ในค่ำคืนนี้ คาดว่าคงมีเพียงตำหนักเชียนชิวที่เงียบสงัดราวกับตำหนักเย็น ส่วนภายในวังและนอกวังกลับเต็มไปด้วยเสียงเอะอะและความชุลมุน
การตายของตู้ิเยวี่ยในครั้งนี้ สร้างความปั่นป่วนยิ่งนัก พอตู้หรูฮุ่ยทราบข่าวก็รีบเข้าวังทันที แต่เขาก็ไม่ได้เห็นศพของบุตรชาย
ตู้หรูฮุ่ยเศร้าโศกเพราะการจากไปของบุตรชายได้ไม่นาน ก็ถูกเรียกตัวไปตำหนักฮองเฮา จากนั้น คนทั้งวังก็เห็นตู้หรูฮุ่ยออกจากวังมาด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับพระราชเสาวนีย์จากฮองเฮา และตรงไปยังจวนของเซ่อเจิ้งอ๋องทันที
เห็นได้ชัดว่าเขา้าขอศพบุตรชายกลับไป
ส่วนตัวการของเื่ทั้งหมดนี้ กำลังนอนหลับสบาย จนกระทั่งตะวันสายโด่งถึงจะยอมลุกออกจากเตียง
ชิงอีอาบน้ำแต่งตัว โดยมีนางกำนัลสาวสองคนคอยปรนนิบัติ นางมีทีท่าเกียจคร้าน ราวกับคนกระดูกแขนขาอ่อนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ใช้เพียงปากสั่งไม่กี่คำ ตอนเลือกชุดกับแต่งหน้าทำผม
นางกำนัลรับใช้ทั้งสองชื่นชมความงามขององค์หญิงใหญ่ผ่านทางกระจก และได้แต่ตะลึงงันในความงดงามนั้น ราวกับตกอยู่ในภวังค์
“องค์หญิงช่างงดงามยิ่งนักเพคะ!” เถาเซียงเอ่ยชมอย่างจริงใจ
ดวงตาคู่สวยของชิงอีชายตามองนางครู่หนึ่ง เพียงแค่นั้นนางกำนัลสาวก็ใจเต้นระส่ำพร้อมหน้าแดงระเรื่อ เถาเซียงรู้แค่ว่าองค์หญิงที่อยู่เบื้องหน้าตน ตอนนี้ดูเปล่งประกายและงดงามไร้ที่ติยิ่งนัก เพียงองค์หญิงชายตามองเพียงครู่เดียว นางก็รู้สึกราวกับว่าิญญาของตนถูกดึงออกไป
ทางด้านต้านเสวี่ยที่หลุดจากภวังค์ก่อนเถาเซียง นางเข้ามาอยู่ในวังนานกว่า เลยรู้ว่าจะต้องปรนนิบัติอย่างไร หากแต่นางก็อดสงสัยไม่ได้เลยเอ่ยปากถาม “องค์หญิงเพคะ เหตุใดถึงไม่เห็นพี่เสาเหย้าเลยเพคะ?”
ชิงอีกำลังชื่นชมรูปลักษณ์ที่ดูดีมีเสน่ห์ของตนเองในกระจกอย่างพึงพอใจ นี่สิถึงจะคู่ควรกับราชินีแห่งภูตผีอย่างนาง สารรูปบอบบางอ่อนแอ ราวกับดอกบัวนั่น น่าขายหน้าเกินกว่าจะออกไปเดินเล่นที่ไหน
เมื่อได้ยินสิ่งที่ต้านเสวี่ยถาม นางตอบกลับ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง “ั้แ่เมื่อไรกันที่เ้านายจำต้องใส่ใจความเป็อยู่ของบ่าวรับใช้?”
