ไม่มีใครส่งกระดาษคำตอบล่วงหน้า
ต่อให้เป็เซี่ยเสี่ยวหลาน ก็ตั้งใจตรวจทานกระดาษคำตอบสองรอบเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือเธอเขียนฉบับร่างสำหรับเรียงความ และค่อยเขียนลงบนกระดาษคำตอบด้วยลายมือที่เรียบร้อยชัดเจน
นี่เป็เคล็ดลับในการสอบอีกอย่างหนึ่ง ลายมือสวยหรือไม่นั้นไม่สำคัญ จะต้องชัดเจน อย่าเขียนตัวหนังสือหวัด อาจารย์ผู้ตรวจต้องอ่านกระดาษคำตอบมากมายหลายชุดในหนึ่งวัน ่เวลาสอบเกาเข่าอยู่ในฤดูร้อนที่แสนร้อนระอุพอดี เห็นลายมือคลุมเครือแยกแยะอ่านยากเข้าจะไม่รู้สึกหงุดหงิดจริงๆ หรือ?
ลายมือเป็ระเบียบและชัดเจน ได้คะแนนกระดาษคำตอบ [1] ทันที
ร่างต้นฉบับไว้ อย่าลบไปแก้มาบนกระดาษคำตอบ กระดาษคำตอบที่เปรอะไปด้วยรอยน้ำหมึก เห็นแล้วระคายใจไม่น้อย
“ถึงเวลาส่งกระดาษคำตอบ! ขยับปากกาไม่ได้แล้ว ตรวจสอบชื่อกับหมายเลขผู้เข้าสอบของตัวเองครั้งสุดท้าย วางกระดาษคำตอบไว้บนโต๊ะ เก็บของให้เรียบร้อยและออกจากห้องสอบตามลำดับ”
ขณะสอบไม่สุกเอาเผากิน ขณะส่งกระดาษคำตอบเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ชักช้ายืดยาด
เธอลุกขึ้นเป็คนแรกและออกจากห้องสอบไป วิชาที่หนึ่งของการสอบคัดเลือกสิ้นสุดลง สำหรับผู้เข้าสอบหลายคนแล้วยังไม่รู้สึกสบายใจเลยแม้แต่นิดเดียว สอบเสร็จต้องเทียบคำตอบสิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเทียบกับเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้ถูกวางตัวเป็อันดับสองของชั้นปีในอันชิ่งเซี่ยนอีจงมาสักพัก แต่ทุกคนล้วนเชื่อมั่นว่าไม่ช้าก็เร็วเธอจะสามารถดึงอันดับหนึ่งของชั้นปีคนปัจจุบันลงจากม้า [2] เมื่อคว้าตัวเซี่ยเสี่ยวหลานไว้แล้วจะไม่เทียบคำตอบได้อย่างไรเล่า?
ภาษาจีนไม่ใช่วิชาถนัดของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียหน่อย คำตอบของเธอจะถือว่าเป็คำตอบมาตรฐานได้หรือ?
นักเรียนเซี่ยนอีจงบางคนคิดมากขนาดนั้นที่ไหน พากันเข้าไปล้อมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมปล่อย ผู้เข้าสอบจากโรงเรียนอื่นๆ จ้องมองคนกลุ่มนี้ด้วยความงงงัน แค่สอบเสร็จก็รู้คำตอบที่เป็มาตรฐานแล้ว?
“มาจากในเขตใต้สังกัดสินะ?”
“พวกบ้านนอก...”
“อาศัยหน้าตาสอบได้ั้แ่เมื่อไรกัน!”
คนเหล่านี้คือผู้เข้าสอบจากเมืองเฟิ่งเสียน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่แปลกใจเลย เมืองใหญ่เหยียดเมืองเล็ก เมืองเล็กเหยียดชนบทอีกทอดหนึ่ง วัฏจักรการเหยียดประเภทนี้มีอยู่ทุกหนแห่ง คนเมืองซางตูมีความรู้สึกเหนือกว่ายามอยู่ต่อหน้าคนเมืองเฟิ่งเสียน เมื่อผู้เข้าสอบจากเมืองเฟิ่งเสียนเผชิญหน้ากับผู้เข้าสอบที่มาจากในเขต ความรู้สึกเหนือกว่าก็ผุดขึ้นมาเองเป็ธรรมดา
คนพวกนี้ถ่อมาเพื่อเข้าร่วมการสอบคัดเลือกรอบแรก ปีหนึ่งมีสักกี่คนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้?
