คนล่าสุดที่หาว่าเซียวเจวี๋ยไม่มีน้ำยา ตอนนี้ตายอยู่ในสนามรบ
คนผู้นั้นมองว่าชายหนุ่มมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเกินไป เลยมองไม่เห็นถึงความโเี้และฝีมือการสู้รบของเทพแห่งาในตัวเขา
ต่อมา คนผู้นั้นก็โดนชายหนุ่มตัดหัวด้วยดาบคม จนบัดนี้หญ้าบนหลุมศพคงขึ้นสูงมากแล้ว
เซียวเจวี๋ยคล้ายจะยิ้ม มองไปที่คอระหงที่ขาวดุจดั่งหิมะตรงหน้า ซึ่งดูแล้วน่าจะหักได้อย่างง่ายดาย
ดูท่าจะมีบางคนที่ไม่รู้สึกถึงจิตสังหารและยังคงยืดคอระหงงดงามเข้ามา พลางพูดอย่างได้คืบจะเอาศอกว่า “หากข้าเป็ท่าน ข้าจะไม่พูดถึงเื่น่าอัปยศนี่อีก”
“เ้าคงจะลืมอะไรไป” เซียวเจวี๋ยเตือนด้วยความเมตตา “ฝ่าาทรงพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้แล้ว และหากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานเ้าก็ต้องแต่งงานกับข้า”
“โอ๊ะ งั้นหรือ?” ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดต่อ “ท่านอยากแต่งงานกับข้าเหรอ?”
“ไม่อยาก” เซียวเจวี๋ยตอบกลับแทบจะในทันที ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตอนนี้ทั้งสองจึงอยู่ใกล้กันมาก เพียงแค่เขาก้มหน้าลง คางของเขาก็จะััหน้าผากนางได้ทันที “แต่นั่นมันเมื่อก่อน สำหรับตอนนี้...ฮึ ข้าว่าการน้อมรับการอภิเษกสมรสที่ฝ่าาพระราชทานก็ไม่เลวทีเดียว”
ชิงอีได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมส่งสายตาเ็าราวน้ำแข็ง แต่สายตาของเซียวเจวี๋ยเองก็ไร้ความอบอุ่นไม่แพ้กัน “ท่านอยากแต่งงานกับข้า ก็ต้องดูด้วยว่าข้ายินดีจะแต่งงานด้วยหรือไม่!”
เซียวเจวี๋ยโน้มหน้าเข้าหานาง
มองไกลๆ ยามนี้ทั้งคู่ดูใกล้ชิดกัน จนริมฝีปากแทบจะจรดทาบทับกัน ปลายจมูกของชายหนุ่มเคลื่อนเฉียดใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเคลื่อนไปที่ข้างหูเอ่ยออกมาสองคำว่า “ลองไหม?”
เย้ายวนเสียจนน่าชิงชัง
คล้ายคลึงกับหญิงสาวอันธพาลที่เคยร่วมเตียงกับเขาแล้วก็จากไป
ชิงอีหรี่ตาที่เต็มไปด้วยอันตรายมองชายหนุ่ม
เหมียว―
จู่ๆ ก็มีเสียงร้องบาดหูดังขึ้นมา แล้วเ้าแมวตัวอวบอ้วนพลันพุ่งเข้ามา ราวกับะุพร้อมกับคมเล็บที่ตั้งท่าจะข่วนลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเจวี๋ย
ในขณะที่กรงเล็บของเ้าแมวเกือบจะถึงที่หมาย เซียวเจวี๋ยััได้ถึงอันตรายก็เบี่ยงตัวหลบ พร้อมเอาแขนแกร่งโอบรอบเอวบางของหญิงสาว รั้งร่างของนางถอยมาอีกทาง และแขนยาวเอื้อมไปจับเ้าแมวอ้วนยกขึ้นบนอากาศ
ชิงอีกลอกตามองเ้าแมวอ้วนที่โดนจับหิ้วคออย่างง่ายดาย เ้าโง่!
