“โหย่วมู่ มีแขกมาบ้านหรือ?” หญิงชราตีบุตรชายที่ใจลอยเล็กน้อยเบาๆ
หลู่โหย่วมู่เงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบนใบหน้ายกขึ้นทันทีทันใด
“พี่รองสกุลหู ทำไมท่านกับภรรยามีเวลาว่างมาหาข้าถึงนี่ได้ มา รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อน” หลู่โหย่วมู่นำเครื่องเรือนไปส่งมอบให้ที่หมู่บ้านวั้งหลินสองสามครั้ง นับได้ว่ารู้จักกันดีกับสองสามีภรรยาหูฉางกุ้ยและหลี่ซื่อ
“ไม่นั่งแล้ว น้องชายหลู่ พวกเรามีธุระรีบกลับไปทำน่ะ” พวกหูฉางกุ้ยพบเห็นการทะเลาะก่อความวุ่นวายของญาติและครอบครัวหลู่โหย่วมู่ จึงรู้สึกเกรงใจที่จะหยุดอยู่ตรงนี้นาน “คืออย่างนี้ น้องชายหลู่ บ้านข้า้าสั่งทำเตียงสองหลัง โต๊ะหนังสือสองตัว เก้าอี้สองตัว แล้วก็โต๊ะทานข้าวทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหนึ่งชุดเข้าคู่กับเก้าอี้ และนี่เป็เงินมัดจำสองเหลียง ให้นำไปส่งที่บ้านข้าภายในหนึ่งเดือน”
หูฉางกุ้ยรับเงินสองเหลียงที่หลี่ซื่อเตรียมไว้ในมือมาแล้วยื่นส่งไป
หลู่โหย่วมู่รับไปอย่างตกตะลึง เขาจำได้ว่าห้องหลักและห้องรับแขกของบ้านใหม่สกุลหู เครื่องเรือนล้วนทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำไม้าเพิ่มขึ้นมากมายเพียงนี้อีก แน่นอนว่าการค้าขายมาส่งถึงหน้าบ้านจะไม่ทำได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น สกุลหูยังเป็ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของเขาด้วย
หลู่โหย่วมู่ตอบรับด้วยความดีใจทันทีทันใด สอบถามความใหญ่เล็กและสั้นยาวทีละอันให้เรียบร้อย พร้อมกับจดบันทึกไว้อย่างละเอียด
เขาเชื้อเชิญหูฉางกุ้ยและภรรยาให้อยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกระตือรือร้น
เป็เื่ยากที่หูฉางกุ้ยจะยืนกรานปฏิเสธอย่างนิ่มนวลได้ ในหน้าอกของเขายังซ่อนเงินจำนวนมากถึงสองร้อยเหลียงไว้อยู่ หากไม่เร่งรีบกลับบ้านในใจเขาคงกระวนกระวายอย่างมาก
เมื่อบอกลาครอบครัวหลู่ที่กระตือรือร้นแล้ว หูฉางกุ้ยและหลี่ซื่อก็ไปตลาดที่อยู่ด้านข้าง
หลังใช้ความเร็วอย่างเร่งรีบทยอยซื้อของที่จำเป็ในตลาดให้เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งเกวียนล่อกลับหมู่บ้านไป
วันต่อมาครอบครัวหูตกอยู่ในสภาพงานยุ่งอีกครั้ง
พวกเขายังคงมองหาหลิ่วฉางผิงเหมือนเช่นเดิม ตามความคิดเห็นของเจินจู หาแปลงที่ดินที่เหมาะสมละแวกบ้านของนาง แล้วเริ่มลงมือก่อสร้างบ้านขึ้น
