ดังนั้นบัวหิมะถนอมผิวขวดนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน
ซางจื่อล้วงบัวหิมะถนอมผิวออกจากอกเสื้อ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก “เพราะบ่าวรู้สึกว่าบัวหิมะถนอมผิวนี้มีปัญหา จึงพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อมิให้ผู้อื่นนำไปให้ร้ายคุณหนูเ้าค่ะ”
ประกายยกย่องวาบผ่านดวงตาซูเฟยซื่อ ตามคาด ความคิดของซางจื่อละเอียดอ่อนรอบคอบ กระทั่งนางยังไม่ได้คิดถึงจุดนี้
นางถือขวดบัวหิมะถนอมผิวเล่นอย่างระมัดระวัง เพียงเห็นขวดสมุนไพรนี้สวยงาม ตัวยาสีขาวดุจหิมะ กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนดอกบัวในบ่อยามฤดูร้อน ย้อมใจผู้คนให้อ่อนละมุน ไม่เหมือนเป็ยาพิษ
“ซางจื่อ เ้าเคยได้ยินบัวหิมะถนอมผิวแบบนี้มาก่อนไหม?” ซูเฟยซื่อถามพลางครุ่นคิด
ซางจื่อคิดแล้วคิด “บ่าวไม่เคยได้ยินมาก่อนเ้าค่ะ”
หลังจากได้ยินวาจาของซางจื่อ ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วทันที ชาติก่อนนางล้วนอยู่ในสนามรบต่อสู้เข่นฆ่า สิ่งของเล่นฆ่าเวลาส่วนใหญ่ก็เป็ของผู้ชายทั้งหมด ไม่น่าแปลกใจว่านางจะไม่รู้จักของเล่นของสตรีมาก่อน
แต่ซางจื่อไม่เหมือนกัน เพราะเคยติดตามอยู่ข้างกายอวี้เสวียนจีมาก่อน ซูจิ้งโหยวสามารถหามาได้ไม่ว่าจะเป็สมบัติล้ำค่าเช่นไร นางเชื่อว่าอวี้เสวียนจีย่อมต้องหามาได้
นอกเสียจากว่าของสิ่งนี้ไม่ได้เรียกว่าบัวหิมะถนอมผิว
“ใช่แล้ว” ดูเหมือนซางจื่อจะคิดอะไรได้ สีหน้ากลับดูไม่ค่อยสบายใจนัก “คุณหนู ขณะที่บ่าวยังอยู่ปรนนิบัติท่านอ๋องเก้าพันปีที่นั่น เคยได้ยินคนตงฉ่างกล่าวไว้ว่า ในตงฉ่างมีการลงโทษสำหรับหญิงสาวแบบหนึ่ง คือกรีดไปบนใบหน้าของหญิงสาวให้เป็แผลหลายแห่ง แล้วทาสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าหิมะทำลายโฉม ของแบบนี้นอกจากจะไม่ทำให้าแหายสมาน แต่ยังทำให้ิัที่มีาแยิ่งเน่าเฟะจนเสียโฉม ท่านคงไม่ได้หมายความว่าบัวหิมะถนอมผิวนี้ เป็หิมะทำลายโฉมหรอกนะเ้าคะ?”
“ใช่หรือไม่ เกรงว่ามีเพียงผู้ที่ได้เห็นมาก่อนจึงจะรู้” รังสีสังหารในดวงตาซูเฟยซื่อคุกรุ่น ซูจิ้งโหยวไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด หากยับยั้งก็ไม่ลงมือ หากลงมือก็ทำเอาคนตาย
บัวหิมะถนอมผิว หิมะทำลายโฉม? ฮึ่ม!
