ฉินเฟิงวิ่งมาตลอดทั้งเช้าและกระหายน้ำมากเขาดื่มน้ำเกลือแร่อย่างรวดเร็วและเช็ดเหงื่อบนหน้าผากในขณะที่ยิ้มให้กับหลินเป้ยเป้ย
หลังจากการฝึกเขาสามารถดูดซับยาเสริมพลังขั้นสองอีกครึ่งที่เหลือเขารู้สึกว่าถ้าเขาอยากจะทลายขีดจำกัดถึงระดับใหม่ เขาจะวิ่งอย่างเดียวไม่ได้
ทันใดนั้นก็มีคนเดินออกมาจากฝูงชนและยิ้มพลางพูด“ว่าไง ก็สงสัยอยู่ว่าใครมาทำอะไรเอะอะแถวนี้ กลายเป็ว่าเสือผู้หญิงแห่งมหา’ลัยเว่ยเฉิงของเรานี่เอง นายน้อยฉิน!”
ใครได้ฟังก็บอกได้เลยว่าน้ำเสียงของเขามีการถากถาง
เมื่อพวกเขามองไปเห็นชายหนุ่มรูปงามตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาเดินออกมาจากฝูงชน ท่าทางของเขาไม่ธรรมดามีลักษณะที่สง่างามเขาใส่ชุดถังสูทสีขาวและถือพัดไม้พับได้ในมือเขาพัดตัวเองและมีลูกน้องตามหลังอีกสองคนที่จ้องไปที่ฉินเฟิงอย่างประสงค์ร้าย
บุคคลนี้อยู่ตำแหน่งเดียวกันกับฉินเฟิงหนึ่งในสี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิง อวี่เหวินเสียง
อย่างไรก็ตามสี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงกับสี่คุณชายแห่งเมืองเว่ยเฉิงไม่เหมือนกันดังนั้นอย่าสับสน
สี่คุณชายแห่งเมืองเว่ยเฉิงเป็ตัวแทนของสี่อิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเว่ยเฉิงในขณะที่สี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงมาจากที่แตกต่างกันนอกจากฉินเฟิงที่เป็คนท้องถิ่นอีกสามคนก็คือนายน้อยของตระกูลดังจากเมืองสำคัญต่างๆ ในตะวันออกเฉียงใต้อิทธิพลที่พวกเขามีก็ดูแคลนไม่ได้เช่นกัน
“นายน้อยอวี่”
เมื่อเห็นอวี่เหวินเสียงเดินมาหลินเป้ยเป้ยก็ก้มศีรษะอย่างสุภาพและทักทายเขา
“ฮ่าๆ คุณหลินไม่ต้องสุภาพมากนักก็ได้ มันจะทำให้เราดูเป็คนอื่นคนไกลคุณจะไม่บอกว่านี่คือโชคชะตาเหรอ การที่ได้พบคุณหลินที่นี่โดยบังเอิญ...?”
อวี่เหวินเสียงมองไปที่ใบหน้าของหลินเป้ยเป้ยด้วยสายตาหลงใหลและยิ้มอย่างสุภาพบุรุษเทียบกับฉินเฟิงที่จีบผู้หญิงตรงๆ ด้วยความมั่นใจ เขาเ้าเล่ห์มีชั้นเชิงกว่ามาก
หลินเป้ยเป้ยไม่ได้มีความประทับใจที่ดีมากนักกับอวี่เหวินเสียงก่อนหน้านี้เขาประกาศว่าจะตามจีบเธอ อย่างไรก็ตาม เทียบกับฉินเฟิงแล้วเขาดูเหมือนคนแปลกหน้ามากกว่า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับไม่อยากจะเข้าใกล้เขา
เธอถอยไปด้านข้างฉินเฟิงด้วยสัญชาตญาณและมองไปที่เขาพร้อมแสดงสีหน้าที่สั่นกลัวราวกับคาดหวังให้เขาช่วยเธอ
เมื่อเห็นดังนี้สายตาของอวี่เหวินเสียงก็ประกายความเ็าและยิ้มให้กับฉินเฟิงพร้อมกล่าว“นายน้อยฉิน นายใช้วิธีไร้สาระอะไรแบบนี้เพื่อให้ผู้หญิงมาหลงใหลนายั้แ่เช้านายนี่เปิดหูเปิดตานายน้อยผู้นี้จริงๆ!”