ห้องโถงกลางหนึ่งห้องและมีห้องด้านข้างห้องโถงสองห้อง นอกจากนั้นยังมีห้องครัวหนึ่งห้องและห้องส้วมกับห้องอาบน้ำหนึ่งห้อง ลักษณะแบบแผนล้วนเป็ตามแบบบ้านของนางทั้งหมด สุดท้ายคือก่อสร้างลานใหญ่ราบเรียบหนึ่งลาน หนึ่งลานฝึกมีหนึ่งเสาดอกเหมย [1] และยังมีห้าหุ่นไม้ [2] แล้วต้องปลูกต้นกล้าที่เหมาะสมสองสามต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนถามฟางเสิงมาแล้ว แผนงานถึงออกมาได้
เจินจูให้หลัวจิ่งวิ่งไปหมู่บ้านต้าวันหนึ่งรอบ สั่งทำส้วมนั่งยอง อ่างล้างหน้าบ้วนปาก และอ่างล้างผักแบบอย่างตามเดิม
ครั้นเข้าสู่เดือนห้า คนที่บ้านมีที่นาน้อย ไม่มีงานอะไรให้ต้องยุ่งติดตัวแล้ว พอได้ยินว่าครอบครัวหูจะสร้างบ้านอีกครั้ง ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความอิจฉาและกระตือรือร้นไปสมัครทำงาน
มีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว สกุลหูอิงตามค่าแรงและวิธีการเดิม คือไม่ห่ออาหารกลางวัน ค่าแรงทุกวันวันละสิบสองเหวิน ชาวบ้านสิบสองคนที่เคยมาล้วนมากันหมดไม่ขาดไปเลยสักคน นอกจากนี้หลิ่วฉางผิงยังเรียกชาวบ้านที่มือเท้าเคลื่อนไหวว่องไวขยันทำงานมาอีกหกคน
เริ่มขุดฐานก่อสร้าง เติมหลุมเว้าแหว่งให้พื้นดินเสมอกัน สะสางวัชพืชที่ขึ้นผสมกับพุ่มไม้เตี้ยและก้อนกรวด ใช้เวลาไม่นาน ตรงข้างริมฝั่งแม่น้ำแต่เดิมมีหญ้าขึ้นรกและอ้างว้าง ขณะนี้กลับมีฉากคนพลุกพล่านยุ่งอยู่กับงานขึ้นตลอดเวลา
อาชิงจ้องไปยังฉากงานยุ่งคึกคักที่ไม่ไกลออกไป กดความรู้สึกตื่นเต้นในใจไว้ไม่อยู่
นั่นเป็บ้านที่สร้างให้พวกเขาสองศิษย์อาจารย์โดยเฉพาะ พี่สาวสกุลหูกล่าวว่าขอแค่พวกเขาสอนศิลปะการต่อสู้อยู่บ้านสกุลหูสิบปีเต็ม บ้านหลังนี้จะเป็ของพวกเขาทั้งหมด
บ้านยังนับว่าเป็แค่สิ่งที่เพิ่มความสะดวกสบายเบื้องต้นที่มอบให้ แต่ที่เป็ค่าตอบแทนปกติคือเงินเดือนค่าจ้าง ให้อาจารย์เดือนละหนึ่งเหลียง ส่วนเขาห้าเหวินทองแดง
ไม่ผิด เขาก็มีค่าแรงงานเช่นกัน มุมปากของอาชิงควบคุมไม่ให้ยกขึ้นไม่ได้ รู้สึกว่าตนเองเหมือนตกลงไปในหลุมแห่งความโชคดีอย่างกะทันหัน อาการป่วยของอาจารย์มีเงินรักษาและไม่ต้องหิวอีกต่อไป อีกไม่นานที่จะถึงก็สามารถมีบ้านของตัวเองได้ด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้อาชิงที่ร่อนเร่พเนจรอยู่ข้างถนนมาั้แ่เด็ก มีความสุขเสียจนรู้สึกว่าตนเองจะลอยขึ้นได้
แต่ฟางเสิงกลับสงบเงียบ เขาออกจากบ้านท่องยุทธภพมาหลายปี พานพบกับจุดสูงสุดและต่ำสุด พบความพ่ายแพ้กับความสำเร็จของชีวิต ่เวลาที่เอาแต่ใจไม่หวั่นเกรงสิ่งใดมากที่สุด เมื่อมีเงินมากมายหลายหมื่นเหลียงตรงหน้าเขาก็ไม่มองอยู่ในสายตา ส่วน่เวลาที่ตกระกำลำบากที่สุดแม้เงินไม่กี่เหวินก็หยิบออกมาไม่ได้สักเหวิน เื่ราวที่ตนเองได้ประสบผ่านมามีมากเกินไป จึงเรียนรู้ที่จะไม่หวาดหวั่นต่อการเผชิญสิ่งใดไปนานแล้ว
