ไม่นาน เงาร่างของหัวหน้าสามก็หายไปด้านนอกถ้ำ
มีเสียงร้องครวญครางดังขึ้นอีกสองผู้ฝึกยุทธ์สองคนของพรรคฝูเวยกุมลำคอล้มลงไปอย่างไม่เชื่อสายตา
กระบี่ของเสวียนเทียนฟาดฟันครั้งหนึ่ง ต้องได้เืกลับมา
พรรคฝูเวยล้มตายไปแล้วถึงสิบคน สิบกว่าคนที่เหลืออยู่ล้วนแต่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดและผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด
ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้พลังไม่ด้อย หากร่วมมือกันดีๆถึงเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งก้าวเข้าสู้ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบก็คงรับมือได้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าที่โดนพวกเขารุมล้อมก็คงได้แต่กล้ำกลืนความแค้น
ทว่าเสวียนเทียนไม่เพียงวิชากระบี่ฝีมือสูงส่งกว่าใครทั้งยังพลิกแพลงได้ดั่งใจ กำลังภายในสูงส่งผิดธรรมดาโดยเฉพาะวิชาตัวเบาว่องไวดุจอสรพิษ รวดเร็วดุจพยัคฆ์
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของลูกพรรคพรรคฝูเวยเสวียนเทียนหลีกหลบ โต้กลับ เหมือนเดินเล่นชมสวน ดูแล้วลมหายใจสงบสบายอารมณ์ท่าทางสบายๆ
แต่ปราณกระบี่ของเสวียนเทียนใช้ออกมาครั้งหนึ่งฟาดฟันไกลถึงสี่สิบกว่าก้าวพลังแข็งแกร่งเป็ที่สุด แทบไม่อาจป้องกันได้
ดังนั้น แม้ว่าพลพรรคของพรรคฝูเวยจะมีมากแต่ก็ทำอะไรเสวียนเทียนไม่ได้
ต่อสู้กันไปนานเข้า ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยก็ยิ่งตายมากขึ้น จนสุดท้ายก็ไม่เหลือเลยสักคน
สายตาของหัวหน้าสามยังนับว่าร้ายกาจแม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยตรงนี้ยังมีคนอยู่มาก แต่เขามองเห็นผลลัพธ์แล้วดังนั้นจึงฉวยโอกาสที่มีคนคอยกันเสวียนเทียนไว้ให้ ตัดสินใจผละหนีเอาตัวรอด
พรรคฝูเวยที่ยังมีชีวิตรอดอยู่สิบกว่าคนส่วนใหญ่เป็ผู้ที่ประสบการณ์การต่อสู้โชกโชน ทั้งยังเข้าใจการประสานกำลังกันโจมตีเสวียนเทียนลงมือสังหารได้ค่อนข้างยาก ไม่อาจหนึ่งกระบี่ปาดลำคอแต่วาดกระบี่หนึ่งครั้ง เืสดยังคงต้องสาดกระเซ็น
เร็วเท่าชั่วดีดนิ้วมือ ก็มีเสียงร้องเ็ปดังขึ้นอีก เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดผู้หนึ่ง โดนเสวียนเทียนแทงกระบี่ทะลุอกทะลวงผ่านหัวใจ
ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวย ในใจหวาดกลัวแล้วมาถึงนาทีนี้พวกเขานับว่าได้สติตื่นขึ้นมาแจ่มชัด อาศัยกำลังของพวกเขาอย่างไรก็ไม่อาจสังหารเด็กหนุ่มตรงหน้าได้
“หัวหน้าสามของพวกเ้าหนีไปแล้ว แต่ทิ้งพวกเ้าไว้ให้ตายที่นี่” เสวียนเทียนหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมาทีหนึ่ง
“อะไรนะ? หัวหน้าสามหนีไปแล้ว?”
“หัวหน้าสามล่ะ?”
“ไม่เห็นหัวหน้าสามแล้วจริงๆ ด้วย?”
....
