แม่น้ารองเลิกคิ้วเล็กน้อย คิดว่านางคงรู้เื่ที่เกิดขึ้นในพระตำหนัก รู้ด้วยว่าใบหน้าของซูจิ้งเซียงเป็นางทำลาย แต่ด้วยฐานะของนางก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน “คุณหนูสามมาไม่ได้จังหวะ เซียง… คุณหนูรองได้หลับแล้วเ้าค่ะ”
เพราะยกซูจิ้งเซียงแก่นางแซ่หลี่แล้ว ดังนั้นกระทั่งชื่อบุตรสาวแท้ๆ ของตนก็ไม่อาจเรียกได้ ช่างน่าสงสารจริงๆ
ซูเฟยซื่อถอนหายใจ ในเมื่อแม่น้ารองบอกว่าซูจิ้งเซียงหลับแล้ว นางไม่ได้้าจะทำให้นางลำบากใจด้วย “ถ้าเช่นนั้น เฟยซื่อขอลา...”
ก็เป็เวลานี้ ซูจิ้งเซียงที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องดูเหมือนจะได้ยินข่าวว่าซูเฟยซื่อมาเยี่ยม ก็โยนตั่งนั่งทรงเตี้ยตัวหนึ่งออกไปด้วยความโกรธ
ในน้ำเสียงมิอาจระงับความเดือดดาลไว้ได้ “ซูเฟยซื่อ นังสารเลวคนนี้ยังกล้าเสนอหน้ามาอีก ไสหัวไปให้พ้นสายตาข้า!”
ตั่งเตี้ยแหลกกระจายบนพื้น เศษชิ้นส่วนเกือบกระเด็นใส่ร่างซูเฟยซื่อ ขณะที่ยังไม่ทันมีเวลาหลบหนี แม่น้ารองได้กอดนางไว้ทันที ปกป้องซูเฟยซื่อไว้ในอ้อมอก
เศษชิ้นส่วนแทงเข้าไปในแขนของแม่น้ารอง โชคดีที่แผลไม่ลึก เพียงปรากฏรอยเืเล็กน้อย
ซูเฟยซื่อดูจุดสีแดงสดบนแขนเสื้อนาง ในใจอดหวั่นไหวมิได้
นางรู้ว่าแม่น้ารองไม่ได้้าจะช่วยนางจริงๆ เพียงแต่เมื่อเร็วๆ นี้ ตำแหน่งของซูจิ้งเซียงในจวนอัครมหาเสนาบดีตกวูบ ถ้านางได้รับาเ็โดยซูจิ้งเซียงอีกครั้ง เื่นี้ถ่ายทอดไปถึงหูของซูเต๋อเหยียน ก็ไม่รู้ว่าซูเต๋อเหยียนจะลงโทษซูจิ้งเซียงอย่างไร
แม่น้ารองถึงกับใช้ร่างกายของตนปกป้องซูจิ้งเซียงไว้ เป็แม่คนหนึ่งซึ่งทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้เพื่อปกป้องบุตรสาวของตนไม่ให้ทำความผิดอีก
“ให้ข้าเชิญหมอให้เ้าไหม?” ซูเฟยซื่อเอ่ยปากอย่างใจดี
แม่น้ารองอึ้งไปในที่สุดก็ยิ้มคราหนึ่ง “ขอบคุณน้ำใจของคุณหนูสามมาก ข้าเพียงาเ็เล็กน้อย เื่ในวันนี้ทำให้คุณหนูสามเห็นเป็ขบขันแล้ว เพียงขอให้คุณหนูสามอย่าได้กล่าวไป เพื่อมิให้นายท่านลงทัณฑ์เ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อพยักหน้าแล้วครุ่นคิดสักครู่ “ความจริงวันนี้ข้าไม่ได้มาเยี่ยมพี่รองเท่านั้น แต่เป็เพราะได้กลิ่นหิมะทำลายโฉมที่หน้าประตู ไม่ทราบว่าแม่น้ารองรู้จักของพรรค์นี้ไหม?”