ร่างกายเขามีจุดบกพร่องมากมายมานาน อาศัยยาสมุนไพรของท่านหมอจาง อาจสามารถยืดเวลาออกไปได้สองปี ระยะเวลาเช่นนี้ หากสามารถหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อให้อาชิงเติบโตได้อย่างแข็งแรง เขาจะได้ตายตาหลับ
หาได้ยากที่จะเจอเข้ากับครอบครัวจิตใจดีงามเช่นสกุลหู ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาที่ใกล้จะตายอยู่รอมร่อ ไม่เพียงช่วยเหลือพวกเขาโดยการออกเงินและออกแรงเพียงเท่านั้น แต่ยังหาข้อสรุปโดยการรับเขากลับมาพักฟื้นฟูร่างกายที่บ้านโดยเฉพาะ ฟางเสิงเป็คนรู้จักบุญคุณคน ความหวังดีของสกุลหูส่วนนี้เขาล้วนจารึกมันอยู่ในใจ
การที่คนสกุลหูสร้างบ้านใหม่เพื่อพวกเขาสองศิษย์อาจารย์ ช่างเหนือความคาดหมายของฟางเสิง ในสายตาของเขา สกุลหูเป็เพียงคนครอบครัวเกษตรกรที่ค่อนข้างร่ำรวยมั่งคั่งมาก ไม่คิดเลยว่าเพื่อเล่าเรียนการต่อสู้แล้วจะยอมจ่ายเงินไปหลายสิบเหลียงสร้างสถานที่ฝึกซ้อมแห่งหนึ่งขึ้น
บุรุษเ้าของบ้านสกุลหู ไม่ว่าจะมองอย่างไรล้วนไม่เหมือนคนใจกว้างสบายๆ ปานนั้น
ไม่ใช่แค่ฟางเสิงที่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ยามนี้หวังซื่อก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน
่นี้หวังซื่อวุ่นอยู่กับการดูแลคนป่วยในบ้าน ไม่ทันได้สนใจสถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวบุตรชายคนเล็กไปชั่วขณะ วันนั้นหูฉางกุ้ยกล่าวกับนางว่าจะสร้างบ้านสามห้อง ใช้ทำสนามฝึกซ้อม นางยังนึกว่าเขาแค่พูดไปเท่านั้นเอง
คิดไม่ถึงเลยว่าในวันถัดมา เขาจะหาคนมาก่อสร้างและเริ่มปรับระดับพื้นที่แล้ว
ความคิดนี้เกรงว่าจะเป็ของเจินจูกระมัง ครอบครัวของบุตรชายคนเล็กมีเพียงหลานสาวผู้นี้เท่านั้นที่มีความกล้าหาญเกินคน กระทำการเฉียบขาดและเด็ดเดี่ยว
ช่างเถอะ ในเมื่อทั้งครอบครัวพวกเขาเห็นด้วยกันทั้งหมด เช่นนั้นนางจะไม่เป็คนชั่วที่ทำให้เสียบรรยากาศ
บ้านสามห้องรวมกับหนึ่งลานบ้าน คำนวณเงินใช้จ่ายขึ้นมาก็ไม่มาก หวังซื่อไม่วุ่นวายกับสิ่งเหล่านี้อีก บุตรชายโตแล้ว อีกทั้งแยกบ้านไปแล้วด้วย นางไม่ควรก้าวก่ายมากเกินไป
...ศาลาสิบลี้ในเขตชานเมืองของเมืองหลวง
รถม้าโอ่อ่าชั้นดีไม่กี่เกวียนหยุดอยู่ด้านข้าง องครักษ์และคนติดตามนอกศาลาล้อมอยู่เป็วง
“ท่านป้าเ้าคะ ทำไมพี่ห้ายังไม่ถึงอีกเล่า?“ เสียงน่ารักไพเราะอ่อนโยนบ่นพึมพำเล็กน้อย “รอมาครึ่งชั่วยามแล้วนะเ้าคะ”
“อวี่เวย พี่ห้าของเ้าร่างกายอ่อนแอ การเดินทางจะช้าหน่อยก็เป็เื่ปกติ” ฟู่เหรินในชุดงดงามผิวขาวนวลสะกดความร้อนใจไว้ภายในไม่แสดงออกมา กล่าวปลอบใจเด็กสาวและในขณะเดียวกันก็คลายความกังวลของตนเองไปด้วย
