ดังนั้นฮวาชีเยว่จึงให้ความสำคัญกับสหายทั้งสองมากนัก
สายตาของจี้จิงเปล่งประกายขึ้น นางขยิบตาให้จี้เฟิงแล้วกล่าว “ยอดเยี่ยม! วันหลังข้าจะไปหาเ้าที่จวนสกุลฮวาพร้อมกับพี่ของข้านะ ฮ่าๆ!”
เมื่อคิดถึงเหตุผลที่ฮวาชีเยว่เข้าแข่งแล้ว จี้เฟิงจึงนิ่งไปแล้วคิดว่า หากปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างเป็เพียงเหตุผลเดียวของนางแล้ว มีความเป็ไปได้หรือไม่ที่นางจะปฏิเสธการเป็ศิษย์ของสกุลจี้เมื่อได้รับรางวัลใหญ่ไปแล้ว?
“ไม่ ไม่หรอก...ฮวาชีเยว่มิใช่สตรีเช่นนั้นแน่” เพราะอะไรบางอย่าง จี้เฟิงจึงมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้นในใจ “อย่างไรเสีย ที่หนึ่งก็คงเป็ฮวาชีเยว่ไม่ผิดแน่ เพราะนางได้รับการสอนสั่งจากยอดฝีมือ” อีกทั้งสายสืบที่เขาส่งไปก็ได้รู้แล้วว่าฮวาชีเยว่ได้ปลูกหลงแดงอันเป็โอสถพันปีไว้ในสวนของนาง
แม้แต่เทพโอสถเช่นเขายังมิอาจปลูกโอสถทิพย์นี้ได้
เช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงไม่นำหลงแดงของนางมาแลกกับปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างกันเล่า? นั่นเพราะนางไม่อยากเป็หนี้พวกเขาอย่างไรล่ะ!
เมื่อมองรอยยิ้มที่ราวกับบุปผาอันเบ่งบานของฮวาชีเยว่แล้ว จี้เฟิงจึงโพล่งขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “ชีเยว่ ข้าได้ยินว่าเทียนซีต้องใช้ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างในการรักษาคอ และพวกเราอยากมอบสิ่งนั้นให้เ้าเป็การล่วงหน้า เ้าคิดว่าอย่างไร”
ฮวาชีเยว่ตื่นตะลึง แน่นอนว่าเป้าหมายเดียวของนางคือปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้าง แต่นางไม่คิดว่าจี้เฟิงผู้รักสมุนไพรยิ่งชีพจะมอบให้นางเป็การล่วงหน้า
“นี่เขามั่นใจว่าข้าจะชนะขนาดนั้นเลยหรือ?”
“นี่เขาส่งคนมาสืบเื่ของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ทันทีที่คิดเช่นนั้น จิตใจของฮวาชีเยว่พลันหม่นหมองลง แต่นางก็ปฏิเสธจี้เฟิงอย่างสงบแล้วกล่าว “ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะคุณชายจี้ ทำเช่นนั้นนับว่าผิดกฏแล้ว”
จี้จิงหันไปจ้องจี้เฟิงทันที พลางคิดว่าเขานี่ช่างเลินเล่อนัก อย่างไรเสีย ฮวาชีเยว่ก็เป็สตรีผู้เล่นตามกฎ อีกทั้ง...เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูดไปเมื่อครู่แล้ว ฮวาชีเยว่อาจจะสงสัยว่าพวกนางส่งคนไปสืบเสาะเื่ของนางแทนก็เป็ได้