“เ้าไปตามหยานเอ๋อร์มา โคนลิ้นของนางควรได้ใช้ประโยชน์บ้างแล้ว” ซูเฟยซื่อหรี่ตาสั่งการ
นางได้ยินว่าซูจิ้งเซียงจะกลับมาวันนี้ตั้งนานแล้ว ได้เอาเงินบางส่วนเป็พิเศษให้หยานเอ๋อร์ไปที่ครัวทำอาหาร
ด้วยฐานะของหยานเอ๋อร์ นี่เป็หน้าที่อันดีงามเื่หนึ่ง คนในครัวได้รับเงินแล้ว มากหรือน้อยจะเห็นแก่หลินมามามารดาของนางแบ่งอาหารมากขึ้นแก่หยานเอ๋อร์บ้าง
หยานเอ๋อร์กินไปพลาง เจ๊าะแจ๊ะนินทากับผู้หญิงในครัวเ่าั้ไปพลาง สิ่งที่นาง้าก็ได้รู้ทั้งหมดแล้ว
ซางจื่อก็พาหยานเอ๋อร์กลับมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนหยานเอ๋อร์รู้ว่านางหายไปนาน จึงรีบอธิบาย “คุณหนูสาม วันนี้ฟืนในครัวเปียกชื้น ใช้เวลานานมากกว่าจะก่อไฟติดเ้าค่ะ”
กล่าวจบ รีบส่งกล่องอาหารในมือมา
ซูเฟยซื่อเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมของขนมเตะจมูกมา นางสูดดมแล้วหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปาก “อึ่ม ตามที่คาด ขนมที่เพิ่มเงินนี่อร่อยจริงๆ”
หยานเอ๋อร์เห็นแบบนี้จึงอดกลืนน้ำลายเอื๊อกไม่ได้ คิดถึงรสชาติขนมที่นางเพิ่งกินในครัวเมื่อครู่
ซูเฟยซื่อยิ้มน้อยๆ โบกมือให้หยานเอ๋อร์กับซางจื่อ “พวกเ้าทั้งสองนั่งลงกินด้วยกันเถิด ขนมมากขนาดนี้ข้ากินไม่หมดหรอก”
“นี่...” หยานเอ๋อร์ยังคิดผลักไสสักครา แต่เห็นซางจื่อนั่งลงและเริ่มกินอย่างว่าง่ายแล้ว ก็รีบนั่งลงด้วยกลัวว่าจะถูกคนแย่งไป
ซูเฟยซื่อเห็นหยานเอ๋อร์กินอย่างมีความสุข จึงเอ่ยปากพูดในเวลาที่เหมาะสม “ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่าพี่รองกลับมาวันนี้ เอาขนมไปฝากนางบ้างดีไหม?”
หยานเอ๋อร์ไอสองครั้งเกือบสำลัก เดิมทีขนมมีไม่มาก ตอนนี้สามคนกิน ยังจะนำไปให้ซูจิ้งเซียง ถ้าเช่นนั้นนางกินอะไร?
คิดถึงตรงนี้นางรีบโบกมือ “คุณหนูสาม บ่าวว่าท่านอย่าเพิ่งไปดีกว่าเ้าค่ะ”
“ทำไมหรือ?” ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็อยากรู้อยากเห็น
หยานเอ๋อร์ถอนหายใจ “เป็ความตั้งใจดีของท่าน แต่ไม่แน่ว่าคุณหนูรองจะรับน้ำใจท่าน ตอนนี้คุณหนูรองเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงแบบนี้แล้ว ถึงกับยิ่งดุร้ายไร้เหตุผลมากขึ้นกว่าเดิม ได้ยินว่าวันนี้เพิ่งเข้าประตูก็ร้องไห้ฟูมฟายจะให้นายท่านสังหารคุณหนูสามเสียให้ได้ บอกว่าเป็ท่านทำร้ายนางจนเสียความบริสุทธิ์ ทั้งยังเสียโฉมไปหมดสิ้นเ้าค่ะ”
กล่าวถึงทำลายโฉมหน้า หยานเอ๋อร์ตัวสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้ ดูเหมือนคิดถึงเื่ที่น่ากลัวขึ้นมา “คุณหนูสาม เป็ท่านไม่ได้เห็นใบหน้าของคุณหนูรอง เืเนื้อเละเทะ กระทั่งนายท่านถูกนางทำให้ใสะดุ้งแล้วเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้ว เืเนื้อเละเทะ? ตามเหตุผลกล่าวกันว่าหลายวันแบบนี้ ต่อให้แผลลึกกว่านี้ก็ควรตกสะเก็ดแล้ว ทำไมเืเนื้อเละเทะได้อย่างไรกัน?
นอกเสียจากว่าซูจิ้งโหยวได้ให้บัวหิมะถนอมผิวแก่ซูจิ้งเซียงขวดหนึ่ง ทั้งซูจิ้งเซียงยังใช้แล้ว
เห็นซูเฟยซื่อไม่เอ่ยปากพูดจา หยานเอ๋อร์ยังคิดว่านางเป็กังวลว่าถูกซูเต๋อเหยียนลงโทษด่าว่า รีบเอ่ยปากพูดปลอบใจ “คุณหนูสาม ท่านวางใจเถิด นายท่านไม่ได้สนใจวาจาของคุณหนูรอง ความจริงคุณหนูรองเป็อะไร นายท่านจึงไม่สนใจ นางไม่ได้เป็บุตรสาวคลอดจากภรรยาเอก ไม่เหมือนคุณหนูใหญ่กับคุณหนูสี่แบบนั้นด้วยเ้าค่ะ”
ดูเหมือนตระหนักได้ว่าตนเองพูดผิดไปแล้ว หยานเอ๋อร์รีบเก็บปากคำ ยิ้มเขินๆ ลุกขึ้นยืน “จู่ๆ นึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่ต้องช่วยในครัว คุณหนูสาม บ่าวขอตัวไปก่อนเ้าค่ะ”
หลังจากพูดจบก็วิ่งหายไปจนไร้เงา
“คุณหนู ท่านรู้สึกไหมว่าาแของซูจิ้งเซียงแปลกๆ ไป?” เห็นหยานเอ๋อร์เดินไปไกล ซางจื่อจึงเอ่ยปากช้าๆ
ซูเฟยซื่อพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกเรือน ซางจื่อรีบตามหลังไป “คุณหนู ท่านจะไปไหนเ้าคะ?”