“ข้าไม่ได้เจอพี่ห้ามาครึ่งค่อนปีแล้ว ทำไมเขาใจร้ายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนที่บ้านล้วนคิดถึงและเป็ห่วงเขาหรือเ้าคะ ไปที่ไกลเพียงนั้น ไปเป็เวลาเนิ่นนานล้วนไม่กลับบ้าน” เด็กสาวขยี้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวราวหิมะในมือด้วยความไม่พอใจ
“…ฉีเอ่อร์น่ะ ไปเพื่อพักฟื้นร่างกาย ไม่ใช่ไปเที่ยว” ฟู่เหรินชำเลืองมองเด็กสาวแวบหนึ่ง ราวกับไม่พอใจคำพูดของนาง
“ท่านป้าดูแลพี่ห้าได้ดีที่สุดแล้วเ้าค่ะ” เด็กสาวมุ่ยปาก
“ฮูหยิน ท่านดูสิ นั่นใช่รถม้าของคุณชายห้าหรือไม่เ้าคะ?” สาวใช้ด้านข้างชี้ไปที่รถม้าสีดำกำลังเดินทางมาอย่างช้าๆ จากที่ไกลออกไป
ฮูหยินรีบหยัดกายลุกขึ้นมองไป ทันใดนั้นดวงตาเบิกกว้างทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ “ใช่ๆ เป็รถม้าของฉีเอ่อร์”
นางรีบร้อนเดินออกจากศาลา เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว น้ำตาแห่งความดีใจไหลร่วงลงแก้ม
รอจนรถม้ามาถึง น้ำตาก็ย้อมผ้าเช็ดหน้าของนางเปียกไปหมดแล้ว
“ฉีเอ่อร์!”
“พี่ห้า!”
ดวงตาสว่างไสวใสสะอาดของกู้ฉีมองไปทางมารดาที่ตื่นเต้นอยู่ข้างรถม้า มุมปากโค้งรอยยิ้มขึ้น
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้วขอรับ”
อันซื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลหล่นลงมา
...ในจวนสกุลกู้ ที่พักไท่อัน
กู้ฉีล้างหน้าบ้วนปากหนึ่งรอบพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจึงไปยังเฮ่อเหยียนถังที่พักอาศัยของท่านย่าพร้อมกับผู้เป็มารดาอันซื่อ
“ฉีเอ่อร์ เ้าเดินทางมาเหนื่อยล้าตลอดทางน่าจะพักสักคืนก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมท่านย่าเ้าก็ได้” อันซื่อจูงมือของบุตรชายคนเล็ก มองสีหน้าขาวซีดของเขาด้วยความปวดใจ
กู้ฉียิ้มน้อยๆ “ท่านแม่ ข้าไม่เหนื่อยขอรับ ท่านย่าเจ็บป่วย ในฐานะที่เป็ผู้น้อยควรไปเยี่ยมให้เร็วที่สุด”
“เฮ้อ อาการป่วยของท่านย่าเ้าอันตรายนัก แต่ไม่กี่วันนี้อาการป่วยยังนับได้ว่ามั่นคง คนผอมลงเหลือเกิน” หว่างคิ้วของอันซื่อขมวดแน่น หากไม่ใช่แม่สามีป่วยหนักมาก อย่างไรนางก็ไม่มีทางให้กู้หลินส่งจดหมายด่วนแปดร้อยลี้ไปเร่งให้ฉีเอ่อร์กลับบ้านแน่ อย่างไรเสียอาการป่วยของบุตรชายคนเล็กเพิ่งคงที่ได้ไม่นาน จะให้บุตรชายทนรับการเดินทางไกลอย่างยากลำบากได้ที่ไหนกัน
“หมอหลวงว่าอย่างไรบ้างขอรับ” กู้ฉีเกาะอันซื่อพยุงค่อยๆ เดิน