นักเรียนของอันชิ่งเซี่ยนอีจงอึ้งไปเลยทีเดียว พวกเขาตรวจเทียบคำตอบของตนเอง ไม่ได้จุ้นจ้านใครด้วยเสียหน่อย ใครเป็ผู้กำหนดกันว่าสอบเสร็จแล้วห้ามเทียบคำตอบ!
เซี่ยเสี่ยวหลานมิอาจสงบเยือกเย็น เดิมทีเธอไม่อยากตรวจเทียบคำตอบ แต่ในเมื่อคนอื่นแสดงท่าทีขุ่นเคืองเธอ ก็สุภาพมากเกินไปไม่ได้เหมือนกัน
“ไม่ต้องสนพวกเขา พวกเราคุยกันต่อเถอะ คงทำข้อสอบไม่ได้ ถึงได้มองอะไรก็ไม่เจริญตาสินะ!”
หาว่าใครทำข้อสอบไม่ได้กันน่ะ ถ้าคนพูดประโยคนี้เป็นักเรียนชาย อาจเกิดการวางมวยทันที แต่เนื่องจากผู้พูดเป็เซี่ยเสี่ยวหลาน ผู้เข้าสอบจากเฟิ่งเสียนเ่าั้ถึงยอมยั้งมือ เหล่าวัยรุ่นเอะอะมะเทิ่งไม่หยุดหย่อน มีพวกที่ผยอง และมีพวกที่อยากดึงดูดความสนใจจากสาวสวยด้วย
หญิงสาวแสนสวยไม่รู้สึกเจ็บช้ำแม้แต่น้อย นักเรียนจากอันชิ่งเซี่ยนอีจงหัวเราะชอบใจดังลั่น
เพื่อนเสี่ยวหลานพูดถูก คนพวกนี้คงทำข้อสอบไม่ได้—การสอบคัดเลือกรอบแรกนั้นโหดร้าย มีเพียงส่วนน้อยที่ผ่านการสอบคัดเลือก และได้รับคุณสมบัติสำหรับสอบเกาเข่า ถ้าคนอื่นทำได้ไม่ดี ตนเองก็มีโอกาสมากขึ้นไม่ใช่หรือ?
เซี่ยนอีจงสุดยอดแค่ในเขตอันชิ่งเท่านั้น ความภาคภูมิใจของอาจารย์ใหญ่ซุนแผ่ขยายมาไม่ถึงเมืองเฟิ่งเสียน
กระทั่งโรงเรียนซานจงซึ่งคุณภาพการสอนด้อยที่สุดของเมืองเฟิ่งเสียน ก็ยังเหนือกว่าอันชิ่งเซี่ยนอีจงเล็กน้อยอยู่ดี ความเหลื่อมล้ำทางด้านทรัพยากรการเรียนการสอนไม่ใช่สิ่งที่คนหนึ่งคนสามารถลดช่องว่างได้โดยการใช้จิตใจอันมุ่งมั่นอย่างเดียว ฉะนั้นเหล่านักเรียนเซี่ยนอีจงเอาความมั่นใจมาจากไหน เซี่ยเสี่ยวหลานอาจเป็สาเหตุใหญ่ที่สุดก็เป็ได้
ต่อให้พวกเขาไร้ประโยชน์ ทว่าเพื่อนเสี่ยวหลานคือบุคคลที่โดดเด่นเป็เลิศ
เพื่อนเสี่ยวหลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ 100% และจะเป็มหาวิทยาลัยชื่อดังด้วย ผู้เข้าสอบจากในเมืองพวกนี้มีสิทธิอะไรอวดโอ้ความเหนือกว่าต่อหน้าเพื่อนเสี่ยวหลานกัน?
นักเรียนของเซี่ยนอีจงสามัคคีปรองดองกันมาก ยึดเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ศูนย์กลาง จ้องมองผู้เข้าสอบปากเปราะจากเฟิ่งเสียนเ่าั้ด้วยใบหน้าถมึงทึง
อีกฝ่ายขลาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวพลางพึมพำ “ปากคอเราะร้าย รอคะแนนสอบคัดเลือกออกมาก่อนเถอะ อย่าได้น้ำหูน้ำตาไหลเชียว!”
