สีหน้าของอวี่เหวินเสียงเปลี่ยนไปเขารีบถอนเท้าขวาและต่อยกลับไปหาฉินเฟิงพร้อมกับคำราม “ฮึ่มพ่อจะหักแขนแกด้วยหมัดนี้แหละ”
ปัง...!
สองหมัดได้ปะทะกันจนทำให้เกิดเสียงดังหนักแน่น
ฉินเฟิงยังคงค้างท่าต่อยไว้ส่วนอวี่เหวินเสียงถอยกลับไปหลายก้าวแขนของเขารู้สึกชาและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความใ
ฮือฮา...!
ฉากนี้ทำให้สนามกีฬาะเิเสียงจอแจขึ้นมาฉินเฟิงทำให้ทุกคนผิดคาด ภายใต้การปะทะนี้แม้แต่กัปตันชมรมเทควันโดก็ยังเสียเปรียบ
บนดาดฟ้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มีชายหนุ่มสองคนใส่ชุดดูสง่างามนั่งอยู่กับโต๊ะกลมตัวใหญ่ภายในร่มพวกเขาดื่มน้ำผลไม้ปั่นในขณะที่มองดูการต่อสู้
สองคนนี้คือนายน้อยอีกสองคนของสี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงหลีเฉ่าเจี๋ยและหัวิ
“พี่หลี่ ไอ้ฉินเฟิงนั่นมันหลอกค่อนข้างเนียนเลย มันรู้วิธีต่อยตีด้วย”เห็นได้ชัดว่าหัวิก็ตะลึงที่เห็นฉินเฟิงต่อสู้เป็เช่นกัน
หลีเฉ่าเจี๋ยเมินหัวิตอนที่เขาเห็นหมัดที่รุนแรงและทรงพลังของฉินเฟิงสายตาของเขาก็เปล่งประกายพร้อมรอยยิ้ม “น่าสนใจ”
เมื่อรู้สึกโดนดูถูกจากรอบทิศทางอวี่เหวินเสียงเกือบจะโกรธจนแทบบ้า ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็โเี้ดุร้ายเขาไม่เคยคิดว่าฉินเฟิงก็เรียนเทคนิคการต่อสู้กำลังภายนอก
อย่างไรก็ดีนั่นคือทั้งหมดที่เขารู้สึก เขาประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปทำให้ฉินเฟิงได้เปรียบในการปะทะ ด้วยระดับพลังขั้นสามของเขาเขาสามารถปล่อยพลังได้มากกว่าคนธรรมดาสี่เท่า จากการปะทะเมื่อครู่เขาเดาว่าฉินเฟิงอย่างมากก็อยู่แค่ขั้นสอง ซึ่งไม่เท่าไรสำหรับเขา
ย้าก!
ทันใดนั้นอวี่เหวินเสียงก็คำรามและพุ่งใส่ฉินเฟิงออร่าเย็นะเืที่เขาปล่อยออกมาทำให้นักเรียนหลายคนถอยไปหลายก้าว
แสดงให้เห็นว่าเวลานี้เขาเอาจริง!
ฉินเฟิงหรี่ตามองไปที่อวี่เหวินเสียงที่กำลังพุ่งเข้ามาหาราวกับสัตว์ป่าที่เกรี้ยวกราดเขารู้สึกถึงความอันตรายและไม่กล้าประมาทเขารวบรวมแรงทั้งหมดที่มีไว้ในหมัดและต่อยออกไป
ตูม!