จากมุมมองของอวี่เหวินเสียงฉินเฟิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อออกกำลังกาย แต่เปลี่ยนวิธีจีบหญิงเขาไม่ได้ซ่อนการดูถูกที่แสดงต่อฉินเฟิงและทุกอย่างที่เขาทำค่อนข้างยั่วโทสะ
“มันไม่เกี่ยวกับมีสาระหรือไร้สาระ แต่มันได้ผลหรือไม่ได้ผลต่างหาก” กับท่าทีคุกคามของอวี่เหวินเสียงสีหน้าฉินเฟิงไม่ได้เปลี่ยนแขนของเขาโอบที่ไหล่ของหลินเป้ยเป้ยอย่างเป็ธรรมชาติและพยายามเอนตัวของเขากับหลังของเธอเขาหัวเราะและพูดว่า “ผมพูดถูกไหม นายน้อยอวี่...?”
“ฮึ่ม...ฉินเฟิง ที่นี่คือมหาวิทยาลัย แกให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองจะดีกว่าแม้ว่าแกจะทำตัวหน้าด้าน แต่แกคิดว่าคุณหลินจะหน้าด้านเหมือนกับแกด้วยหรือไง?อย่าเอาความหน้าด้านของแกมากระทำกิริยาอันต่ำช้าที่นี่”อวี่เหวินเสียงโกรธจนถึงจุดะเิ ดวงตาของเขาประกายความดุร้ายเขากัดฟันขณะที่จ้องเขม็งไปที่ฉินเฟิง
“ฉินเฟิง...”
หลินเป้ยเป้ยรู้สึกถึงความตึงเครียดในบรรยากาศและมองไปที่ฉินเฟิงอย่างนุ่มนวลในขณะที่ค่อยๆ ยันเขาเอาไว้ตอนที่ฉินเฟิงโน้มตัวกับหลังของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แค่ในิดหน่อย
อย่างไรก็ตามหลินเป้ยเป้ยที่มีบุคลิกอ่อนโยนก็ยังเขินอายมากที่ทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
ฉินเฟิงเข้าใจบุคลิกของหลินเป้ยเป้ยและหยิกแก้มเธอเขาหัวเราะพลางกล่าวกับอวี่เหวินเสียงว่า “อ้อ จริงสิงั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันจะหาที่ที่ไม่มีคนแถวนี้ดังนั้นน้องหลินกับฉันจะได้ใกล้ชิดกันยังไงก็ได้ที่เรา้า ดีไหมจ๊ะน้องหลิน...?”
ตอนที่ฉินเฟิงพูดเขาตั้งใจพูดออกมาดังๆ จนเกือบทุกคนในสนามกีฬาได้ยินเขาอยากให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงรู้ว่าหลินเป้ยเป้ยเป็ของเขาแล้วทำลายทุกเจตนาที่มีต่อเธอ
หลังจากรู้พื้นเพของเธอเขาก็ได้รู้ว่าเธอใช้ชีวิตยากลำบากขนาดไหน และไม่อยากให้เธอต้องเ็ปอีกต่อไป
สนามกีฬาเต็มไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบทุกคนมองดูฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยด้วยความประหลาดใจไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะพัฒนาความสัมพันธ์ได้เร็วขนาดนี้
ตอนนี้หลินเป้ยเป้ยรู้สึกว้าวุ่นแทบตายใบหน้าสีขาวของเธอแดงมากจนดูราวกับจะมีไอน้ำออกมา ขนตายาวของเธอกะพริบปริบๆโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
แม้กระนั้นเมื่อเธอคิดว่าฉินเฟิงช่วยเธอทุกครั้งหลินเป้ยเป้ยก็ไม่สามารถทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าทุกคนได้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนี่งเธอเงยหน้าอย่างกังวลและมองดูฉินเฟิงก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ ว่า “อืม”
เสียงนี้เบาเหมือนยุงและเกือบจะไม่ได้ยิน
ถึงอย่างนั้นก็ตามอวี่เหวินเสียงที่ยืนอยู่ใกล้มาก ได้ยินอย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าหลินเป้ยเป้ยเอียงอายเพียงใดเขารู้สึกถูกกระตุ้นจนอยากจะจับเธอกดลงบนสนามทั้งอย่างนี้
แต่ความจริงคือหลินเป้ยเป้ยแสดงท่าทีเขินอายต่อหน้าฉินเฟิง
“ฉินเฟิง ถ้าแกเป็ผู้ชาย กล้ามาสู้กับนายน้อยผู้นี้หรือเปล่า? ใครทำให้อีกฝ่ายคุกเข่าร้องขอความเมตตาจะเป็ฝ่ายชนะส่วนใครที่แพ้ก็จงไสหัวไปเมื่อได้เห็นหลินเป้ยเป้ยในภายภาคหน้า”ใบหน้าของอวี่เหวินเสียงปรากฏถึงความเ็า และรู้สึกอยากจะฆ่าฉินเฟิงเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ให้กับนายน้อยเ้าสำราญอย่างฉินเฟิงเขาอยากจะใช้หมัดแสดงถึงพลังและชนะใจหลินเป้ยเป้ย
