เ้าหมูน้อยพูดต่อ“ตามการคำนวณที่ถูกต้องของระบบราชันเ้าสำราญร่างกายของมนุษย์สามารถทลายขีดจำกัดทางกายภาพได้ 9 ครั้งยิ่งทลายมากเท่าไรก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น หลังจากทลายแล้วร่างกายของนายท่านจะแข็งแกร่งขึ้น และจะสามารถเก็บพลังได้มากขึ้น ทักษะในด้านต่างๆก็จะแข็งแกร่งขึ้น กระบวนการนี้เรียกว่า ‘การหลอมกาย’ ”
“ตราบใดที่นายท่านทำให้ร่างกายออกแรงเรื่อยๆอย่างอดทนและใช้โอกาสนั้นทลายขีดจำกัดทางกายภาพ แต่จริงๆแล้วการทลายขีดจำกัดทางกายภาพนั้นทำได้ค่อนข้างง่าย!”เ้าหมูน้อยส่ายหางอย่างน่ารำคาญ
ฉินเฟิงกลอกตาอย่างหงุดหงิดมันไม่ใช่เอ็งที่เป็คนทลายขีดจำกัดนี่หว่า จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ
“ติ๊ง...ระบบราชันเ้าสำราญมีภารกิจ : ทลายขีดจำกัดทางกายภาพขั้นแรก”
“ระยะเวลาภารกิจ : 15 วัน”
“เมื่อภารกิจลุล่วงจะได้รับแต้มสำราญ 200 แต้มเป็รางวัลหากล้มเหลวร่างกายของโฮสต์จะไม่มีวันที่จะทลายขีดจำกัดได้อีกเลย”
บทลงโทษของภารกิจนี้ช่างโหดร้ายจริงๆฉินเฟิงใช้เวลาบ่นทั้งคืน
เช้าต้นเดือนพฤษภาคมแสงแดดสาดส่องในมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิง มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในสนามกีฬาบ้างก็ออกกำลังกายตอนเช้า ในขณะที่อีกหลายๆ คนมองดูขาอ่อนอย่างหื่นกาม
“เฮ้ย นี่มันอะไรวะเนี่ย!”
นักเรียนชายที่กำลังน้ำลายไหลขณะมองต้นขาของผู้หญิงรอบๆตัวก็ร้องออกมาราวกับเห็นผีทันที จากมุมมองของเขาในสนามกีฬา จู่ๆเขาก็เห็นสองขาที่หนาเตอะ กับน่องที่หนาอย่างกับต้นขา
สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ต้นขาแล้วมันรับไม่ได้!
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาลองดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันคือน่องของผู้ชายยิ่งกว่านั้นมันไม่ใช่น่องที่หนาเตอะ แต่เขาผูกกระสอบทรายเอาไว้รอบๆ
“ใช้กระสอบทรายดึงดูดเหล่านกน้อยในตอนเช้า ไอ้หมอนี่มันใจถึงจริงๆ!”นักเรียนชายที่เชื่อว่าคนที่ผูกกระสอบทรายกับขาในขณะวิ่งต้องทำเพื่อดึงดูดผู้หญิงแน่นอน
มีนักเรียนชายแคะขี้มูกในขณะที่ทำตัวหยิ่งมองไปที่หน้าของบุคคลนั้นเขาอยากจะเห็นว่าคนที่ทำอะไรแบบนี้จะหน้าตาน่าเกลียดขนาดไหนทว่าเมื่อเขาได้เห็นว่าเขาเป็ใคร ั์ตาก็เบิกกว้างและอ้าปากค้างในขณะที่ขี้มูกยังติดอยู่ตรงนิ้ว
“เฮ้ย นั่นมันนายน้อยเ้าชู้ ฉินเฟิง?” เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของฉินเฟิงนักเรียนชายก็ตกอยู่ในความตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่จะร้องเสียงสูง
เขาทึ่งอย่างมากนายน้อยของตระกูลฉินเป็ชายหน้าหม้อ เขามีชีวิตอยู่แค่ในเส้นทางการจีบสาว
เสียงะโของเขาดึงดูดความสนใจนักเรียนคนอื่นๆพวกเขาทุกคน มองไปยังฉินเฟิงในขณะที่อ้าปากค้างแม้แต่ผู้เล่นของทีมฟุตบอลที่กำลังเล่นกันอย่างดุเดือดก็หยุดเล่นและมองไปทางนั้น
คนพวกนี้อยากจะควักลูกตาตนเองออกมาล้างให้สะอาดไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงเห็นภาพหลอนที่นายน้อยเ้าสำราญ ฉินเฟิงกำลังออกกำลังกายตอนเช้าอยู่ล่ะ?