นางมาที่นี่ในวันนี้ เดิมจะใช้หิมะทำลายโฉมยุยงให้ซูจิ้งเซียงเกิดความแค้นเคืองเกลียดชังต่อซูจิ้งโหยว
แต่นางเป็คนที่รู้จักทดแทนพระคุณ เพราะเมื่อครู่เป็แม่น้ารองที่ช่วยนางไว้ ถ้าเช่นนั้นนางก็ช่วยซูจิ้งเซียงสักครั้ง
“หิมะทำลายโฉม?” แม่น้ารองขมวดคิ้วสงสัย “ไม่รู้จักเ้าค่ะ”
“นี่ก็แปลกแล้ว กลิ่นแบบนี้ไม่ได้พบบ่อย ข้ายังเคยได้กลิ่นจากบนร่างท่านอ๋องเก้าพันปีตอนก่อนหน้านี้ ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันทีจึงได้รู้จัก นี่เป็สมุนไพรขาวดุจหิมะชนิดหนึ่ง เรียกว่าหิมะทำลายโฉม เป็การลงโทษแบบหนึ่งที่ตงฉ่างออกแบบมาเพื่อผู้หญิงเป็พิเศษ ได้ยินว่าถ้าบนร่างมีาแ ทาหิมะทำลายโฉมชนิดนี้แล้ว ไม่เพียงาแไม่หาย ทั้งยังจะยิ่งเน่าเฟะ ถ้าใช้บนใบหน้าของสตรีละก็... จุ๊ๆ” ซูเฟยซื่อส่ายหน้าแกล้งปั้นท่าทีหวาดกลัว
ขอบตาแม่น้ารองกลายเป็แดงก่ำ ทั้งร่างสั่นเทิ้มจนมิอาจควบคุม หิมะทำลายโฉม? หรือเป็บัวหิมะถนอมผิวที่ซูจิ้งโหยวทรงประทานเป็รางวัลขวดนั้น?
“มิน่าใบหน้าเซียงเอ๋อร์ไม่ดีมาตลอด ไม่สงสัยเลยเ้าค่ะ” แม่น้ารองยืนตัวสั่นงันงก กลั้นน้ำตาไม่ได้อีก “ข้ายกเซียงเอ๋อร์ให้แก่นางั้แ่น้อย เซียงเอ๋อร์เชื่อฟังทำตามแผนการนางมาตลอด เซียงเอ๋อร์ตกต่ำมาถึงจุดนี้แล้ว ทำไมพวกนางยังไม่ยอมปล่อยไปเล่าเ้าค่ะ?”
พูดจากับคนฉลาดก็ไม่เปลืองแรง เพียงชี้แนะตามสะดวกเล็กน้อยคราหนึ่ง ก็รู้ว่านางคิดกล่าวอะไร
“พวกนางหรือ? ขออภัยที่เฟยซื่อไม่รู้ว่าพวกนางจากปากของแม่น้ารองเป็ใคร เพียงแต่ถ้ามีวางแผนทำกลอุบายบนใบหน้าของพี่รองจริง เป้าหมายของคนคนนั้นต้องให้ความแค้นของข้ากับพี่รองเพิ่มขึ้น นั่งดูนกปากซ่อมกับหอยกาบวิวาทกัน ตนเองเป็ชาวประมงได้รับผลประโยชน์”
ซูเฟยซื่อกล่าวจบถอนหายใจอีกครั้ง “ความจริงวันนั้น ข้า้าปกป้องตัวเองแท้ๆ เท่านั้น จู่ๆ พี่รองก็ะโพุ่งใส่ข้า ข้าใจนสะดุ้ง เพียงแต่ถ้าโฉมหน้าพี่รองถูกทำลาย วันข้างหน้าคิดว่าต้องยิ่งพึ่งแม่ใหญ่แล้ว มิฉะนั้นเวลาผ่านไปจะใช้ชีวิตอย่างไร”
สองประโยคของซูเฟยซื่อเปิดเผยความสัมพันธ์ทั้งด้านดีด้านร้ายในเื่นี้ออกมา แม้นางจะแกล้งทำเป็ไม่ได้ตั้งใจ แต่เชื่อว่าผู้ฟังต้องรู้และเข้าใจว่าวาจานี้หมายถึงอะไร
เพียงแต่ครั้งนี้แซ่หลี่ทำเกินความจำเป็แล้วจริงๆ ก็ต่อให้ไม่มีบัวหิมะถนอมผิวนี้ ซูจิ้งเซียงก็จะเชื่อฟังวาจาทำตามแผนนางเหมือนกัน นางทำแบบนี้กลับทำให้ตนมีโอกาสยุแหย่แล้ว
แม่น้ารองรู้ว่าเมื่อครู่นางได้เสียมารยาทแล้ว เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาที่หางตา “ขอบคุณคุณหนูสามที่ชี้แนะเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อตวัดริมฝีปากยิ้มคราหนึ่ง “แม่น้ารองเกรงใจมากไปแล้วจริงๆ เฟยซื่อไหนเลยจะชี้แนะอันใด เพียงพูดคุยประสาครอบครัวยามว่างเท่านั้น ในเมื่อพี่รองหลับไปแล้ว เช่นนั้นครั้งหน้าเฟยซื่อค่อยมาใหม่”