ต้านเสวี่ยรีบเงียบปาก เพราะรู้ว่าตัวเองได้พูดสิ่งที่ไม่สมควรออกไป
ทางด้านเถาเซียงที่เป็คนหัวช้าเลยไม่ได้คิดอะไร “องค์หญิง เมื่อคืนในวังเกิดเื่ใหญ่เพคะ” นางเป็คนซื่อๆ ที่คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น “คุณชายตู้ตายแล้วเพคะ ว่ากันว่าเพราะลอบมีความรักกับนางกำนัลในวัง แต่ก็มีข่าวลือในวังว่า แท้จริงแล้ว หญิงสาวคนนั้นคือฆาตกรที่ได้รับคำสั่งให้มาสังหารคุณชายตู้ เมื่อเช้านี้ฮองเฮาทรงส่งคนไปตรวจแต่ละตำหนัก และตรัสว่าจะต้องสืบหาตัวคนร้ายที่อยู่เื้ัเื่นี้ให้ได้เพคะ!”
“ตราบใดที่ไม่ได้มารบกวนการนอนของข้า พวกเขาอยากจะตรวจสอบอะไร ก็ให้ตรวจสอบไปเถอะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เถาเซียงก็รู้สึกเป็กังวลขึ้นมา “องค์หญิงเพคะ แต่ว่าตอนนี้คนในตำหนักของเราหายไปเพคะ! แถมเวลานี้พี่เสาเหย้าเองก็ดันมาหายตัวไปอีก”
“พวกเ้าสองคนสนิทสนมกับนางงั้นหรือ?” ชิงอีเหลือบตามองพวกนาง
เถาเซียงส่ายหัวปฏิเสธทันที ทว่า ต้านเสวี่ยกลับลังเลอยู่สักพัก ถึงจะปฏิเสธ
“เช่นนั้น แล้วพวกเ้าจะกังวลอะไร” ชิงอีพูดพลางยืนขึ้น “ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเ้าสองคนออกไปเถอะ”
เหนื่อยงั้นหรือ?
ไม่ใช่ว่านางเพิ่งจะตื่นนอนหรือไง?
นางกำนัลทั้งสองคนไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรให้มากความ แม้ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่จะไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่มองไม่เห็น ทั้งคู่จึงทำความเคารพผู้เป็นาย ก่อนจะเดินถอยออกไป
หลังจากที่พวกนางออกไปแล้ว เ้าแมวอ้วนก็ะโขึ้นไปบนไหล่ของชิงอี ทำให้ผ้าคลุมไหล่ผืนบางลู่ลงไปบนกายของนาง
“หากตรวจสอบได้ว่าร่างนั้นเป็ร่างของเสาเหย้า ปลายหอกแหลมก็จะหันพุ่งมาที่ท่านทันที ถึงตอนนั้นคงจะเป็ปัญหาน่าดู”
“ปัญหาหรือ? อาจไม่เป็เช่นนั้นก็ได้” ชิงอียิ้มน้อยๆ “เผลอๆ อาจจะมีแพะตัวใหญ่มาหาถึงตำหนักก็ได้”
เ้าแพะรับบาปนั่นคือใครกัน ชิงอีพูดจากำกวม
นางกลับไปพักผ่อนบนเตียงสักพัก หลังจากนั้นก็กินมื้อกลางวัน ทั้งยังสั่งให้คนนำตั่งงดงามแสนนุ่มไปตั้งไว้ที่ใต้ต้นดอกท้อในสวน แล้วร่างบางก็เข้านอนกลางวันหลับใหลอย่างสบายไปพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้
ด้วยท่าทางที่ดูสบาย ราวกับไม่มีอะไรทำนั้น ทำให้คนในตำหนักเชียนชิวถึงกับพูดไม่ออก
องค์หญิงใหญ่แลดูกล้าหาญกว่าแต่ก่อน ทว่า ไหงกลับเป็โรคขี้เซาและี้เีแทน เอาแต่นั่งไม่คิดจะยืน ทั้งยังเอาแต่นอนราวกับคนอัมพาต
นี่นางเปลี่ยนจากคนไร้ความสามารถเป็คนพิการแทนแล้วหรือ?