ครั้งนี้เสียงจากการปะทะดังกว่าครั้งก่อนมากและทำให้หลายคนใ
ฉินเฟิงรู้สึกถึงคลื่นพลังงานที่ะเิร้าวไปทั้งแขนมันแพร่กระจายไปทั้งร่างก่อนที่ตัวเขาจะกระเด็นออกไป
เมื่อเขาตกลงพื้นฉินเฟิงก็กระอักเืออกมา ทุกคนรอบๆ อุทานด้วยความใผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะปิดตา ไม่กล้ามองดูฉากนองเืการต่อสู้นี้กลายเป็เื่น่าตื่นเต้น เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธจากนิยายกำลังภายใน
หลินเป้ยเป้ยกลัวจนหน้าขาวซีดเธอรีบวิ่งไปหาฉินเฟิงพลางขมวดคิ้วและถาม “ฉินเฟิง เป็อะไรหรือเปล่า? ไม่ต้องสู้แล้ว ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
ฉินเฟิงโบกมือและนั่งลงบ่งบอกให้หลินเป้ยเป้ยรู้ว่าเขาสบายดี หมัดนั่นทรงพลังมาก แม้ว่าฉินเฟิงจะใช้หมัดพยัคฆ์คำรนซึ่งมีพลังมากกว่าคนธรรมดาสามเท่าแต่เขายังรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในทั้งร่างเคลื่อนที่
แต่ภายในใจเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากนี่เป็เพราะร่างกายของเขาดูดซับยาเสริมพลังขั้นสองเสร็จแล้วและตอนนี้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยพลังจนรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกำลังจะะเิ
ฉินเฟิงได้ทลายขีดจำกัดโดยไม่รู้ตัวเขาก้าวขึ้นเป็จอมยุทธขั้นหนึ่งที่แท้จริง และเข้าสู่โลกยุทธภพอย่างเป็ทางการ!
เมื่อดูดซับยาเสริมพลังขั้นสองเสร็จพลังของฉินเฟิงเมื่อผสานเข้ากับหมัดพยัคฆ์คำรนก็จะสามารถปล่อยพลังได้มากกว่าคนธรรมดาสี่เท่า
ฉินเฟิงมั่นใจมากในการเผชิญหน้ากับอวี่เหวินเสียงในสภาวะนี้!
“ติ๊ง...ขอแสดงความยินดีแก่โฮสต์ฉินเฟิงที่สามารถทลายขีดจำกัดทางกายภาพขั้นแรกได้สำเร็จคุณได้รับแต้มสำราญ 200 แต้มเป็รางวัล”
“ติ๊ง...ระบบราชันเ้าสำราญมีภารกิจ : ทลายขีดจำกัดทางกายภาพขั้นที่สอง!”
“ระยะเวลาภารกิจ : 1 เดือน”
“เมื่อภารกิจลุล่วงจะได้รับแต้มสำราญ 500 แต้มเป็รางวัลหากล้มเหลวร่างกายของโฮสต์จะอยู่ในขั้นแรกเป็เวลา 1 ปี”
เมื่อเขาเห็นแต้มสำราญ300แต้มในระบบ ปากฉินเฟิงก็โค้งขึ้นเล็กน้อย เขาสามารถแลกของดีๆได้แล้ว
“ฉินเฟิง มันยังไม่สายหรอกนะที่จะร้องขอความเมตตา”ในที่สุดสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของอวี่เหวินเสียงก็แทนที่ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ“ยังไงซะแกก็ชินกับการทำตัวบ้ากามเสเพลไปวันๆ จีบหญิงไปทั่วไม่จริงจังกับใครที่แกจีบคุณหลินก็เพราะแกหวังแค่ร่างกายของเธอเท่านั้นแหละ”
อวี่เหวินเสียงมองไปทางหลินเป้ยเป้ยเขาคิดเปิดเผยเจตนาของฉินเฟิง และทำให้เธอเห็นนิสัยที่แท้จริง เธอจะได้อยู่ห่างๆจากเขาไว้