“กอดสบายไหม?” นางช้อนตามอง พร้อมส่งรอยยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายผุดขึ้น ไม่รอช้านางยกเท้าขึ้นถีบเข้าไปที่เข่าของชายหนุ่ม
เซียวเจวี๋ยก้าวถอยหนีอย่างคล่องแคล่ว ไม่สะทกสะท้าน ยามเขาผลักนางออกนั้น เขาก็โยนเ้าแมวอ้วนไปบนร่างของหญิงสาว ทุกการเคลื่อนไหวเหมือนตอนที่ชิงอีจับเ้าแมวอ้วนโยนใส่เขาเมื่อคืนไม่มีผิด
ทว่า เ้าแมวอ้วนไม่กล้าข่วนนาง มันถูกโยนทิ้งเหมือนกับกระสอบทราย คล้ายกับว่าเป็ชีวิตหนึ่งที่ไร้ประโยชน์ มีเพียงแววตาเ็าและกรงเล็บปีศาจของชิงอีเท่านั้นที่รอคอยมันอยู่
“ฮึๆ” พลันเสียงหัวเราะสะใจของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
เซียวเจวี๋ยเอ่ยขึ้น คล้ายกับกำลังพูดกับเ้าแมวอ้วน แต่สายตากลับจ้องมาที่นาง “ช่างเป็...เดรัจฉานน้อยที่มีฟันและกรงเล็บแหลมคมเสียจริงๆ”
ชิงอีใช้มือบีบเ้าแมวอ้วน ั์ตาแปรเปลี่ยนเป็เยือกเย็นกับรอยยิ้มร้ายที่เด่นชัดขึ้น
เ้าแมวอ้วนในมือนางตัวสั่น คล้ายกับกำลังตื่นเต้น ด้วยรู้ดีว่าเมื่อชิงอียิ้มออกมาราวกับคนวิปลาสเช่นนี้ นั่นหมายความว่ามีคนที่จะต้องตายแน่!
เ้าไก่อ่อน งานนี้แกตายแน่ บังอาจมาจับหลังคอข้า แกได้ตายแน่นอน!
หลังจากประจันหน้ากัน โดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาพักใหญ่
กระแสลมเย็นพัด ราวกับนำพาความรู้สึกอึดอัดมาด้วย
เกิดรอยยิ้มค้างบนใบหน้าของชิงอีเพียงแวบหนึ่ง ั์ตาวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความตื่นตะลึงและไม่อยากเชื่อ ทว่า ไม่นานก็กลับมาเป็เย่อหยิ่งอวดดีเหมือนปกติ
“ไสหัวออกไปได้แล้ว”
จบประโยคเ้าแมวอ้วนถึงกับงง หมายความว่ายังไง? นี่นางจะปล่อยเ้าไก่อ่อนนี่ไปแล้วหรือ? มันอุตส่าห์เตรียมตัวที่จะกลืนกินดวงิญญาสดใหม่แล้วนะ!
เซียวเจวี๋ยมิได้ละสายตาจากั์ตาที่เปลี่ยนไปของนาง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปใกล้นางอีก เพียงแค่ทิ้งประโยคที่สื่อบางอย่างไว้ว่า “นางกำนัลที่ตายไปชื่อเสาเหย้า”
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินจากไป ชิงอีก็รีบปิดประตูตำหนักทันที
พอเท้าของเ้าแมวอ้วนแตะถึงพื้น ก็ร้องเหมียวเหมียวโวยวายอย่างไม่พอใจ “เ้าไก่อ่อนนั่นเหิมเกริมขนาดนี้ ทำไมท่านถึงไม่จัดการเขา!”
สักพักมันก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย็นะเื “ข้าจัดการไม่ได้น่ะสิ”
เ้าแมวอ้วนตัวสั่นขึ้นมาทันที มันหรี่ตาลง รอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม ทำให้มันเหงื่อแตกขนลุกชัน “จัดการไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร?”
ชิงอีถูฝ่ามือ แล้วเผยยิ้มเย็น “ก็หมายความว่าพลังเวทของข้าผู้นี้ ใช้กับเขาไม่ได้ไง!”
เ้าแมวอ้วนได้ยินนางเรียกแทนตัวเองว่า ‘ข้าผู้นี้’ ออกมา มันรู้ทันทีว่าชิงอีแทบคลั่งแล้ว แต่ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือความหมายในคำพูดของนาง
“ทำไมถึงใช้ไม่ได้ล่ะ เขาเป็แค่เผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่ง! แต่ท่านเป็ถึงราชินีแห่งภูตผีเชียวนะ!”
“นั่นสิ เป็แค่มนุษย์ธรรมดาๆ ทำไมถึงสามารถต้านทานพลังเวทของข้าได้กัน?” ดวงตาของชิงอีวาวโรจน์ขึ้น คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างเหลือเชื่อ ประหนึ่งเสือดาวที่เพิ่งถูกหยอกล้อและลูบคม ซึ่งกำลังเจอกับเหยื่อที่น่าสนใจตัวใหม่ นางหัวเราะคิกคักออกมา “ก็อาจจะแค่พลังจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าพวกภูตผี หรือไม่ก็ในตัวชายผู้นั้นอาจมีสมบัติวิเศษอะไรซุกซ่อนอยู่ น่าสนใจดี ฮึ น่าสนใจมากจริงๆ ...”