เซียวเจวี๋ยที่เพิ่งย่างเท้าผ่านประตูหน้าของตำหนักเชียนชิวเข้ามา ััได้ถึงความเงียบเหงาและว่างเปล่าของตำหนักนี้ ไม่มีแม้แต่ยามที่เฝ้าอยู่นอกประตู ขนาดเข้ามาในตำหนักแล้ว กลับไม่ใครสักคน จนเขาเดินเข้าไปข้างในถึงได้เห็นภาพทิวทัศน์อันงดงามใต้ต้นดอกท้อ
หญิงสาวในชุดสีแดงราวกับหินชาดที่อยู่ใต้น้ำ ชายกระโปรงที่พาดอยู่บนตั่งพลิ้วลู่ลงไปกับพื้นเดิมทีควรจะเป็หญิงสาวสวยบริสุทธิ์ผุดผ่องเรียบร้อย แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้ผู้คนหลงในเสน่ห์นั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่า ยามที่ดวงตาคู่นั้นลืมตาขึ้นมาจะงดงามเพียงใด
จู่ๆ นางก็ขมวดคิ้ว พลางพูดออกมาราวกับกำลังละเมอ “ชา”
ทว่า รอบๆ นั้นกลับไม่แม้แต่นางกำนัลนางรับใช้สักคน
เซียวเจวี๋ยหยุดอยู่กับที่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปรินชาจอกหนึ่ง แล้วยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากของนาง
กลิ่นหอมและควันจากไอร้อนของชาลอยคลุ้งไปบนใบหน้าสวยของหญิงสาว ราวกับหมอกขาว กระนั้นนางก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมา หากแต่ริมฝีปากแดงนั้นกลับเอื้อนเอ่ยอย่างี้เี “ร้อน”
เซียวเจวี๋ยหรี่ตามองนางด้วยแววตาที่มีประกายอะไรบางอย่าง เสียงทุ้มนุ่มลุ่มลึกและน่าดึงดูดเอ่ยขึ้นมาราวกับกำลังเตือน “เ้าแน่ใจนะ ว่า้าให้ข้าเป็คนป้อนเ้า?”
หญิงสาวที่กำลังนอนหลับตาอยู่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เวลานั้นราวกับสมบัติล้ำค่าที่ส่องประกายน่าดึงดูดยิ่งนัก ชิงอียังคงมีท่าทีปกติดูหยิ่งผยองแฝงความเกียจคร้าน นางพลางบิดเนื้อตัวยืดเส้นยืดสายไม่ต่างจากแมวที่เพิ่งตื่นนอน แล้วหัวเราะเยาะเย้ย “ได้รางวัลไปแล้ว เื่เล็กน้อยแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอ เซ่อเจิ้งอ๋องเนี่ย ช่างใจแคบจริงๆ”
รางวัลงั้นหรือ?
คำสองคำนี้ ทำให้สายตาของเซียวเจวี๋ยขึงขังขึ้นทันที ทว่า ใบหน้ากลับผุดยิ้มบางๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ เขามองลงไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนตั่ง ซึ่งชิงอีเองก็มองตอบอย่างเกียจคร้าน ไม่มีทีท่าว่าจะหลบสายตา ความเงียบโรยตัว หากแต่บรรยากาศของทั้งคู่แผ่ความเย่อหยิ่งออกมา
ทั้งสองสบตากัน
คนหนึ่งสุภาพหล่อเหลา
คนหนึ่งสูงส่งงดงาม
“อ๊ะ—” เสียงร้องดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตามด้วยเสียงเพล้งของถ้วยชาที่เพิ่งตกลงไปแตกที่พื้น
ต้านเสวี่ยและเถาเซียงมองไปที่เซียวเจวี๋ยด้วยความใ แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าของตัวเอง นี่พวกนางเห็นผีกลางวันแสกๆ หรือ?
“เซ่อ เซ่อเจิ้งอ๋อง!”