“พวกเธอ!”
“ใครจะร้องไห้กัน พวกเธอสอบได้ดีสักแค่ไหนเชียว?”
สุดท้ายก็ปะทะฝีปากอยู่ด้านนอกห้องสอบสักพักกว่าจะยอมเลิกร้าง แสงอาทิตย์ต้นเดือนพฤษภาคมค่อนข้างทรงพลัง เหล่าวังตากแดดตลอดทั้งเช้า วิ่งมาพร้อมใบหน้ามันมะเมื่อม “ทำอะไรน่ะ? สอบเสร็จก็รีบกินข้าวพักผ่อนเสีย ตอนบ่ายยังมีสอบอีกนะ”
พออาจารย์ปรากฏตัว นักเรียนเซี่ยนอีจงจึงผ่อนคลายอารมณ์โกรธลง และพวกผู้เข้าสอบจากเฟิ่งเสียนที่หาเื่ก็ไม่ได้จองหองอวดดีอีกต่อไป
เซี่ยเสี่ยวหลานสละน้ำที่เตรียมมาให้นักเรียนหญิงที่เมารถก่อนเข้าสอบ ตอนนี้เธอกระหายน้ำแล้วเช่นเดียวกัน
“ครูวัง มื้อเที่ยงของทุกคนจะเอาอย่างไรหรือคะ?”
แน่นอนว่าอาหารมื้อกลางวันต้องต่างคนต่างจัดการของตนเอง
การดูแลของปีนี้ดีขึ้นมาหน่อย ทางโรงเรียนยังจัดรถให้ส่งนักเรียนมาถึงเมืองเฟิ่งเสียนเพื่อเข้าร่วมการสอบ ปีก่อนๆ มีผู้เข้าสอบที่ถูกกระจายมาในเมือง ล้วนรับผิดชอบค่าเดินทางไปกลับด้วยตนเอง นั่งรถรับส่งบ้าง ขี่จักรยานบ้าง แถมยังมีเดินเท้า ปีนี้โรงเรียนใจกว้างเป็พิเศษ เนื่องจากอาจารย์ใหญ่ซุนมีสังหรณ์บางอย่าง อัตราการเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ของเซี่ยนอีจงอาจเป็ปีที่มากที่สุดหลังจากฟื้นฟูเกาเข่าก็เป็ได้!
คะแนนของการทดสอบตามปกติที่โรงเรียนแสดงแนวโน้มแล้วเล็กน้อย การสอบคัดเลือกรอบแรกจัดพร้อมกันทั่วมณฑล หลังคะแนนออกมาน่าจะพอพิสูจน์ลางสังหรณ์ของเขาได้
ในเมื่อโรงเรียนดูแลค่าเดินทาง ย่อมจะไม่รับผิดชอบค่าอาหารที่พักอีก คลังโรงเรียนไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น
เจตนาของเซี่ยเสี่ยวหลานคือจะจัดการเื่มื้อกลางวันให้กับทุกคน “หนูมีญาติจากต่างถิ่นสองคนน่ะค่ะ พวกเขาทำธุรกิจที่นี่ ยินดีช่วยสนับสนุนเื่อาหารการกินระหว่างสอบในเฟิ่งเสียนของพวกเรา”
เหล่าวังไม่ค่อยเข้าใจ แค่กินข้าวก็มีคนสนับสนุนทุน?