เหตุการณ์บานปลายไปเร็วขนาดนี้เชียวหรือ? นี่มันน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว ทุกคนในฝูงชนกำหมัดด้วยความตื่นเต้นจนเกือบจะบินได้
ใครจะไม่รู้จักอวี่เหวินเสียง? เขาคือนักสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาสี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงและเป็กัปตันชมรมเทควันโดของมหาวิทยาลัยสมาชิกตระกูลอวี่ของเขาในเมืองจิ้นเฉิงนั้นค่อนข้างลึกลับกล่าวได้ว่าเป็หัวหน้าใหญ่ของโลกใต้ดินแห่งเมืองจิ้นเฉิงไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเปล่า
ตอนนี้อวี่เหวินเสียงเริ่มพูดจาหยาบคายในที่สาธารณะและอยากจะสู้กับฉินเฟิงแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ทุกคนมองไปที่ฉินเฟิงด้วยความกังวลพวกเขารู้ว่านายน้อยเ้าสำราญอย่างฉินเฟิงเป็คนที่ไม่มีแรงแม้แต่จะบีบคอไก่ตายจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้แบบย่อยยับ เขาอาจจะไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะยอมรับ
“แน่นอน นายอยากสู้กับนายน้อยผู้นี้แบบตัวต่อตัวงั้นหรือ?”
เสียงใจเย็นดังออกมาทันทีตัดบททุกคนที่กำลังพูดคุยกัน
เมื่อฉินเฟิงตอบอย่างราบเรียบทั้งสนามก็ตกอยู่ในความเงียบ อ้าปากค้างกันเป็แถบ
อวี่เหวินเสียงไม่เคยคิดว่าฉินเฟิงจะเห็นด้วยง่ายดายขนาดนี้เขากำลังคิดว่าจะล่อฉินเฟิงอย่างไรให้สู้กับเขาหรือจะทำอย่างไรให้เขาโกรธจนตอบตกลง
เขาจ้องค้างอยู่พักหนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงดัง“ฮ่าๆ ฉันได้ยินมาว่าทักษะจีบสาวของนายน้อยฉินอยู่ระดับเฟิร์สคลาส ฉันเลยสงสัยว่าทักษะการต่อสู้จะเหมือนกันหรือเปล่าฉันอยากจะสู้กับนายมานานแล้ว”
มันจะเป็ไปได้อย่างไรที่อวี่เหวินเสียงจะไม่รู้ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงทุกคนที่นี่รู้กันหมดว่านายน้อยเ้าสำราญฉินเฟิงเป็คนที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ตาย
แม้แต่ผู้หญิงที่แข็งแกร่งก็อาจจะเอาชนะเขาได้ด้วยมือเดียว
“เอาล่ะ ในเมื่อนายอยากจะสู้กับฉันมากขนาดนั้น งั้นก็ขอร้องซะสิถ้าฉันมีความสุขกับการขอร้องของนาย ฉันอาจจะสู้ด้วย” แน่นอนว่าฉินเฟิงไม่โง่เมื่อเห็นว่าเขา้าโอกาสทลายขีดจำกัด เขาจึงยอมรับการต่อสู้
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะสู้กัน เขาต้องเยาะเย้ย อวี่เหวินเสียงเสียก่อน
“แก...แกกล้าสู้หรือเปล่า?” อวี่เหวินเสียงโกรธอย่างมากมันจะเป็ไปได้อย่างไรที่เขาจะขอร้องฉินเฟิงต่อหน้าผู้คนอย่างนี้? “ฮึ่ม...แกกลัวนายน้อยผู้นี้ล่ะสิเลยอยากหาข้ออ้างหนี”
ฉินเฟิงยิ้มในขณะที่มองอวี่เหวินเสียงแกอยากจะใช้วิธีการพวกนั้นบีบบังคับให้ฉันสู้งั้นเหรอ.? ช่างไร้เดียงสา! ฉินเฟิงจับมือหลินเป้ยเป้ยและหันไปในขณะกล่าว“ในเมื่อนายไม่อยากสู้กับฉันงั้นนายน้อยผู้นี้จะพาน้องหลินไปที่ห่างหูห่างตาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกันสักหน่อยแล้วกันคงไม่มีเวลาว่างมากนัก!”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยเดินห่างออกไปไกลขึ้นไม่มีใครคิดว่าบทสรุปจะลงเอยแบบนี้
อวี่เหวินเสียงโกรธจนหน้าเขียวเขามองไปที่คนสองคนที่กำลังจะออกจากสนามกีฬาพร้อมกับกำหมัดแล้วเขาก็คำรามด้วยความโกรธ “ฉินเฟิงได้โปรดสู้กับฉันเพื่อดูว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน!”