กล่าวจบ นางก็หันหลังเตรียมจากไป
ทว่าแม่น้ารองกลับเรียกนางไว้ “คุณหนูสาม”
“หืม?” ซูเฟยซื่อตอบสั้นๆ
เพียงเห็นประกายตาเจิดจ้าของแม่น้ารองจับจ้องมา เบื้องลึกในดวงตายากที่จะแยกแยะความแตกต่างได้
เป็เวลานานมาก ในที่สุดแม่น้ารองก็ถอนใจ “คิดไปแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่คุณหนูสามได้เห็นข้า แต่ข้ากลับรู้เื่เกี่ยวกับคุณหนูสามมาไม่น้อย นิสัยคุณหนูรองค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่ใช่คู่แข่งของคุณหนูสาม วันข้างหน้าหากล่วงเกินอันใด ขอให้คุณหนูสามเห็นแก่หน้าข้า อย่าได้ถือสานางเลยเ้าค่ะ”
วาจารอบนี้มาจากความจริงใจ นางไม่ได้พบหน้าซูจิ้งเซียงตลอดทั้งปี มีเพียงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบรรดาคุณหนูจากปากของบ่าวไพร่ จึงรู้สถานการณ์บางอย่างของซูจิ้งเซียง
แต่เมื่อเร็วๆ นี้ เื่ที่นางได้ยินมากที่สุดเป็ซูเฟยซื่อ ซูเฟยซื่อได้พูดจาโน้มน้าวคุณหนูต่งยอมความอย่างไร ซูเฟยซื่อได้รักษาปกป้องหน้าตาของจวนอัครมหาเสนาบดีไว้ได้อย่างไรในพิธีชุมนุมการแข่งม้า ซูเฟยซื่อ...
และเมื่อได้พบกันในวันนี้ จากการชี้แนะของซูเฟยซื่อ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าซูเฟยซื่อเป็บุคคลที่ร้ายกาจที่สุดในจวนอัครมหาเสนาบดี เพียงแต่ซูเฟยซื่อยังงำประกายไว้เงียบๆ เท่านั้น
ดังนั้นนางจึงขอยันต์คุ้มครองร่างให้ซูจิ้งเซียงอันหนึ่งไว้ล่วงหน้า ในฐานะที่เป็มารดา เพียงขอให้บุตรสาวของตนปลอดภัยเท่านั้น
ซูเฟยซื่อถึงกับอึ้งงัน แววตาขยับเล็กน้อย “แม่น้ารองยกย่องข้าเกินไปแล้ว”
แม่น้ารองคิดว่าซูเฟยซื่อปฏิเสธ ร้อนใจจนคิดเอ่ยปากอีก แต่ซูเฟยซื่อก็ตอบรับไว้ “แต่ขอแม่น้ารองโปรดวางใจ คนไม่ล่วงเกินข้า ข้าไม่ล่วงเกินใคร ถ้าวันข้างหน้าพี่รองไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นชีวิตข้า ข้าย่อมไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิต”
ความหมายของวาจานี้ชัดเจนมาก แม่น้ารองได้แต่พยักหน้า
ซูเฟยซื่อคิดแล้วคิด ไหนๆ เป็คนดีก็ทำให้ถึงที่สุด “าแบนใบหน้าของพี่รอง ข้าจะคิดหาวิธี เพียงแต่ถ้าแม่น้ารองอยากให้พี่รองดีจริงๆ ก็ควรสอนให้นางรู้ถูกผิดดีชั่ว ปฏิบัติตัวอย่างถ่อมตน”
ร่างของแม่น้ารองยิ่งสั่นสะท้าน น้ำตาเกือบไหลออกมาอีก “ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูสามแล้วเ้าค่ะ”
ออกจากเรือนของซูจิ้งเซียง ซางจื่อรีบรุดมาถามด้วยความสงสัย “คุณหนูคิดจะรักษาาแบนใบหน้าของซูจิ้งเซียงจริงๆ หรือเ้าคะ?”
“อืม คืนนี้เ้าไปหาอวี้เสวียนจีที่นั่นรอบ บอกเขาว่า้ายาแก้พิษของบัวหิมะถนอมผิว ถ้าไม่มี ก็บอกไปว่า้ายาสมานแผลเป็ที่ดีที่สุด”
ครั้งนี้เพื่อเห็นแก่แม่น้ารอง ไม่ว่าอย่างไรต้องช่วยซูจิ้งเซียง
“ใช่แล้ว ช่วยข้าไปดูซูจิ้งเซียงตามสะดวก อย่าปล่อยให้นางทำก่อเื่อีก”