จี้เฟิงเองก็รู้สึกตัวเช่นกัน อารมณ์ของเขาผันเปลี่ยน แล้วจึงรีบอธิบายในทันที “ชีเยว่ เ้าอย่าคิดมาก ข้าเพียงมองเ้าเป็เพื่อนที่ดีด้วยความจริงใจเท่านั้น ทั้งข้ายังถูกใจเทียนซีด้วย จึงหวังว่าเขาจะหายป่วยได้โดยเร็ว”
เมื่อเห็นความไม่สบายใจบนใบหน้าของเขาแล้ว ฮวาชีเยว่จึงมิอาจอดกลั้นหัวเราะได้ เป็ผลให้ตาของนางโค้งขึ้น จี้เฟิงดูไม่เหมือนชายเ้าเล่ห์ในสายตาของนางนัก
นางจึงตอบกลับ “ไม่ต้องใส่ใจหรอกเ้าค่ะ การถอนพิษของเทียนซียังไม่สมบูรณ์ และเมื่อข้าได้ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างมาแล้ว เวลามันก็คงพอดีกัน ไม่มีความจำเป็ใดที่จะต้องทำผิดกฎแต่อย่างใด”
จี้เฟิงและจี้จิงต่างก็สบายใจขึ้นเมื่อได้ยินคำของฮวาชีเยว่
“พี่ชีเยว่ ท่านจะชนะใช่ไหม?” จี้จิงกล่าวกับฮวาชีเยว่ด้วยดวงตากะพริบที่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้นอันเปล่งประกาย “ข้ารู้ว่าท่านมีฝีมือ! ข้าหลงใหลท่านั้แ่ก่อนท่านเหยียบย่างเข้าไปในสนามเสียอีก หากมีอะไรที่พวกข้าช่วยเหลือได้ ก็อย่าลังเลที่จะบอกกล่าวเสียล่ะ” จี้จิงว่าต่อ
ฮวาชีเยว่พยักหน้า สีหน้าดูจริงจัง “ข้าจะต้องชนะ คอของเทียนซี...จะต้องกลับมาเป็ปกติอีกครั้ง”
เมื่อได้เห็นความจริงจังของฮวาชีเยว่แล้ว จี้จิงและจี้เฟิงจึงสบตากันครู่หนึ่ง พวกเขาเชื่อว่าหากฮวาชีเยว่สามารถสำแดงความรักต่อบุตรบุญธรรมได้มากขนาดนี้แล้ว นางคงไม่ใช่คนไม่ดีเป็แน่
เป็ตอนนั้นเองที่กลิ่นหอมฟุ้งะเิออกมา จี้เฟิงรีบพุ่งไปที่หน้าต่างแล้วกล่าวด้วยท่าทีตกตะลึง ดอกบุหรงเซียนกำลังบาน!
ดอกบุหรงเซียนเป็ดอกไม้มีหนามที่มีรูปทรงคล้ายวิหค แม้ระดับของมันจะยังต่ำกว่าหลงแดงอยู่บ้าง แต่มันก็ยังเป็โอสถเทพ ทั้งยังหายากเป็อย่างยิ่ง
ฮวาชีเยว่ไม่เคยเห็นสมุนไพรชนิดนี้มาก่อน แต่นางก็ถูกใจกลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์ของมัน นางจึงเดินไปที่หน้าต่างด้วยกันกับจี้จิงเพื่อมองดูบุหรงเซียน
ฮวาชีเยว่ยืนอยู่ข้างจี้เฟิง เพราะหน้าต่างเล็กนัก ทั้งคู่จึงยืนใกล้ชิดกันเสียจนจี้เฟิงได้กลิ่นกายหอมหวนของนาง จนเขามีท่าทีกระวนกระวายทั้งยังหน้าแดง จี้เฟิงนั้นดีใจนักที่ฮวาชีเยว่ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของเขา
หัวใจของเขาเต้นระรัว แล้วจี้เฟิงจึงลอบมองฮวาชีเยว่
สำหรับตัวเขาในตอนนี้แล้ว สตรีข้างกายของเขาผู้นี้นั้นดูน่าดึงดูดยิ่งกว่าบุหรงเซียนเสียอีก