“ฮะ...? นายพูดว่าอะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย”
ทุกคนหน้างอและอวี่เหวินเสียงก็หน้าคล้ำขึ้นไปอีกหมัดของเขาทำเสียงกรอบแกรบ และหลังจากตกอยู่ในความเงียบสักพัก เขาก็ะโ “ฉินเฟิงฉันขอร้องนาย สู้กับฉันที!”
พวกเขาทั้งคู่เป็สี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงแต่ก็ยังมีความต่างชั้นกันถึงขนาดนี้
“อ้อ นายอยากจะสู้กับฉัน ทำไมไม่บอกั้แ่แรกเล่า? แล้วทำไมต้องะโเสียงดังขนาดนั้นด้วย?ฉันไม่ได้หูหนวกสักหน่อย”ฉินเฟิงแคะหูพลางกล่าวขณะที่มองอวี่เหวินเสียงอย่างไม่สบอารมณ์
“ในเมื่อนายอยากจะสู้กับฉันมากขนาดนั้น งั้นฉันจะยกเว้นให้ลองสู้กับนายสักรอบก็แล้วกัน”
ฉินเฟิงยืนตรงพร้อมกับเอามือไพล่หลังดูท่าทางเหมือนกับจอมยุทธไร้เทียมทาน
ปากของทุกคนกระตุกนี่คือการต่อสู้นะ ไม่ใช่แข่งกันจีบผู้หญิง เขาไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน?
อวี่เหวินเสียงข่มไฟในท้องไว้ขณะนี้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจกำลังถูกเผาไหม้ด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่อเห็นว่าในที่สุดฉินเฟิงก็ตกลงจะสู้สักทีเขาจึงไม่เสียเวลาเปลืองน้ำลายและกระโจนเข้าไปหาตอนนี้สิ่งที่เขา้าทั้งหมดคืออัดฉินเฟิงอย่างโเี้และสอนบทเรียนมันให้ปางตาย
อวี่เหวินเสียงเร็วมากและมาอยู่ต่อหน้าฉินเฟิงในเพียงไม่กี่อึดใจ
เทควันโดส่วนใหญ่จะใช้ขาและเท้ามือมีส่วนช่วยสนับสนุนในการหมุนตัวอวี่เหวินเสียงะโด้วยความโกรธในขณะที่ใช้ไซด์คิกด้วยท่วงท่าน่าชื่นชมมันทั้งกระฉับกระเฉงและรวดเร็ว ถือได้ว่าเขาค่อนข้างมีฝีมือ
ในขณะที่เตะออกไปรอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาจินตนาการได้เลยว่าฉินเฟิงจะดูน่าสมเพชขนาดไหนหลังจากถูกเตะจนลุกไม่ขึ้นอย่างไรก็ตามอวี่เหวินเสียงก็ใเมื่อเห็นว่าฉินเฟิงไม่เพียงแค่หลบลูกเตะของเขาได้แต่เขายังต่อยสวนกลับอย่างไร้ปรานีเข้าที่ใบหน้า
ทุกคนร้องออกมาด้วยความทึ่งเป็หลักฐานว่าพวกเขาทุกคนประหลาดใจกับฝีมือของฉินเฟิง