ทว่าสิ่งที่เขาได้เห็นมีเพียงความรังเกียจในสายตาของเธอจะไม่ให้เธอรังเกียจเขาได้อย่างไร เขาต่อยฉินเฟิงจนกระอักเื ซึ่งมันน่ารังเกียจ
ส่วนที่พูดว่าฉินเฟิง้าแค่ร่างกายของเธอนั้นยิ่งเป็ไปไม่ได้ใหญ่เขามีโอกาสมากมายที่จะล่วงเกินร่างกายของเธอหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ทำ
ขนาดเมื่อคืนหลินเป้ยเป้ยไปที่ห้อง 888 ในสโมสรหวงเจียโดยใช้คีย์การ์ดที่เขาให้เธอมาเธอรอเขาทั้งคืนแต่เขาก็ไม่มา
“นายน้อยอวี่ เราทุกคนล้วนเป็นักศึกษาของที่นี่ฉันคิดว่าคุณต่อยเขาขนาดนี้ก็พอได้แล้วนะ”หลินเป้ยเป้ยยืนข้างหน้าฉินเฟิงและรวบรวมความกล้าพูดออกมา
“ฮึ่ม...ฉินเฟิง แกเป็ผู้ชายอยู่หรือเปล่า? ทำไมแกถึงหลบหลังผู้หญิงเล่า?”เมื่อเห็นว่าหลินเป้ยเป้ยเข้าข้างฉินเฟิงอวี่เหวินเสียงโกรธจนอยากจะกระอักเื
อวี่เหวินเสียงไม่คิดพูดใดๆอีก เขาอ้อมหลินเป้ยเป้ยและพุ่งมาหน้าฉินเฟิง้าจะต่อยเขาให้ร่วงดูเหมือนว่าอวี่เหวินเสียงจะไม่หยุดจนกว่าฉินเฟิงจะพิการ
“ฮ่าๆๆ ฉันต้องทำให้นายผิดหวังซะแล้วครั้งนี้นายน้อยผู้นี้มีความสัมพันธ์ด้วยหัวใจเลย!”เมื่อหมัดของอวี่เหวินเสียงเข้ามาใกล้ ฉินเฟิงหัวเราะอย่างเ็าและะโหลบทันทีเขาเกือบจะไวเป็สองเท่าหลังจากทลายขีดจำกัด ขณะที่หลบการโจมตีของอวี่เหวินเสียงอย่างคล่องแคล่วเขาก็สวนหมัดกลับทันที
หมัดนี้ต่อยโดนเข้าที่เอวอวี่เหวินเสียงพร้อมกับพลังที่มากกว่าคนธรรมดาสี่เท่า
พลังสองร้อยกิโลกรัมกระแทกไปที่ร่างของอวี่เหวินเสียงทำให้เขากระเด็นไปเหมือนกับว่าวสายขาด
อวี่เหวินเสียงหล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและกระอักเืออกมาลูกน้องทั้งสองคนรีบมาประคองเขาขึ้นและจ้องไปที่ฉินเฟิงอย่างเคียดแค้น
“ไง? ตานายร้องขอความเมตตาแล้ว”ฉินเฟิงปัดฝุ่นที่ติดตัวเขาออก และมองดูอวี่เหวินเสียงอย่างใจเย็น
ชุดถังสูทของอวี่เหวินเสียงตอนนี้เปื้อนไปด้วยเศษดินเขาดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง สายตาของเขาสะท้อนความงงงวย เขาตกตะลึงที่จู่ๆฉินเฟิงก็ะเิพลังออกมา เป็หลักฐานว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งเข้าสู่ขั้นสองแต่ยังสามารถปล่อยพลังของจอมยุทธขั้นสาม ทำให้เขาไม่สามารถป้องกันได้
แน่นอนว่าหากเขารู้ว่าฉินเฟิงเพิ่งจะทะลวงถึงขั้นแรกก็ไม่รู้ว่าท่าทีของเขาจะเป็เช่นไร
อวี่เหวินเสียงดูเหมือนกับกินแมลงวันเข้าไปหลังจากยังเงียบอยู่สักพัก เขากัดฟันและกล่าว “ฉินเฟิง การต่อสู้นี้ถือว่าเสมอกันอีกหนึ่งเดือนเจอกันที่โรงยิมเทควันโด ฉันขอสู้ชี้เป็ชี้ตายกับแก”
หลังจากพูดเสร็จอวี่เหวินเสียงก็ออกไปอย่างเกรี้ยวโกรธ