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าบุหรงเซียนจะมีรูปร่างเช่นนี้ ตัวสมุนไพรนั้นมีรูปทรงราวกับกับนกยูงที่กำลังรำแพน “หาง” ที่มีดอกไม้หลากสีเติบโตอยู่บนนั้น มันเป็ดอกไม้ที่เมื่อมองดูแล้วราวกับสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิได้ะเิออกมาเบื้องหน้าของผู้เฝ้ามองเลยทีเดียว
สมุนไพรนี้เองก็ถูกกล่าวว่าเป็วัตถุดิบสำคัญในการรสายนเวท เมื่อมองสมุนไพรตัวอื่นแล้ว พวกสมุนไพรเ่าั้เองต่างก็มีรูปทรงแปลกประหลาด แต่รายล้อมด้วยบรรยากาศอันเป็นิรันดร์
สมุนไพรระดับสูงต่างก็เป็แบบนี้ และสมุนไพรวิเศษนั้นเปล่งประกายยิ่งกว่า
เมื่ออวิ๋นสือโม่จูงมือเทียนซีออกมา เขาก็ได้เห็นจี้เฟิงจ้องมองฮวาชีเยว่อยู่ในระยะใกล้ชิดถึงขนาดที่ไหล่ของจี้เฟิงนั้นแทบจะอิงไปบนไหล่ของฮวาชีเยว่ได้
ทว่าฮวาชีเยว่นั้นกลับไม่รู้สึกถึงสีหน้าของจี้เฟิงเลย เมื่อมองรูปร่างอันงดงามของนางแล้ว อวิ๋นสือโม่จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ความไม่พอใจปรากฏขึ้นในใจ
อวิ๋นสือโม่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงรู้สึกไม่พอใจ
เขาไม่ใช่คนใจร้อน แต่เพราะอะไรสักอย่าง ทุกครั้งที่เขาได้เห็นฮวาชีเยว่ก็รู้สึกราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดของเขาอยู่ในความควบคุมของนาง
คำพูดหนึ่งคำจากฮวาชีเยว่สามารถทำให้เขาคลั่งได้ นี่เป็เพราะนางเคย “ทุ่มกาย” ใส่เขางั้นหรือ?
“อะแฮ่ม...”
อวิ๋นสือโม่กระแอมเบาๆ ทุกคนจึงหันกลับมามอง ใบหน้าของจี้เฟิงแดงสุกราวดวงอาทิตย์ยามเย็น “ก็ข้าคาดไม่ถึงว่า บุหรงเซียนของเ้าจะบานเร็วขนาดนี้ หากในอนาคตข้า้าขึ้นมา เ้าต้องเก็บไว้ให้ข้าสักดอกนะ!”
"แน่อยู่แล้ว!” อวิ๋นสือโม่ตอบกลับเรียบๆ แล้วเขาจึงมองฮวาชีเยว่ แล้วโกรธขึ้นมา “เ้าน่ะ ตามข้ามา!”
อวิ๋นสือโม่ชี้ฮวาชีเยว่ แล้วจู่ๆ ทุกคนก็ตกอยู่ในความมึนงง “เ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
เห็นว่าอวิ๋นสือโม่ไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม ทั้งยังเดินตรงเข้าไปในโถงด้านในเรียบร้อยแล้ว ฮวาชีเยว่จึงต้องทิ้งเทียนซีไว้ในโถงด้านนอก แล้วรีบตามอวิ๋นสือโม่เข้าไปด้านใน
นางตามอวิ๋นสือโม่ผ่านไปยังโถงด้านใน และเมื่อผ่านโถงออกไปทางประตูด้านข้างแล้ว ก็ได้พบกับระเบียงคดเคี้ยว ข้างหนึ่งมีเรือน และอีกข้างหนึ่งมีสวนสมุนไพร ในสวนมีสมุนไพรหลากหลายเติบโตอยู่ และฮวาชีเยว่แทบไม่รู้จักพวกมันเลย