ได้เสวียนเทียนทักขึ้นผู้ฝีกยุทธ์ของพรรคฝูเวยเหล่านี้ถึงเพิ่งพบว่าที่แท้หัวหน้าสามของพวกเขาหนีหายไปตั้งนานแล้วหัวหน้าสามเป็กระดูกสันหลังของพวกเขา กระดูกสันหลังไม่มีแล้วผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยชั่วขณะนั้นก็จิตใจว้าวุ่น พาให้มือเท้าสับสนตามไปด้วย
เสวียนเทียนฉวยโอกาสนี้ กระบี่แล่นราวกับลม แสงกระบี่สว่างวาบติดต่อกันเสียงร้องดังขึ้นอีกสองผู้ฝึกยุทธ์สองคนของพรรคฝูเวยถูกเสวียนเทียนสังหารทั้งที่ยังคงตกตะลึง
ผู้ฝึกยุทธ์พรรคฝูเวยที่ยังเหลือรอดอยู่เหลือเพียงประมาณสิบคน
หัวหน้าสามหนีไปแล้วอันตรายจากความตายทำให้พวกเขาเสียความตั้งใจสู้จนหมดสิ้น ต่างพากันพุ่งไปทางนอกถ้ำนาทีนั้นในใจของพวกเขามีเพียงคำเดียว หนี!
เงาร่างของเสวียนเทียนพลันขยับรวดเร็วดุจเสือชีตาห์ แสงกระบี่สว่างหนึ่งครั้ง หนึ่งศีรษะร่วงลงดิน
ทหารพ่ายดุจขุนเขาทลาย
ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยถ้าหากต้านทานสุดกำลังยังพอต่อต้านเสวียนเทียนได้สักพักหนึ่งแต่เมื่อเลิกสู้แล้วผละหนีใครจะเร็วไปกว่าศาสตร์เงาพยัคฆ์ที่บรรลุส่วนใหญ่แล้วของเสวียนเทียน
เสวียนเทียนเหมือนกับเสือชีตาห์ตัวหนึ่งที่ไล่กวดเหยื่อไล่ตามผู้ฝึกยุทธ์พรรคฝูเวยที่วิ่งหนีได้ง่ายดายราวยกฝ่ามือ โจมตีจากด้านหลังเหมือนกับถอนหญ้าก็ไม่ปาน เด็ดชีวิตของพวกเขาทิ้งเสีย
คนที่วิ่งไปได้ไกลที่สุดก็ออกจากถ้ำไปได้แค่ยี่สิบก้าวเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์ยี่สิบกว่าคนของพรรคฝูเวย มอดม้วยหมดสิ้นเหลือเพียงหัวหน้าสามที่หนีหายไปเท่านั้น
บนพื้นดินมีรอยเท้าของหัวหน้าสามที่หนีไป
หัวหน้าสามมีพลังวัตรของชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าทั้งยังมีกำลังวังชาผิดมนุษย์ ความเร็วก็ไม่ช้าเสวียนเทียนจะใช้ศาสตร์เงาพยัคฆ์ติดตามหาใช่ปัญหาแต่ต้องใช้เวลาสักพัก
เพื่อหลีกเลี่ยงเื่ยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้น เจอเหตุพลิกผันอื่นๆเสวียนเทียนจึงไม่ตามไป
ตอนนี้เสวียนเทียนมีสมุนไพรทิพย์หญ้าฉีหวงอยู่ใน ง่ายมากที่จะถูกผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นในเทือกเขาเร้นลมเข้ารุมเล่นงาน ไม่อาจทำเื่ผิดพลาดได้
หัวหน้าสามผู้นั้นเพื่อเอาชีวิตรอดพบผู้ฝึกยุทธ์คนใดก็คงบอกเื่ที่เขามีสมุนไพรทิพย์อยู่กับตัวและรูปร่างหน้าตาของเขาให้แก่อีกฝ่ายเป็แน่เพื่อที่จะให้เสวียนเทียนโดนเล่นงานติดพัน ส่วนเขาหนีจากไปได้