จ้าวหลิงเซียนที่กำลังใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นออกกำลังกายสีดำดูจะมึนงงสุดๆขาอ่อนภายใต้กางเกงขาสั้นของเธอเปิดเผยชวนให้น่าจับตามองความสูงและรูปร่างสุดเซ็กซี่ของเธอเป็หนึ่งในเหตุผลที่เธอยังออกกำลังกายในตอนเช้าอยู่จ้าวหลิงเซียนมาที่สนามกีฬาในตอนเช้า กำลังเตรียมพร้อมจะวอร์มร่างกายเรียกเหงื่อ
ทว่าเมื่อเธอเดินมาถึงสนามกีฬารูม่านตาของเธอก็หดตัว ความใปรากฏอยู่ในดวงตาที่งดงามของเธอ
“ฉินเฟิง? ไม่ใช่ว่าเขามีคนขับรถคอยรับส่งหรือไง?นายน้อยเ้าสำราญนั่นคนที่แม้แต่เดินนับก้าวได้จะมาออกกำลังกายตอนเช้า?แถมยังผูกกระสอบทรายตรงขาด้วย และแต่ละชิ้นดูเหมือนจะหนักอย่างน้อย 5กิโลกรัม”
จ้าวหลิงเซียนพบว่าฉินเฟิงกำลังเข้าใจยากมากขึ้นเรื่อยๆั้แ่งานเลี้ยงค็อกเทล มันเหมือนกับว่าเขาเป็คนละคนกัน เมื่อกำลังดูเขาในตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่านิสัยของเขาเปลี่ยนไป
เขาไม่ได้กำลังเกี้ยวผู้หญิงแต่เป็ออกกำลังกายตอนเช้าในสนามกีฬาแทน!
ฉินเฟิงรู้มานานแล้วว่ามีการพูดคุยกันเงียบๆรอบตัวเขา เขายิ้มแห้งๆ ถ้ามันไม่ใช่ว่าต้องหลอมร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นทำไมนายน้อยผู้นี้จะต้องมาเช้าขนาดนี้เพื่อมาออกกำลังกายด้วย?
กระสอบทราย7.5กิโลกรัมผูกติดกับขาแต่ละข้างของเขา ดังนั้นเขาจึงวิ่งเร็วไม่ได้มากอย่างไรก็ตามก้าวแต่ละก้าวของเขาเต็มไปด้วยพลังและเขายังรักษาจังหวะสม่ำเสมอในขณะที่วิ่ง
หน้าผากของฉินเฟิงเต็มไปด้วยเหงื่อแต่เขาไม่ได้เช็ดออก กล้ามเนื้อยวบๆ ในขาเริ่มแน่นขึ้นอย่างช้าๆและหน้าของเขาดูมีสมาธิมาก เขามองไปที่ไกลๆมุ่งมั่นและอดทนจนกว่าเขาจะทลายขีดจำกัดได้
มันไม่มีทางลัดให้ทลายขีดจำกัดมีแต่ต้องอดทนต่อความยากลำบากเท่านั้น เขาถึงจะมีโอกาสก้าวข้ามขีดจำกัดนี่เป็เส้นทางของทุกคนที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นต้องข้ามผ่านการหลอมกาย
คนแข็งแกร่งทุกคนต้องเดินทีละก้าวบนเส้นทางนี้และฉินเฟิงก็ไม่มีข้อยกเว้น
หนึ่งรอบสองรอบ สามรอบ...
ฉินเฟิงยังรักษาก้าวที่มั่นคงไม่ช้าเกินไป และก็ไม่เร็วจนเกินไป วิ่งรอบสนามรอบแล้วรอบเล่า
สี่รอบห้ารอบ หกรอบ...
ตอนนี้มีผู้คนเข้ามาดูมากขึ้น ทุกคนยืนอยู่รอบสนามกีฬาเป็วงกลมพูดคุยเื่ฉินเฟิงและมองดูด้วยความประหลาดใจ
ฉินเฟิงไม่สนใจพวกที่มาดูเพื่อความสนุกสนานเมื่อเขาวิ่งรอบที่เจ็ด เขารู้สึกเหมือนจะสลบเหมือนกับว่าร่างกายของเขาโดนสูบแรงจนหมด อย่างไรก็ตาม สายตาของเขายังคงเด็ดเดี่ยวและไม่แม้แต่จะคิดยอมแพ้เขายังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ และพึมพำในใจ “อดทนไว้! นายน้อยผู้นี้ต้องอดทนไว้!”