แมวอ้วนได้ฟังสิ่งที่นางพูดพล่ามเช่นนั้น แล้วหัวก็แทบจะะเิ
“วันนั้นที่ข้าร่วมเตียงกับเขา ทำไมข้าถึงไม่รู้เื่นี้ล่ะ?”
ชิงอีลูบคางงามของเธออย่างใช้ความคิด ความโกรธที่เคยมีจางหายไปอย่างรวดเร็ว ยามนี้ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแทน
เ้าแมวอ้วนรู้ผลลัพธ์ของความตื่นเต้นนั้นเป็อย่างดี จู่ๆ ก็เกิดรู้สึกสงสารเซ่อเจิ้งอ๋องผู้นั้นขึ้นมาจับใจ
เวลาที่พญามัจจุราชสาวชิงอีเตี้ยนบ้าคลั่งขึ้นมา รับมือยากเสียยิ่งกว่าพวกผีเล็กผีน้อยเสียอีก!
“ช่างเถอะ ในเมื่อคิดไม่ออก ค่อยลองดูทีหลังเดี๋ยวก็รู้เอง” ชิงอีหันไปยิ้มหวานให้เ้าแมวอ้วน จนมันรับรู้ได้ถึงเค้าลางไม่ดี
“ข้าไปนอนก่อนล่ะ ถึงเวลามื้อค่ำแล้วเ้าค่อยมาเรียกข้าแล้วกัน”
“นอนอีกแล้วหรือ?” เ้าแมวอ้วนะโขึ้นไปบนเตียง แม้ว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่ในปรโลกหญิงสาวจะี้เีมากแต่ก็ไม่จำเป็ต้องดูเกียจคร้านถึงเพียงนี้นี่? ความง่วงที่บนใบหน้าของชิงอีเป็ความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่แค่นอนเพราะี้เี
ชิงอีปรือตาคู่สวยครึ่งหนึ่ง พลางอ้าปากหาว พร้อมพูดขึ้นว่า “ร่างนี้ช่างอ่อนแอนัก แค่ใช้พลังเวทนิดเดียวก็ง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว เห็นทีต้องหาทางแก้ไขปัญหาเื่นี้เสียหน่อย”
“ใครใช้ให้ท่านเป็ถึงราชินีแห่งภูตผีล่ะ คนธรรมดาที่ไหนจะไปรองรับความแข็งแกร่งของิญญาของท่านได้ ่นี้ท่านก็เพลาๆ ลงหน่อย อย่าใช้พลังเวทบ่อยเกินไป” เ้าแมวอ้วนพูดพลางเลียชิ้นเนื้อที่เป็อาหารของมัน “อย่าให้เวลาที่จำเป็ต้องใช้กลับกลายเป็ใช้ไม่ได้ขึ้นมาล่ะ”
“เฮอะ ไม่มีทางเป็เช่นนั้นหรอก” ชิงอีตอบกลับอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนจะพลิกตัวแล้วเตรียมหลับ
ขณะที่นางกำลังหลับ บรรยากาศทางตำหนักอี้คุณกงกำลังอึมครึมอย่างมาก
ฮองเฮาตู้มีใบหน้าคร่ำเคร่ง ขณะฟังสรุปรายงานจากข้าหลวงในวัง “เซียวเจวี๋ยเข้าวังมาพบฉู่ชิงอีอย่างนั้นหรือ? ั้แ่เมื่อไรกัน?”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา ท่านอัครมหาเสนาบดีที่พาคนไปยังจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง ถูกคนกันไว้ที่นอกจวนเพคะ คิดไม่ถึงว่าเซียวเจวี๋ยกลับเข้าวัง เพื่อไปพบกับองค์หญิงใหญ่ เื่เช่นนี้ดูจะไม่ง่ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หวังซุ่นทูลตอบ
สีหน้าของฮองเฮาตู้ยิ่งดูเคร่งขรึมลงกว่าเดิม “สืบรู้หรือยัง ว่านางกำนัลคนนั้นเป็ใคร? ”
“คนที่เข้าออกวังหลวง นอกจากคนที่ต้องออกไปจับจ่ายซื้อของหรือหายสาบสูญไปเนิ่นนานมากแล้วนั้น ล้วนมีการบันทึกไว้ แต่มีนางกำนัลรับใช้สาวคนหนึ่งดูมีบางอย่างแปลกๆ”
“หืม?”
“นางกำนัลรับใช้ที่อยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ เสาเหย้า...ก็หายตัวไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฉู่ชิงอีอีกแล้วหรือ?” ั์ตาของฮองเฮาตู้วาวโรจน์ “ส่งคนไปตำหนักเชียนชิว เรียกนางมาพบข้า!”