ดูท่าเทพโอสถผู้นี้จะเป็ของจริง มีคนเพียงหยิบมือในอาณาจักรฉางจิงที่สามารถสกัดโอสถทิพย์และรู้วิชาแพทย์ หรือถ้าให้พูดก็คือ ฮ่องเต้ตีค่าอวิ๋นสือโม่ไว้สูงเพียงเพราะความรู้ด้านโอสถทิพย์และโอสถอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นสือโม่เพียงเท่านั้น
อย่างไรเสีย องค์ฮ่องเต้ก็้าโอสถทิพย์ยืดชีวิตจากอวิ๋นสือโม่อยู่
หลังเดินไปได้หลายสิบก้าวในระเบียงนี้ ปิงอี่ก็เดินมาหาพวกเขา แล้วจึงมอบกระดาษบันทึกกองหนึ่งให้อวิ๋นสือโม่ด้วยสองมือ “ท่านอ๋อง นี่ตั๋วแลกตำลึงเงินขอรับ”
“มอบมันให้นางเสีย” อวิ๋นสือโม่หยุดแล้วจ้องฮวาชีเยว่จากระยะไกล เขาดูหัวเสียนัก
ฮวาชีเยว่เหม่อไปครู่หนึ่ง แล้วจึงนึกได้ว่าอวิ๋นสือโม่ได้เขียนจดหมายอะไรสักอย่างไว้ด้วย นางเลิกคิ้วขึ้นเพราะจำได้ว่าอวิ๋นสือโม่เคยพนันไว้ว่านางจะชนะ
“กฎของข้าคือการที่ข้าจะมอบเงินร้อยตำลึงเงินให้ผู้ชนะพนัน ดังนั้นข้าไม่้า” ฮวาชีเยว่มองตั๋วแลกเงินในมือปิงอี่
อวิ๋นสือโม่ขมวดคิ้วงาม ปิงอี่ทำได้เพียงสงสารอวิ๋นสือโม่เท่านั้น ชายผู้นี้ไม่เคยขมวดคิ้วให้สตรีนางไหนมาก่อน แต่เขากลับขมวดคิ้วให้นาง...
“อ๋องผู้นี้เพียง้ากระดาษแผ่นนั้นที่เขียนให้เ้าคืนมา มิเช่นนั้นเกรงว่าจะมีผู้อื่นนำลายมืออ๋องผู้นี้ไปก่อปัญหาเอาได้!"
อวิ๋นสือโม่กล่าวอย่างเ็า
ฮวาชีเยว่ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ แต่นางก็ไม่คิดจะเถียงอะไร เพราะนางยังต้องพึ่งพาเขาในการรักษาคอของเทียนซี
“หากท่านว่าเช่นนั้น การปฏิเสธก็คงไม่งามนัก” แล้วฮวาชีเยว่จึงรับตั๋วแลกเงินเ่าั้มาก่อนจะเก็บมันไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมอง
“มีอะไรอีกไหม? ถ้าจบแล้วข้าคงต้องขอตัวก่อน ท่านอ๋อง” ฮวาชีเยว่มองเข้าไปในสายตาอันดำมืดของอวิ๋นสือโม่
อวิ๋นสือโม่เย้ยหยัน “เ้าหลงใหลในเงินตราและบุรุษโดยแท้ ไม่ผิดคาดเลยจริงๆ”
ฮวาชีเยว่ไม่คิดจะเสียเวลาต่อล้อต่อเถียง เขาจะเรียกนางว่าอะไรก็ได้ เพราะนางไม่สนความคิดเขาแม้แต่น้อย
ขอเพียงเขารักษาคอของเทียนซี อยากพูดอะไรก็พูดไป
หลังจากฮวาชีเยว่เดินออกมายังโถงนอกแล้ว ยามเฝ้าประตูจึงรีบเข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง อี๋เหนียงสามสกุลฮวาพาบุตรีมาขอรับการรักษาขอรับ”
“วันนี้ไม่รับคนไข้แล้ว” อวิ๋นสือโม่กล่าวเสียงกังวาน ยังคงถือดีเช่นเคย
ฮวาชีเยว่หัวเราะ อวิ๋นสือโม่ไม่สนเงินตรา เขามีสมุนไพรทั้งยังผสมโอสถทิพย์มามากมาย หากเขาขายโอสถทิพย์เ่าั้แม้เพียงขวดเดียว เขาคงได้เงินทองที่มากพอจะเลี้ยงชีพไปอีกหลายเดือนเป็แน่
“แต่ว่า...”