เจ็ดรอบแปดรอบ เก้ารอบ...
จังหวะที่สม่ำเสมอของฉินเฟิงช้าลงเขาช้าลงจนสุดท้ายแล้วมันเหมือนกับว่าเขาหยุด แต่เมื่อมองดูดีๆ จะพบว่าจริงๆแล้วเขายังไม่หยุด เพียงแค่เคลื่อนที่ช้าอย่างกับหอยทาก เขายังก้าวเล็กๆทีละก้าวไปข้างหน้า
เขาเหนื่อยล้าจนดวงตาเกือบจะปิดดูเหมือนว่าเขาอาจจะล้มลงได้ตลอดเวลา แขนของเขาอ่อนแรงจนห้อยอยู่ข้างๆขาก็เริ่มอ่อนล้า ร่างกายทั้งร่างโงนเงนไปมาราวกับซอมบี้ อย่างไรก็ตามเขายังไม่หยุด ไม่แม้แต่สักนิดเดียว
ส่วนลึกในจิตใจของเขาคอยบอกฉินเฟิงเรื่อยๆว่าอย่ายอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยอมแพ้ได้ไม่ว่าอะไรก็ตาม
เมื่อเห็นฉากนี้สนามกีฬาที่แออัดก็ตกอยู่ในความเงียบ คนดูต่างแสดงสีหน้าแปลกประหลาดและหายใจลำบาก
ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองคงไม่มีใครเชื่อว่านายน้อยเ้าสำราญ ฉินเฟิงนั่น จะมุ่งมั่นขนาดนี้
ทันใดนั้นเสียงเล็กๆก็เปล่งเสียงเชียร์ขึ้น “ทำให้ดีที่สุดนะ นายน้อยฉิน!”
เสียงนี้ค่อนข้างอ่อนแอและสั่นเทิ้มแต่ด้วยความเงียบของสนามกีฬา ทุกคนจึงได้ยินอย่างชัดเจนเสียงนี้เปรียบดั่งสายฟ้าผ่าลงมาในใจพวกเขา
ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลินเป้ยเป้ยเมื่อเห็นสาวสวยคนนี้กับการกระทำที่อ่อนโยนและบอบบางของเธอดวงตาของทุกคนก็พลันเปล่งประกาย
หลังจากที่สาวเก็บตัวอย่างหลินเป้ยเป้ยได้กลายเป็จุดสนใจเธอกำชายเสื้อไว้แน่นในขณะที่ความอายปรากฏบนใบหน้าของเธอเธอได้ยินผู้คนพูดคุยกันว่าฉินเฟิงกำลังวิ่งในสนามกีฬาดังนั้นเธอจึงมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลินเป้ยเป้ยรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของฉินเฟิงเมื่อคิดถึงเื่การช่วยเหลือทั้งหมดที่เขามีให้เธอในหลายวันก่อนเธอเงยหน้าและมองไปที่ฉินเฟิงที่กำลังก้าวอย่างช้าๆ เธอจึงตัดสินใจะโออกไปทันที
“สู่ต่อไป ฉินเฟิง! คุณทำได้ ฉินเฟิง!”
คราวนี้เธอส่งเสียงดังชัดเจนก้องกังวาน และเต็มไปด้วยความมั่นใจ!
ในขณะนี้มีแค่ฉินเฟิงเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเธอ!
...
หลังจากสนามกีฬากว้างใหญ่ตกอยู่ในความเงียบมันเหมือนกับว่ามีใครจุดเชื้อเพลิงขึ้นในใจ ทำให้ทุกคนเร่าร้อนขึ้นมาเสียงะโดังทั่วทั้งฟ้า เหมือนกับกองทัพกำลังเข้าสู่สนามรบ
“นายน้อยฉิน สู้ๆ!”
“ว้าว...นายน้อยฉิน คุณเท่มากเลย! คุณต้องอดทนไว้! ฉันกลายเป็แฟนคลับคุณแล้ว!”
“นายน้อยฉิน ตราบใดที่คุณไม่หยุดเราจะไม่เข้าเรียนและจะคอยเชียร์คุณต่อไป!”
ฉินเฟิงที่กำลังหอบอยู่ตอนนี้ใจากเสียงเชียร์รายรอบ เขามองขึ้นไปและพบว่าสนามกีฬากลายเป็ทะเลคนไปแล้ว
สายตาคนพวกนั้นเปล่งประกายในขณะที่มองความตื่นเต้นมากมายรอบตัวเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นักวิ่งโอลิมปิก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและเริ่มหัวเราะในขณะที่สายตาของเขามุ่งมั่นอีกครั้งและฝีก้าวของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
“แม่เ้า! นายน้อยฉินเร่งความเร็วขึ้นแล้วโว้ย!”