“หมอหลวงหม่ากล่าวว่าเป็โรคเบาหวาน โรคนี้รักษาไม่ง่าย ฟู่เหรินชราที่พักชั้นใน [3] ไม่น้อยต้องทุกข์ทรมานจากโรคนี้ โรคเบาหวานเป็โรคของคนร่ำรวย หมายความว่าท่านย่าของเ้าชอบทานแต่ไม่ชอบขยับเคลื่อนไหว ทานของจุกจิกเกินไป [4] จึงเจ็บป่วยขึ้น” คิดถึงรูปร่างอิ่มเอิบเมื่อก่อนของแม่สามี อันซื่อคิดระวังตัวอยู่ในใจ หากนางแก่ไปแล้วจะไม่ปล่อยปละละเลยทานและดื่มตามใจตนเองเด็ดขาด
“รักษาไม่ง่าย? เช่นนั้นฟู่เหรินคนอื่นที่ป่วยเล่า พวกเขาทำอย่างไรขอรับ?” ท่านย่าค่อนข้างชอบทานรสชาติหวาน นุ่มและเหนียวมาตลอด ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่กลับไม่ยินดีที่จะงด พอผ่านปีเหนื่อยเดือนรูปร่างยิ่งอิ่มเอิบขึ้น
“…มีไม่กี่คนล้มป่วยอย่างรุนแรง ไม่นานก็จากไป” อันซื่อเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวเสียงแ่เบา “แต่บางคนที่ตรวจพบได้เร็วก็สามารถอยู่ได้หลายปี”
ร้ายแรงเพียงนี้เลยหรือ กู้ฉีเงียบกริบ
กู้ฉีติดตามอันซื่อเข้าไปในเฮ่อเหยียนถัง ่ปลายฤดูใบไม้ผลิ ต้นหลิวเขียวขจีเล็กน้อยตามทางเท้า ต้นไม้กลายเป็เงาร่มรื่น ดอกไม้และพืชนานาพันธุ์เบ่งบานในแปลงดอกไม้ทั้งสองข้างทาง และอากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้า
ฮูหยินชราสกุลกู้กำลังนอนอยู่บนเตียง สาวใช้กำลังป้อนน้ำทีละช้อนๆ
พอรู้ว่ากู้ฉีที่เจ็บป่วยอ่อนแอมาตลอดกลับเร่งเดินทางมาเยี่ยมนาง ฮูหยินชราสกุลกู้อดน้ำตาไหลพรากลงมาอย่างห้ามไม่ได้
เดิมทีรูปหน้าอิ่มเอิบและขาวเกลี้ยงเกลาของคนชรากลับเริ่มผอมซูบและชราลง กู้ฉีรู้สึกปวดใจไปพักหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็วและคุกเข่าลงที่พื้น "ท่านย่าขอรับ"
เสียงมีความสะอื้นไห้เล็กน้อย
ฮูหยินชราสกุลกู้กำลังหลั่งน้ำตาพร้อมกับดิ้นรนหยัดกายลุกขึ้นนั่ง “รีบลุกขึ้นมาๆ บนพื้นเย็นนัก ร่างกายเ้าไม่ดี อย่าทำให้ตัวเ้าเองป่วย”
อันซื่อปวดใจที่บุตรชายคุกเข่าอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบเข้าไปประคองกู้ฉีขึ้น
เหล่าคนใช้หญิงรีบยกหินสลัก [5] สองอันเข้ามาวางตรงหน้าเตียง
“เด็กดี เ้าไปตั้งครึ่งค่อนปี สูงขึ้นเยอะเลย” ฮูหยินชราสกุลกู้นั่งกึ่งพิงอยู่ขอบเตียง มองหลานชายที่ไม่ได้เห็นมานานมาก น้ำเสียงอ่อนแรงแต่กลับมีรอยยิ้มประดับขึ้น
“เป็หลานที่อกตัญญู ไม่สามารถมาปรนนิบัติท่านหน้าเตียงได้” กู้ฉีกุมมือผ่ายผอมเหลือแต่กระดูกของหญิงชรา ฝืนความรู้สึกเศร้าโศกที่ตีขึ้นมาไว้
“เด็กโง่ ย่ารู้ว่าเ้ากตัญญู ที่บ้านมีสาวรับใช้ตั้งมากมาย จำเป็ต้องให้เ้ามาคอยรับใช้ที่ไหนกัน” ฮูหยินสกุลกู้ตบมือของเขาเบาๆ เสียงอ่อนแรงเล็กน้อย “มารดาของเ้ากล่าวว่าตอนนี้สุขภาพเ้าดีแล้ว อาหารสามมื้อล้วนทานได้ปกติใช่หรือไม่?”