ยามเฝ้าประตูมองฮวาชีเยว่ผู้กำลังเดินออกไปยังโถงนอก อวิ๋นสือโม่หรี่ตาด้วยความคิดหลากหลาย เมื่อมองฮวาชีเยว่เดินจากไปแล้ว เขาจึงกล่าวออกมาช้าๆ “ก็ลองพบพวกนั้นหน่อยแล้วกัน”
ฮวาชีเยว่แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำนั้น นางชิงชังฮวาเสี่ยวอี และนางไม่คิดว่าอวิ๋นสือโม่จะเป็คนกลับกลอก เขาปฏิเสธคำขอรับการรักษาพวกนางแล้ว แต่กลับจะไปพบงั้นหรือ? สนุกเสียจริงนะ!
แต่เมื่อคิดอีกที นางจะสนไปทำไมกัน? ฮวาเสี่ยวอีได้บทเรียนไปแล้ว หากนางยังกล้าวางแผนอะไรใส่เทียนซีกับฮวาชีเยว่อีก นางคงได้เสียมากกว่าแค่ใบหน้าเป็แน่
ริมฝีปากของฮวาชีเยว่โค้งขึ้น และไม่ลังเลที่จะเดินจากไป อวิ๋นสือโม่ขมวดคิ้ว ครั้งนี้เขารั้งนางไว้ไม่สำเร็จจริงๆ...
แปลกประหลาดนัก เหตุใดจึง้ารั้งนางเอาไว้กัน? อวิ๋นสือโม่นิ่งไปเพราะความคิดตนเอง กว่าเขาจะได้สติก็เป็หลังจากที่ปิงอี่เรียกเขาไปแล้วหลายครั้ง
ฮวาชีเยว่มาถึงห้องโถงแล้วจึงได้เห็นยามเฝ้าประตูรีบเร่งไปรับอี๋เหนียงสามและฮวาเสี่ยวอี นางไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว นางจึงกล่าวร่ำลาจี้เฟิงและจี้จิง
แต่เพราะจี้จิงและจี้เฟิงต่างก็อยากเดินเล่นข้างนอกกับนาง พวกเขาจึงร่ำลาอวิ๋นสือโม่ด้วยเช่นกัน
อวิ๋นสือโม่มองฮวาชีเยว่และจี้เฟิงสลับกันอย่างเ็า แล้วจึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “พี่จี้ มิใช่ท่าน้าตำราโอสถชิงหยางหรอกหรือ? ประเดี๋ยวข้ารักษาคนไข้เสร็จ ข้าจะพาท่านไปที่ห้องหนังสือ"
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว จี้เฟิงก็ดีใจเนื้อเต้นแล้วตัดสินใจอยู่ต่อ จี้จิงจึงได้อยู่ต่อเช่นกัน
ฮวาชีเยว่ยิ้มแห้ง “ไม่เป็ไร เทียนซีกับข้าต้องขอตัวก่อน คราวหน้าค่อยมาพบพวกข้านะ”
หลังจากนั้น ฮวาชีเยว่จึงจับมือเทียนซีแล้วจากไปพร้อมลู่ซินและโหย่วชุ่ย เมื่อพวกนางไปถึงระเบียงด้านนอกก็ได้พบเข้ากับอี๋เหนียงสามแล้วฮวาเสี่ยวอี
ใบหน้าของฮวาเสี่ยวอีถูกปิดบังด้วยหน้ากากสีดำ เว้นเพียงนัยตาอันคมกริบทั้งสอง
แต่ฮวาเสี่ยวอีรู้สึกริษยาฮวาชีเยว่ อย่างไรเสีย จู่ๆ ฮวาชีเยว่ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง ทั้งข่าวลือรอบกายยังดีขึ้นมากนัก
ลือกันว่านางสนิทกับเทพโอสถจี้เฟิง
ทั้งนางยังคงใกล้ชิดกับหนานอ๋อง
ผู้คนยังกล่าวกันว่าฮ่องเต้ถูกใจนางมาก และอาจพระราชทานสมรสนางให้กับองค์ชายรัชทายาท
“มิคาดจะได้พบพี่หญิงที่นี่ แหม ข้าได้ยินมาว่าองค์ฮ่องเต้ถูกใจท่านนัก ถึงกับ้าพระราชทานสมรสให้ท่านกับองค์ชายรัชทายาททีเดียว"