“ในเมื่อพี่รองกลับมาแล้ว ข้าซึ่งเป็น้องสาวคนนี้จะไม่ไปดูได้อย่างไรเล่า?” ซูเฟยซื่อยิ้มบางๆ
“ไปตอนนี้? ซูจิ้งเซียงต้องทั้งร้องไห้ทั้งอาละวาดแน่ๆ ไม่แน่ว่ายังอาจทำให้เกิดปัญหานะเ้าคะ” ซางจื่อกังวลเล็กหน่อย
ซูเฟยซื่อไม่หันกลับมา “ไม่ต้องห่วง ข้ามีจุดประสงค์ของข้าเอง”
เพิ่งเดินมาถึงประตูเรือนของซูจิ้งเซียง ก็ได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของร้องไห้โวยวายจากข้างใน ในอากาศยังมีกลิ่นที่คุ้นเคยกระแสหนึ่ง ซูเฟยซื่อหรี่ตาเล็กน้อย ตามคาดเป็บัวหิมะถนอมผิวไม่ผิดแน่
คนที่ออกมาต้อนรับเป็แม่น้ารอง ซึ่งเป็มารดาแท้ๆ ของซูจิ้งเซียง กล่าวถึงแม่น้ารองคนนี้ ยังเป็ครั้งแรกที่ซูเฟยซื่อได้เห็นนางจริงๆ
เพียงเห็นนางใส่กระโปรงชุดสีครามน้ำทะเลทั่วร่าง ชายกระโปรงปักดอกไม้ผลิบานสีขาวเล็กๆ ราวกับจะเรียกดวงดาวปูเต็มท้องฟ้า ผมสลวยสวยงามทั่วศีรษะเก็บผูกไว้ด้านหลังกระหม่อมเป็ระเบียบ ใช้เครื่องประดับเงินเล็กๆ แต่งตัวเรียบง่ายสง่างามอ่อนโยน เมื่อเทียบกับนิสัยเอาแต่ใจของซูจิ้งเซียงแล้ว จะบอกว่าต่างกันคนละขั้วก็ว่าได้
นางเคยได้ยินเกี่ยวกับแม่น้ารองมาบ้าง เป็ผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง สูญเสียความโปรดปรานหลังจากแต่งงานเข้าจวนอัครมหาเสนาบดีได้ไม่นาน เพื่อให้บุตรสาวมีชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง ถึงกับส่งซูจิ้งเซียงให้นางแซ่หลี่เลี้ยงต่อโดยไม่ลังเล ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้ซูจิ้งเซียงเสียสติจนไม่มีใคร้าดูแลนาง จึงให้แม่น้ารองมาปรนนิบัติดูแล มิฉะนั้นในยามปกติแม่น้ารองคงไม่ได้เห็นกระทั่งหน้าของซูจิ้งเซียงทั้งสิ้น
ความหมายของการมีชีวิตที่ดีงั้นหรือ? คือเสื้อผ้าสวยงามอาหารเลิศหรู? หรือเพียงใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีผู้ใดกลั่นแหล้ง?
ความเป็จริงในมุมมองของนาง หากแม่น้ารองไม่ยกซูจิ้งเซียงให้นางแซ่หลี่เลี้ยงดูต่อ แล้วอบรมลูกสาวให้ดีเสียเอง จุดจบซูจิ้งเซียงย่อมต้องดีกว่าตอนนี้แน่นอน
“น้อมพบคุณหนูสามเ้าค่ะ” ฐานะแม่น้ารองต่ำต้อย ไม่กล้าเรียกชื่อของคุณหนูแต่ละท่านโดยตรงเหมือนนางแซ่หลี่แบบนั้น
ซูเฟยซื่อมองผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ ความรังเกียจที่มีต่อซูจิ้งเซียงค่อยลดลงไปบางส่วน “แม่น้ารองอย่าได้เกรงใจ ข้าแค่มาเยี่ยมดูพี่รอง”