กู้ฉีพยักหน้า เล่าการเดินทางไกลครึ่งค่อนปีคร่าวๆ ของเขาออกมาหนึ่งรอบ
ฮูหยินชราสกุลกู้กับอันซื่อล้วนฟังด้วยความตั้งใจมาก
“ฉีเอ่อร์ ความหมายที่เ้าจะกล่าวคือ วัตถุดิบอาหารที่ครอบครัวเกษตรกรผู้นั้นผลิตออกมาทำให้เ้าเจริญอาหารมากเป็พิเศษ?” ฮูหยินชราสกุลกู้อดเปิดปากถามขึ้นไม่ได้
“ใช่แล้วขอรับ ท่านย่า แค่กๆ แปลกมากใช่ไหมเล่า ที่จะมีสิ่งแบบนี้อยู่จริงด้วย” กู้ฉีไอเบาๆ สองที ่นี้ความถี่ในการไอของเขาเบาลงไปไม่น้อย โดยรวมไม่มีสถานการณ์ไอเป็เือีกแล้ว
ฮูหยินชราสกุลกู้กุมมือหลานชายแน่น แม้สีหน้าซีดเซียวแต่แววตากลับมีความเชื่อเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
“นี่ไม่แปลกเลยสักนิด แต่เป็ฟ้าลิขิตยากจะคาดเดา!”
เชิงอรรถ
[1] เสาดอกเหมย หรือ 梅花桩 เป็เสาไม้ที่ใช้สำหรับฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของชาวจีนมากมายหลายแขนง เพื่อสร้างความสมดุลของร่างกายและการทรงตัว บ้างก็ใช้ฝึกเตะต่อยเพื่อฝึกความทนทานของร่างกายและทักษะในการต่อสู้ ไม้ที่ว่านี้อาจจะทำมาจากต้นเหมยหรือต้นไม้ชนิดอื่นก็ได้
[2] หุ่นไม้ หรือ 木人桩 ใช้สำหรับฝึกศิลปะการต่อสู้แบบมวยจีน
[3] บ้านชั้นใน หรือ 内宅 หมายถึง สถานที่อยู่อาศัยของผู้หญิง ในสมัยโบราณจะแบ่งบ้านออกเป็บ้านชั้นนอกและบ้านชั้นใน โดยบ้านชั้นในจะอยู่ลึกเข้าไปด้านในอีกที
[4] ทานจุกจิกเกินไป หมายถึง ทานอาหารประเภทข้าวและแป้งหมี่หรืออาหารจำพวกที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป
[5] หินสลัก คือ ม้านั่งเซรามิกลักษณะทรงสูงเป็ทรงกลม ตรงกลางใหญ่ ้าและล่างเล็ก คล้ายกลองโบราณ มีลวดลายทั้งตัว เป็เครื่องเรือนดั้งเดิมของจีนในบ้านของผู้ร่ำรวย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้