ยามค่ำคืน ซางจื่อไปเอายาถอนพิษของบัวหิมะถนอมผิวมา แล้วยังนำยาขจัดรอยแผลเป็ที่ดีอย่างอื่นมาอีกหลายขวด นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้ซูเฟยซื่อลิ้นจุกปากไปแล้ว
วันนั้นอวี้เสวียนจีกล่าวว่าจะไม่ช่วยนางชัดๆ แต่ตอนนี้นางให้ซางจื่อไปขอสิ่งของ เขากลับยังคงให้มา
เดิมนางคิดว่าซางจื่อคงล้มเหลว จนนางต้องวิ่งไปเองสักรอบ
“ซางจื่อ เ้าทำอย่างไรจึงนำสิ่งของเหล่านี้มาจากอวี้เสวียนจีได้?” จำขึ้นมาได้ถึงวิธีการเชิญหลิวมามาของซางจื่อในครั้งที่แล้ว ซูเฟยซื่ออดไม่ไหวถามว่า “ขู่เขาว่าถ้าไม่ให้ก็จะโขกศีรษะจนตายอยู่ที่นั่นหรือ?”
ซางจื่อเขินหน้าแดง “ท่านอ๋องเก้าพันปีไม่สนใจบ่าวจะโขกศีรษะจนตายหรอกเ้าค่ะ”
“ข้าคาดว่าเขาเพียงจะให้เ้าไปตายให้ไกลอีกนิด จะได้ไม่ต้องให้เขาช่วยเก็บศพ หากไม่ใช่แบบนี้แล้ว จะเป็แบบไหนอีกเล่า?” ซูเฟยซื่อกำลังรอคำตอบอย่างจริงจัง
ซางจื่อหัวเราะเสียงเบา “ความจริงขณะที่บ่าวกำลังไปถึงท่านอ๋องเก้าพันปีได้สั่งให้คนเตรียมของเหล่านี้แล้ว และยังให้บ่าวบอกแก่ท่านว่า หากจะสร้างเื่ดีๆ เช่นนี้อีก ก็อย่าดึงเอาเขาซึ่งเป็ขุนนางโฉดตัวเอ้คนนี้ไปเอี่ยวด้วย”
ซูเฟยซื่อถึงกับสำลักจนพูดไม่ออกอีก คิดไปแล้ว อวี้เสวียนจียังคงเป็ผู้ชายเ้าคิดเ้าแค้นคนหนึ่ง เพียงนางว่าเขาประโยคหนึ่งขณะอยู่ที่วัดจิ้งิ่ ตอนนี้เขาก็เอามาตบหน้านางแล้ว
ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะจริงๆ นางได้แต่โบกมือน้อยๆ “เอายาถอนพิษบัวหิมะถนอมผิวไปส่งให้แม่น้ารองเถิด”
“เ้าค่ะ” ซางจื่อหัวเราะพลางถอยไป ไม่นานนางก็วิ่งกลับมาอย่างลุกลี้ลุกลน “คุณหนูเ้าคะ”
ท่าทีของนางคล้ายอยากพูดบางอย่าง ซูเฟยซื่อจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เกิดเื่อะไรขึ้นแล้ว?”
“ซูจิ้งเซียง...” ซางจื่อวิ่งไปกระซิบพึมพำไม่กี่ประโยคข้างหูซูเฟยซื่อ
ใบหน้าของซูเฟยซื่อจมดิ่งลงในชั่วพริบตา “ไม่คิดว่าซูจิ้งเซียงจะตกต่ำลงขนาดนี้ แม่น้ารองรู้เื่นี้ไหม?”
ซางจื่อส่ายหน้า “เมื่อครู่ที่บ่าวเอายาถอนพิษไปให้แม่น้ารอง แม่น้ารองยังมีความสุขมาก คิดว่ายังไม่รู้เื่นี้เ้าค่ะ”
“ถ้าให้แม่น้ารองรู้ คาดว่าต้องตรอมใจตาย” ซูเฟยซื่อถอนหายใจ
“คุณหนูคิดจะทำอย่างไรเ้าคะ?” ซางจื่อถาม
ซูเฟยซื่อครุ่นคิดสักครู่ “เ้าพอจะสืบได้ไหมว่าซูจิ้งเซียงทำแบบนี้มีจุดประสงค์ใด?”