มีผู้เข้าสอบหลายสิบคนมาสอบที่เฟิ่งเสียน คนจำนวนมากขนาดนี้รับประทานอาหารสองมื้อต่อหนึ่งวันมิใช่จำนวนเงินเล็กน้อยเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อครู่เธอเห็นว่ามีนักเรียนเซี่ยนอีจงคนหนึ่งหยิบข้าวปั้นที่พกติดตัวออกมารับประทาน น่าจะเป็ข้าวปั้นที่เตรียมไว้ล่วงหน้าั้แ่เมื่อคืน ห่อมิดชิดตลอดทางมาเฟิ่งเสียน เวลานี้เริ่มมีกลิ่นเปรี้ยวแล้ว ทั้งที่เพิ่งต้นเดือนพฤษภาคม แต่สภาพอากาศราวกับกำลังทดสอบเหล่านักเรียนที่ร่วมการสอบคัดเลือกรอบแรก ช่างร้อนอบอ้าวเหลือเกิน
ฐานะครอบครัวของนักเรียนเซี่ยนอีจงแตกต่างกัน มีทั้งครอบครัวพนักงานในเมือง และมีทั้งครอบครัวในพื้นที่ชนบทของเขตอันชิ่ง ดูจากการแต่งกายก็รู้แล้ว เมื่อสักครู่ผู้เข้าสอบพวกนั้นถึงได้เย้ยหยันว่าพวกเขามาจากชนบท การพกข้าวปั้นมาสอบที่เฟิ่งเสียนนั้นทำเพื่อประหยัดเงินอย่างแน่นอน แต่หากรับประทานอาหารที่เริ่มเน่าเสียลงไปจนท้องไส้ปั่นป่วนยังจะสอบได้อย่างไรกันเล่า?
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เห็นก็ช่างปะไร ทว่าเมื่อเห็นแล้วมิอาจนิ่งดูดายได้ นักเรียนเซี่ยนอีจงเหล่านี้ให้การสนับสนุนแก่เธอเป็อย่างมาก
ด้วยนามของพวกหลี่ต้งเหลียง เขาจึงเป็ผู้รับผิดชอบค่าอาหารในเฟิ่งเสียนของผู้เข้าสอบจากเซี่ยนอีจงไว้ทั้งหมด ไม่ได้สิ้นเปลืองเงินของเซี่ยเสี่ยวหลานสักเท่าไร หลี่ต้งเหลียงถูกเรียกตัวมา คุณผู้หญิงเซี่ยว่าอย่างไรก็อย่างนั้น เขาแสดงความห่วงใยกับเหล่าวัง
“พวกนักเรียนเขาเรียนหนังสือกันเหนื่อยมาก อาหารการกินต้องสะอาดถูกหลักอนามัย พวกเราไม่ได้มีเงินมากมายนัก แต่จะทำให้ดีที่สุดครับ”
คำพูดของหลี่ต้งเหลียงไม่มีความผิดปกติเลย เหล่าวังปฏิเสธตามมารยาทและตกลงเห็นด้วย เขาเองไม่อยากมองนักเรียนรับประทานข้าวปั้นบูดเหมือนกัน แต่เงินเดือนหนึ่งเดือนก็เท่านั้น นักเรียนมากมายขนาดนี้ต้องรับประทานอาหารในเฟิ่งเสียนสองวัน อุดหนุนเงินทั้งเดือนของเหล่าวังเข้าไปก็ยังไม่พอ
เขาไม่ได้ตัวคนเดียว เขายังมีครอบครัวของตนเองให้เลี้ยงดู ดูแลทั้งบิดามารดาและบุตร เหล่าวังมีใจแรงกล้าทว่ากำลังไม่พอ!
แม้มันจะค่อนข้างแปลกที่ญาติสองคนของเซี่ยเสี่ยวหลานติดตามมาเฟิ่งเสียนด้วย แต่พวกเขาจะสนับสนุนมื้ออาหารแก่คนจำนวนมากขนาดนี้ นักเรียนทุกคนล้วนยินดีปรีดา นักเรียนที่เกือบรับประทานข้าวปั้นบูดรู้ดี เมื่อครู่เซี่ยเสี่ยวหลานบอกเขาว่าอย่าเพิ่งกินข้าว... ญาติของเพื่อนเสี่ยวหลานจะสนับสนุนค่าอาหารให้ทุกคนโดยไม่มีเหตุผลไปเพื่ออะไร ต้องเป็เพราะเพื่อนเสี่ยวหลานขออย่างแน่นอน
นักเรียนเสี่ยวหลานคุณธรรมสูงส่งเช่นนี้ ช่างเป็คนทำดีไม่เคยเอาหน้าจริงๆ !
เชิงอรรถ
[1]卷面分 คะแนนกระดาษคำตอบ คือ คะแนนที่ให้จากการพิจารณากระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบ ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในข้อสอบ แต่เป็การพิจารณาลายมือ ความสะอาด ความเป็ระเบียบ ฯลฯ ของกระดาษคำตอบ
[2]拉下马 ดึงลงจากม้า หมายถึง ทำให้ผู้อื่นลงจากตำแหน่ง