ตามหัวหน้าสามไปไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด อีกทั้งที่แห่งนี้ก็ไม่ควรรั้งอยู่นานอีกไม่นานก็คงกลายเป็สถานที่ที่ชวนให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา ตอนนี้เสวียนเทียนยังไม่บรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดถ้าหากคนที่มาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบจะเป็อันตรายเอาได้ถึงเขาจะฝึกศาสตร์เงาพยัคฆ์ได้ถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบก็ไม่ใช่ว่าจะฝึกวิชาตัวเบาของชั้นทองขั้นกลางวิชาอื่นให้ถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่ไม่ได้
เสวียนเทียนรีบย้อนกลับเข้าไปในถ้ำ ผ่าลิ้นทั้งสองของงูลายดำสองหัวเก็บผลึกอสูรใสกระจ่างแวววาวสองเม็ดมา
ผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองอย่างน้อยก็มีค่ายี่สิบแต้มภารกิจหรือแลกเป็เงินได้สองร้อยตำลึงสองเม็ดก็มีค่าเท่ากับสี่สิบแต้มภารกิจหรือเงินสี่ร้อยตำลึง งูลายดำสองหัวมีสองหัวมีผลึกอสูรสองเม็ดมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรขั้นสองคุ้มเสียยิ่งกว่าสัตว์อสูรขั้นสองระดับาา
เกล็ดงูของงูลายดำสองหัวเป็วัตถุดิบที่ดีในการทำเกราะอ่อนแต่เวลานี้เสวียนเทียนไม่มีเวลามากพอให้เลาะเกล็ดงูแล้ว
เวลามีจำกัด ยังมีของที่ดีกว่ารอให้เสวียนเทียนเก็บเอามา
เสวียนเทียนเดินเร็วๆ มาที่หน้าศพของผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคฝูเวยคนหนึ่งความหาในอกเสื้อของเขา
ตั๋วเงินสามร้อยตำลึง ยาชุบร่างขั้นสูงสามเม็ด
คนผู้นี้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกยาชุบร่างขั้นสูงสามเม็ดมีค่าเท่ากับสองพันเจ็ดร้อยตำลึงเงินบวกกับตั๋วเงินสามร้อยตำลึง ทั้งหมดก็ได้สามพันตำลึง
ไม่แปลกเลยที่ในเทือกเขาเร้นลมจะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่มุ่งล่าสังหารผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกันเองเพื่อปล้นชิงฉกฉวยทรัพย์สินโดยเฉพาะฆ่าคนได้เงินมากกว่าฆ่าสัตว์อสูรมากหลายเท่า
เสวียนเทียนควานหาในอกเสื้อของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดอีกคนหนึ่งด้านข้าง
ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึง ยาชะล้างกระดูกชั้นล่างสองเม็ด ยาควบปราณชั้นล่างสองเม็ด
ยาชะล้างกระดูกและยาควบปราณชั้นล่างเม็ดหนึ่งราคาสามพันตำลึงสี่เม็ดก็ราคาหนึ่งหมื่นสองพันตำลึง รวมกับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงก็ได้หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยตำลึง
“รวยแล้ว รวยแล้ว! เมื่อครู่ข้าเพียงคิดว่าจากตัวของพวกโจรพวกนี้คงได้ตั๋วเงินมาบ้างที่แท้พวกมันเข้ามาในเทือกเขาเร้นลม พกตั๋วเงินติดตัวมาไม่มากแต่พกยาพลังปราณมูลค่าสูงมาด้วย ถึงจำนวนจะน้อยแต่ราคาไม่น้อยเลย”
เสวียนเทียนลิงโลด
รวมกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ตายลงก่อนหน้าจากศพของผู้ฝึกยุทธ์พรรคฝูเวยทั้งหมดยี่สิบห้าคคนเสวียนเทียนได้ตั๋วเงินมาเก้าพันหกร้อยตำลึง ยาชุบร่างชั้นสูงยี่สิบสองเม็ดยาชะล้างกระดูกชั้นล่างสามสิบสามเม็ดและยาควบปราณชั้นล่างสามสิบห้าเม็ด
มูลค่ายาพลังปราณรวมทั้งสิ้นสองแสนสองหมื่นสามพันแปดร้อยตำลึงนี่สูสีกับเงินที่เสวียนเทียนหาได้จากการสังหารสัตว์อสูรไม่หยุดเป็เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ในเทือกเขาเร้นลม
ในหมู่ลูกพรรคพรรคฝูเวย มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกอยู่เพียงแปดคนที่เหลือเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดและขั้นแปดพวกเขา้ายาพลังปราณประเภทเดียวกับที่เสวียนเทียน้าคือยาชะล้างกระดูกและยาควบปราณชั้นล่างดังนั้นยาชะล้างกระดูกและยาควบปราณชั้นล่างมีจำนวนมากที่สุด
่เวลาที่อยู่ในเทือกเขาเร้นลมเกือบหนึ่งเดือนยาชะล้างกระดูกและยาควบปราณชั้นล่างอย่างละเจ็ดเม็ดที่สำนักแจกจ่ายให้และที่ให้เป็รางวัลนั้น เสวียนเทียนใช้หมดไปตั้งนานแล้วครั้งนี้ได้ยาพลังปราณมามากขนาดนี้ต่อให้พลังวัตรทะลุขึ้นสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแล้วก็ไม่ต้องกลัวจะไม่มียาพลังปราณใช้ฝึกฝน
เสวียนเทียนลงมือรวดเร็ว ทำทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นไม่รั้งรอนาน เสวียนเทียนก็วิ่งทะยานเข้าไปในเขตลึกของเทือกเขาเร้นลม
ถ้าหากหัวหน้าสามเอาหน้าตาของเขารวมถึงเื่ที่เขามีสมุนไพรทิพย์อยู่ในออกไปประกาศหากเสวียนเทียนออกไปจากเทือกเขาเร้นลมตอนนี้เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จะถูกสังหารหรือแม้กระทั่งคนที่มีเงินมีอำนาจอาจเชิญยอดฝีมือชั้นเบิกนภามา
ห่างจากการแข่งขันจัดอันดับใหญ่ของศิษย์นอกเพียงหนึ่งเดือนกว่าเสวียนเทียนไม่รีบร้อนต้องออกจากเทือกเขาเร้นลมกลับไปที่สำนักเพิ่งได้ยาพลังปราณมามากขนาดนี้เพียงพอให้เขาฝึกฝนหลังจากบรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดดังนั้นเสวียนเทียนจึงทำเื่เหนือความคาดหมายคือเข้าไปในเขตลึกของเทือกเขาเร้นลมให้ใครๆ ต่างก็คิดไม่ถึง
เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง พลังวัตรของเสวียนเทียนก็บรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแล้วค่อยออกจากเทือกเขาเร้นลมถึงตอนนั้นเื่ร้อนคงผ่านไปแล้ว คงจะปลอดภัยขึ้นมาก
เสวียนเทียนระมัดระวัง ไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้บนพื้นวิ่งเข้าไปในเขตลึกของเทือกเขาเร้นลมเจ็ดแปดร้อยลี้จนเกือบจะถึงเขตที่สัตว์อสูรขั้นสามมักจะใช้ชีวิตอยู่ เสวียนเทียนถึงได้หยุดลง