“เื่นี้บ่าวไหนเลยกล้าซี้ซั้วสืบ ถ้าบังเอิญความแตกออกไป... พอบ่าวรู้เื่นี้ก็รีบกลับมาแจ้งท่านทันทีเ้าค่ะ”
ถ้าเปลี่ยนเป็ยามปกติ บางทีนางอาจรู้ว่าทำอะไร แต่ท่าทีของซูเฟยซื่อตอนนี้เห็นได้ชัดว่าคิดช่วยซูจิ้งเซียง นหลายๆ อย่างจึงทำได้ไม่สะดวกนัก
“นั่นสินะ” ซูเฟยซื่อใช้มือลูบขมับราวกับกลัดกลุ้มมาก
ไม่กลัวคู่ต่อสู้เช่นเทพเ้า แต่กลัวสหายร่วมทีมสมองหมู หลายครั้งก่อนหน้านี้ซูจิ้งโหยววางแผนจัดการนางแต่ล้มเหลวไปมากน้อยเท่าไรต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับซูจิ้งเซียง เดิมนางยังคิดช่วยซูจิ้งเซียงสักครา แต่ดูเหมือนตัวซูจิ้งเซียงยุ่งยากกว่าที่นางคิด
ซูเฟยซื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ลุกขึ้นมุ่งออกนอกเรือนไป “หากอยากรู้ว่านางทำแบบนี้มีวัตถุประสงค์ใด เกรงว่าคงมีแต่ต้องไปถามเองจึงจะรู้”
ซางจื่อเข้าใจความหมายของซูเฟยซื่อ รีบนำทางไป
ระหว่างเดินท่ามกลางเส้นทางเปลี่ยว นางก็หยุดลงกระซิบ “บ่าวคิดว่า เื่ที่คุณหนูช่วยแม่น้ารองเป็การส่วนตัวคงไม่คิดอยากให้คนอื่นรู้แน่ๆ ดังนั้นเมื่อครู่ขณะมาส่งยาจึงเลือกเส้นทางเปลี่ยวไร้ผู้คนเส้นนี้ เส้นทางนี้ปกติมีคนน้อยมาก แต่บ่าวก็ได้เห็นซูจิ้งเซียงอยู่ที่นี่เ้าค่ะ...”
ซางจื่อทำงานละเอียดอ่อนมาตลอด ทว่าคราวนี้กลับบังเอิญเจอเื่ดีของซูจิ้งเซียงเข้าโดยไม่เจตนา ก็แล้วกันไปเถิด นางก็เห็นแก่แม่น้ารองจึงช่วยซูจิ้งเซียงอีกครั้ง
ขณะที่ซูเฟยซื่อผลักประตูเปิด ซูจิ้งเซียงในร่างเปลือยเปล่ากำลังพัวพันกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงด้านนอกก็ใจนลุกนั่งบนเตียงทันที
รอจนเห็นชัดว่าคนที่มาเป็ซูเฟยซื่อ ตาสองข้างพลันถลึงเบิกกว้างกว่าระฆังวัว ประกอบกับใบหน้าเละเทะของนาง ท่ามกลางความมืดยิ่งเหมือนผีร้ายก็ไม่ปาน
ซูเฟยซื่อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้ลงมือทำไปได้อย่างไร
“เ้า... ซูเฟยซื่อ ทำไมจึงเป็เ้า? เ้าคิดจะทำร้ายข้าอีกแล้วใช่หรือไม่?” ซูจิ้งเซียงตัวสั่นเทิ้มอย่างมิอาจควบคุม กระทั่งเสียงเอะอะยังแหลมสูง
ชายคนนั้นเห็นหน้าตาสยดสยองประกอบกับเสียงโวยวายก็กลิ้งลงจากเตียงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น โขกศีรษะให้ซูเฟยซื่อสุดชีวิต “แม่นางโปรดละชีวิต เป็นางยั่วยวนข้า นางกล่าวว่าตนเป็คุณหนูรองของจวนอัครมหาเสนาบดี ขอเพียงข้าสามารถช่วยให้นางตั้งครรภ์ นางก็จะให้เงินทองมากมายแก่ข้า ข้าน้อยเพียงหลงผิดไปชั่ววูบเท่านั้น”
เห็นคนที่ยังเพิ่งออดอ้อนอ่อนโยนกับตัวเองเมื่อสักพัก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทรยศตน แต่ยังว่าร้ายนางจนไม่เหลือดีแบบนี้ ซูจิ้งเซียงโกรธแทบคลั่ง “ข้าไม่อนุญาตให้วิงวอนขอความเมตตาจากนาง จงลุกขึ้นเดี๋ยวเ้าเศษสวะใช้การไม่ได้!”
