว่ากำลังภายในของเสวียนเทียนกลับลึกล้ำถึงเพียงนี้ใช้กำลังภายในอย่างเดียวต่อกรกับกำลังวังชาผิดมนุษย์ของหัวหน้าสาม สุดท้ายกำลังภายในของปราณเบิกนภาชนะอยู่หนึ่งขุมหัวหน้าสามถูกผลักถอยไปครึ่งก้าว
“นี่มันเป็ไปได้อย่างไร?” หัวหน้าสามตกตะลึงต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า ล้วนไม่อาจรับค้อนนี้ของเขาได้เสวียนเทียนไม่เพียงรับได้เท่านั้น ทั้งยังคงนิ่งสงบสบายอารมณ์ ท่าทางเฉยสนิทผลักเขาถอยกลับมาครึ่งก้าว
ไม่ทันให้หัวหน้าสามได้ขบคิดนาน เสียงร้องโอดโอยโหยหวนก็ดังขึ้นมาอีกสองกระบี่ของเสวียนเทียน ทั้งเด็ดขาด ทั้งรวดเร็ว ปราณกระบี่ตัดผ่านที่ใดไม่มีใครกันได้ เพียงกะพริบตาก็มีอีกสองคนถูกกระบี่เชือดคอ หรือแม้กระทั่งถูกผ่าเป็สองซีก
“เสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ!”
เสวียนเทียนร้องขึ้นมาคำหนึ่ง กระบี่ในมือพลันหายไปไม่เห็นได้ยินเพียงเสียงลมซู่ๆ ดังขึ้นมาจากสี่ทิศ เงาร่างของเขาว่องไวประดุจอสรพิษรวดเร็วดุจพยัคฆ์ ไม่มีใครจับร่างเงาของเขาได้
เพียงยินเสียงลม ไม่เห็นเงากระบี่
ทุกที่ไร้กระบี่ คือทุกที่มีกระบี่
พอแสงกระบี่ปรากฏก็มีผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยอีกหลายคนร้องโหยหวนด้วยความเ็ปขึ้นอีกกุมลำคอล้มลงกับพื้น ดวงตาฉายแววไม่อยากจะเชื่อจนตายก็ยังคงมองอย่างไม่เข้าใจว่ากระบี่ของเสวียนเทียนปาดคอของตัวเองเข้าตอนไหน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดลงไปป้องกันกระบี่ของเสวียนเทียนไม่ได้สักกระบี่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก็รับมือกระบี่ของเสวียนเทียนได้แค่สองกระบี่
ปราณกระบี่วาดตัด สว่างวาบทั่วทิศ หนึ่งก้าวฆ่าหนึ่งคน สิบก้าวฆ่าสิบคน!
ฉับ!
หัวหน้าสามผู้อยู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าก็ไม่สามารถป้องกันปราณกระบี่ของเสวียนเทียนได้แขนปรากฏาแยาวครึ่งศอกสายหนึ่ง ค้อนเหล็กในมือเกือบตกลงพื้น
“เร็ว! มากันมันให้ข้า! เร็ว!”
หัวหน้าสามะโสุดเสียง ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยทั้งหมดพุ่งเข้าไปหาเสวียนเทียนหัวหน้าสามกลับพุ่งถอยหลัง พริบตาก็ทะยานออกไปนอกถ้ำ แล้ววิ่งหนีไปไกล