“ว้าว...นายน้อยฉินเท่มาก มันจะสุดยอดมากเลยถ้าเขาชอบฉัน”
“เขาเร็วขึ้นจริงๆ! นายน้อยฉินเร่งความเร็วขึ้นต่อเนื่องเลย!”
ฉินเฟิงรู้สึกถึงร่างกายของเขากำลังฟื้นฟูแรงและมุมปากก็โค้งขึ้นเขาเปิดระบบราชันเ้าสำราญและเห็นว่ายาเสริมพลังขั้นสองที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งกำลังโดนร่างกายของเขาดูดซับอย่างช้าๆ
เขารู้สึกราวกับว่าเกิดใหม่และความปีติก็ถาโถมเข้ามาแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเขาตื่นเต้นอย่างมาก โอกาสที่จะทลายขีดจำกัดนั้นมาไวมาก
คาบเรียนที่สามในวันนี้ของมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงจบลงแล้วทั้งครูและผู้ฝึกสอนทั้งหมดต่างงงเป็ไก่ตาแตก เหตุผลคือไม่มีใครเข้าชั้นเรียนและดูเหมือนว่านักเรียนทุกคนจะเห็นพ้องโดดเรียนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
วิทยาเขตเงียบกว่าปกติมากในขณะที่สนามกีฬากำลังเร่าร้อนและเริงร่า มันอัดแน่นไปด้วยผู้คนเต็มไปหมดบางคนก็พบว่าตนเองมาช้าไปจึงทำได้แค่เกาะราวข้างนอกและมองดูเหตุการณ์นี้จากที่ไกลๆ
ทุกคนถือโทรศัพท์และชูขึ้นบนอากาศเพื่อถ่ายรูปและวิดีโอนักศึกษาบางคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็คิดว่ามีดารามาเปิดคอนเสิร์ตที่มหาวิทยาลัยเว่ยเฉิง
ยี่สิบเอ็ดรอบยี่สิบสองรอบ ยี่สิบสามรอบ...
ทุกครั้งที่ฉินเฟิงวิ่งรอบสนามเหล่านักเรียนก็จะนับให้เขา ตลอดทั้งเช้า ด้วยแรงที่มี เขาวิ่งรอบสนาม 23 รอบกับกระสอบทราย 15 กิโลกรัมที่มัดติดกับขา
“ฉินเฟิง คุณอยากจะพักดื่มน้ำหรือเปล่า?” เมื่อเห็นไฟในดวงตาของฉินเฟิงหลินเป้ยเป้ยรู้สึกว่านายน้อยเสเพลเ้าสำราญผู้นี้กลายเป็คนละคนกันอย่างสิ้นเชิง
เหมือนกับว่าทั้งร่างของเขาเปล่งปลั่งมีเสน่ห์แปลกๆ
“แน่นอน ขอบคุณนะน้องหลิน!” ฉินเฟิงหยุดอยู่ข้างๆหลินเป้ยเป้ยและหยิบขวดน้ำ พร้อมกับลูบหัวสีดำเงาของเธอ
ฉากคู่รักนี้ทำให้นักเรียนชายทั้งหมดมีใบหน้าบูดบึ้งพวกเขาทั้งหมดก็ถอนหายใจและรู้สึกหดหู่
แม้จะไม่ได้ทำอะไรเทพธิดาบริสุทธิ์ก็กำลังจะโดนล่อลวงโดยเขา!
ในขณะที่ผู้หญิงสวยสะดุดตาอีกคนที่ได้เห็นฉากนี้ก็หงุดหงิดมากจนเธอเริ่มกัดฟันเธอโกรธจนเหมือนจะมีไฟลุกจากดวงตางดงามเธอกำลังถือเครื่องดื่มเกลือแร่ในมือและลังเลว่าควรจะนำไปให้ฉินเฟิงดีหรือไม่แต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็อีกต่อไปแล้ว
“ไอ้ผู้ชายขี้เหม็น...ไอ้งี่เง่า...คนอย่างนายควรจะหิวตายไปซะ!”
นี่คือผู้หญิงที่เป็โฉมงามอันดับหนึ่งของคณะศิลปากรจ้าวหลิงเซียน เธอปาเครื่องดื่มเกลือแร่ทิ้งไปบนพื้นขณะที่ด่าเขาเงียบๆและเดินจากไปด้วยความโกรธ