ฟ้ากำลังจะมืด ค่ำคืนกำลังมา สัตว์อสูรจำนวนมากออกเคลื่อนไหวเสวียนเทียนหาจุดที่เป็ป่าทึบที่หนึ่งบนต้นไม้ใหญ่สิบกว่าคนโอบต้นหนึ่ง แล้วเจาะโพรงต้นไม้บนที่ซึ่งสูงขึ้นไปจากพื้นสี่สิบกว่าเมตรซุกตัวเข้าไป จากนั้นก็ใช้เปลือกไม้ปิดปากโพรงไว้ ถึงผ่อนลมหายใจลงได้
หลังปรับลมหายใจครึ่งชั่วโมงเสวียนเทียนฟื้นเรี่ยวแรงกลับมาสู่สภาพสมบูรณ์ที่สุด นำหญ้าฉีหวงในอกเสื้อออกมาเด็ดใบใสราวกับแก้วออกมาใบหนึ่งแล้วกินเข้าไป
หลังนำหญ้าฉีหวงที่เหลือเก็บเข้าไปในอกเสื้อเหมือนเดิมเสวียนเทียนก็นั่งหลับตา ซึมซับฤทธิ์ยาของหญ้าฉีหวงเตรียมตัวทลายขอบเขตสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด
เดิมทีพลังวัตรของเสวียนเทียนกว่าจะบรรลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยเกือบหนึ่งเดือนแต่เมื่อมีหญ้าฉีหวงก็ทำให้เสวียนเทียนประหยัดเวลาตรากตรำไปได้หนึ่งเดือน
พอหญ้าฉีหวงเข้าปาก เสวียนเทียนก็ััถึงกลิ่นหอมสดชื่นทะลักเข้ามา เมื่อหญ้าฉีหวงเข้าปากก็ละลายเหมือนกับหยกเหลว ไหลลงท้องของเสวียนเทียน
สติของเสวียนเทียนสะท้านรุนแรงเหมือนกับเขากลืนปราณธรรมชาติแห่งฟ้าดินในรูปร่างของเหลวซึ่งบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใดเข้าไปวินาทีนั้นพลังปราณธรรมชาติมหาศาลก็ทะลักท่วมจุดตันเถียนของเสวียนเทียน
เสวียนเทียนรีบเคลื่อนพลังภายในทันที พลังภายในเคลื่อนไปตามเส้นปราณพลังปราณธรรมชาติก็ไหลไปตามเส้นปราณของเขาเส้นปราณได้รับพลังปราณธรรมชาติเพียงพอก็ขยายใหญ่ขึ้นสามารถรองรับพลังภายในได้มากขึ้น
เส้นปราณขยายจนถึงระดับหนึ่งพลังปราณธรรมชาติยังคงไม่หมดไม่สิ้นดูราวกับว่าไม่มีวันหมด ไหลไปตามเส้นปราณไปทั่วร่างของเสวียนเทียน สี่แขนขาร้อยกระดูก ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น
โคจรปราณหนึ่งรอบ...โคจรปราณสองรอบ...
พลังปราณธรรมชาติในร่างไม่หยุดเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เส้นปราณและร่างกายของเสวียนเทียน ตามพลังภายในที่โคจรไม่หยุดรอบแล้วรอบเล่า
เสวียนเทียนโคจรปราณเบิกนภาพลังปราณธรรมชาติก็เปลี่ยนเป็พลังภายในของเขาเองไม่ขาดสาย
เวลาผ่านไปหนึ่งวันสองคืน จนถึงเช้าตรู่ของวันที่สามพลังภายในในร่างของเสวียนเทียนก็แข็งแกร่งขึ้นมาถึงระดับหนึ่งมากพอที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติพลังภายในให้สูงขึ้นมาอีกระดับลึกล้ำมากยิ่งขึ้น
ปราณเบิกนภาจากชั้นที่สี่เลื่อนสู่ชั้นที่ห้า
พลังวัตรของเสวียนเทียนก็เพิ่มขึ้นตาม จากชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด
เสวียนเทียนลืมตาขึ้น ดวงตาของเขากระจ่างใส คนทั้งตัวนั่งอยู่ก็ดูราวกับกระบี่คมที่ชักออกจากฝักแผ่กระจายไอกระบี่ออกมาบรรยากาศรอบๆ ตัวแข็งแกร่งกว่าตอนชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นมาอีกก้าวใหญ่