“เศษสวะนั่นคือเ้าต่างหาก นังผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ ถ้าไม่ใช่เห็นว่าเ้าสามารถให้เงินข้าได้ ใครจะอยากอยู่กับเ้ากัน” ผู้ชายไม่ยอมแสดงความอ่อนแอด่ากลับไป
“เ้าๆ ๆ... ข้าจะฆ่าเ้า” ซูจิ้งเซียงเอื้อมมือทั้งสองไปหยิกชายผู้นั้น
มองสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงตีกันจนกลายเป็ก้อนกลม เสียงของซูเฟยซื่อพลันเย็นะเื “ถ้าอยากตายนักก็เชิญทะเลาะให้เสียงดังกว่านี้เถอะ เรียกให้คนทั้งจวนอัครมหาเสนาบดีมาดูพวกเ้าเสียตอนนี้”
ซูจิ้งเซียงพลันชะงักแข็งทื่อ ลมหายใจล้วนติดขัด พูดจาไม่ออกไปชั่วครู่
เปลี่ยนเป็คนอื่นอาจจะทำลายหม้อขว้างปาข้าวของไปด้วยแล้ว นางคิดทำแต่ไม่สามารถทำได้ ดีร้ายอย่างไรก็เป็คุณหนูรองแห่งจวนอัครมหาเสนาบดี ไหนเลยจะให้คนอื่นรู้ว่าตนหาผู้ชายแบบนี้เข้ามาในจวน
เห็นซูจิ้งเซียงยังคงรักษาความละอายที่กุลสตรีในเรือนควรมีไว้บ้าง ซูเฟยซื่อก็นับว่าโล่งใจเล็กน้อย โบกมือให้ผู้ชายเป็สัญญาณให้เขาถอยไปก่อน
เมื่อรอจนผู้ชายไปแล้ว จึงเริ่มเอ่ยปาก “สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน ข้ามีบางอย่างจะถามเ้า”
น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยอำนาจน่าเกรงขามที่ไม่อาจต่อต้าน ซูจิ้งเซียงมองนางแวบหนึ่ง ถึงกับสวมเสื้อผ้าอย่างเชื่อฟังจริงๆ
“เหตุใดถึงทำแบบนี้? เดิมข้าคิดว่าเ้ายังควรมีความสูงส่งที่คุณหนูรองควรมี ไม่คิดว่าเ้าทำให้ข้าผิดหวังมากเช่นนี้” ซูเฟยซื่อกล่าวอย่างเ็า
ทันทีที่สิ้นวาจา ซูจิ้งเซียงก็กระแทกนั่งลงกับพื้น และเริ่มร้องไห้ “ความสูงส่งที่คุณหนูรองควรมี? ซูเฟยซื่อ ตอนนี้เ้าภูมิใจแล้วสินะ เมื่อโดดเด่นแล้วย่อมพูดจาแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าเล่า? ข้าทำงานหนักมาหลายปี ได้อะไรกลับมา? ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ความหวังเดียวที่ตั้งไว้ก็คือสามารถพึ่งการตั้งครรภ์ได้สมรสเข้าสู่ตำหนักซีอ๋อง ต่อให้ไปเป็ภรรยาน้อยก็ยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างฉาบฉวยไร้ชื่อเสียงไร้สิทธิ์ในจวนอัครมหาเสนาบดี”
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป้าหมายที่เ้าทำแบบนี้คือคิดตั้งครรภ์ สมรสเข้าตำหนักซีอ๋อง?”
ซูจิ้งเซียงพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย “ซูเฟยซื่อ ข้ารู้ว่าได้ล่วงเกินต่อเ้าหลายครั้ง แต่ตอนนี้ข้าได้รับกรรมตามสนองแล้ว เ้าก็ละเว้นข้าครั้งนี้เถิด ข้าสัญญาว่าั้แ่นี้ต่อไปจะใช้ชีวิตเงียบสงบในตำหนักซีอ๋องแน่นอน ไม่สร้างปัญหาให้เ้าอีก”
“เ้ารู้มั้ยว่าซีอ๋องเป็คนแบบไหน? ตำหนักซีอ๋องเป็สถานที่อย่างไร?” ซูเฟยซื่อรู้ชัดเจนดี การไปตำหนักซีอ๋องไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่นอน