นางกำนัลสาวทั้งสองคนตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ชิงอีที่เห็นถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหน้า หากเป็เมื่อก่อน คนรับใช้ของนางโง่เช่นนี้ละก็ ป่านนี้ถูกโยนลงไปทอดในกระทะแล้ว
“แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิอันยอดเยี่ยมถูกทำลายซะแล้ว” ชิงอีพูดพลางถอนหายใจออกมา นางลุกขึ้นจากตั่งที่แสนนิ่มก่อนจะเดินเข้าไปในตำหนัก แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกถึงเงาของใครอีกคนที่อยู่ข้างๆ พอหันไปมองก็พบว่าเป็เซียวเจวี๋ยนั่นเอง
“เซ่อเจิ้งหวังอ๋องมาโดยที่ไม่ได้รับเชิญเช่นนี้ คิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”
เซียวเจวี๋ยเหลือบตามองนางด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไป และขยับริมฝีปากเรียวเล็กน้อย “ทวงหนี้”
หญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังเก็บกวาดเศษถ้วยที่แตกอยู่ด้านหลัง พลันตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พร้อมกับมีสีหน้าตื่นตระหนก ทวงหนี้งั้นหรือ? องค์หญิงใหญ่ไปอะไรล่วงเกินเซ่อเจิ้งอ๋องั้แ่เมื่อไรกัน?
ชิงอีหัวเราะฮึๆ ออกมา พลางทำท่าบอกให้นางกำนัลทั้งสองคนออกไป ก่อนจะกอดอก มองเขาด้วยสายตาหยิ่งยโส “ข้าจำไม่เห็นได้ว่าไปติดหนี้ท่านั้แ่เมื่อไร?”
แววตาของเซียวเจวี๋ยเปลี่ยนเป็เ็า ประหนึ่งใบมีดซ่อนคม เน้นย้ำทีละคำอย่างหนักแน่น สร้างแรงกดดันให้กับผู้อื่นได้เป็อย่างดี หากเป็คนทั่วไปคงไม่สามารถต้านทานได้ ทว่า หญิงสาวตรงหน้าไม่เพียงแค่มีท่าทีสงบนิ่ง แต่ยังคงสีหน้าหยิ่งผยองวอนหาเื่ไว้ได้อีกด้วย
“หญิงสาวที่เคยร่วมเตียงกับข้า แล้วบอกว่าจำไม่ได้ มีเ้าเป็คนแรกเลยนะ ‘ฉู่ชิงอี’ เ้านี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ...”
“ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ต้องร่วมเตียงกันอยู่ดี ข้าก็แค่ตรวจสอบสินค้าก่อนจะเป็ไรไป?” ชิงอีหัวเราะเยาะอย่างไร้ยางอาย
นางพูดออกมาอย่างสง่าผ่าเผยอย่างกับเื่ปกติที่ถูกที่ควรได้หน้าตาเฉย หากแต่คำพูดเ่าั้ กลับทำให้คนฟังรู้สึกอายแทน
“ตรวจ-สอบ-สินค้า” เซียวเจวี๋ยทวนคำ รอยยิ้มร้ายบนใบหน้าของเซียวเจวี๋ยค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ราวกับหิมะตกโหมกระหน่ำในฤดูใบไม้ผลิที่เย็นะเืไปถึงกระดูก “ในเมื่อตรวจสอบสินค้าแล้ว ไม่ทราบว่าองค์หญิงพอพระทัยหรือไม่?”
“เฮอะ” ชิงอีเอนกายบอบบางพิงกับประตู พูดอย่างไม่แยแส ราวกับลูกค้าที่เพิ่งเสพสุขเสร็จ แล้วตั้งใจแสดงบทหญิงร้ายที่ไร้เยื่อใย “หากจะให้พูดตามตรง การกระทำที่ท่านแสดงออกมานั้น ช่างทำให้หอนางโลมขายหน้านัก”
“เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านไม่มีน้ำยา”