่หลังมานี้ฮวาเสี่ยวอีประพฤติตัวดีขึ้นมากจนน่าใ ทั้งยังไม่เรียกนางว่า “นางแพศยา” ทันทีที่พบหน้ากันอีกต่อไปแล้ว
อี๋เหนียงสามคลี่ยิ้มบาง แล้วจึงมองบุตรีของนางอย่างภูมิใจ ใน่สองสัปดาห์ที่ผ่านมา อี๋เหนียงสามได้คอยจับตามองบุตรีของนางอย่างใกล้ชิดเพื่อพยายามเปลี่ยนวิธีการใช้คำพูดคำจาของนาง
ในที่สุดการสอนสั่งของนางก็เริ่มมีผลบ้างแล้ว
“จริงหรือ? เป็ครั้งแรกเลยที่ข้าได้ยินเื่นี้! องค์ชายหรือ...อืม ที่จริงข้าก็ได้เห็นพระองค์จากบนเวทีประลองอยู่ เขาเป็บุรุษหล่อเหลานัก” ฮวาชีเยว่ยิ้มอย่างเอียงอาย ลู่ซินและโหย่วชุ่ยแทบสำลักเมื่อได้เห็นนายหญิงของพวกนางกล้าเอ่ยคำโกหกคำโตออกมา
คนเช่นคุณหนูใหญ่จะไปสนใจในตัวองค์ชายรัชทายาทได้เช่นไรกัน? แต่นางกลับแสดงท่าทีราวกับว่านางกำลังหลงใหลองค์ชายอยู่จริงๆ
เฮ้อ คุณหนูใหญ่ของพวกนางคงวางแผนอะไรอยู่เป็แน่
สายตาของฮวาเสี่ยวอีทอประกายวาบ จากนั้นจึงยิ้มเย็น “ขออวยพรให้พี่หญิงโชคดีแล้วกันเ้าค่ะ”
“น้องสาม รีบเข้าไปเถอะ หนานอ๋องรอเ้าอยู่นะ!” ฮวาชีเยว่ลดสายตาลงราวกับ้าปิดบัง ‘ความนับถือ’ ของนาง แล้วจึงนำเทียนซีจากไป
ฮวาเสี่ยวอีมองแผ่นหลังของฮวาชีเยว่ผู้กำลังถอนตัวออกไปอย่างเ็า ริมฝีปากของนางพลันโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มเย็นะเื โอ ฮวาชีเยว่หลงใหลองค์ชายรัชทายาทหรือ? ฮวาเสี่ยวอีรู้สึกว่า หากนางได้รูปลักษณ์คืนมาแล้ว ความงามของนางจะไม่เป็รองแม้ฮวาชีเยว่ นางต้องดึงความสนใจขององค์ชายรัชทายาทมาที่นางก่อนฮวาชีเยว่ให้ได้
“เสี่ยวอี เ้าคิดอะไรอยู่? จากนี้เ้าห้ามวางแผนอะไรคนเดียวอีก หากเ้ามีความคิดอะไรก็จงบอกข้าก่อน เข้าใจหรือไม่?” อี๋เหนียงสามกล่าวอย่างเ็าเมื่อเห็นสายตาอันเคียดแค้นที่บุตรีของนางใช้มองฮวาชีเยว่
บุตรีของนางนั้นเป็คนหุนหัน และมักพลาดพลั้งได้ง่ายๆ จึงช่วยไม่ได้ที่นางจะกลัว
ฮวาชีเยว่เมื่อครู่นั้นยอดเยี่ยม นางสามารถปั่นหัวได้แม้อี๋เหนียงสองผู้เ้าเล่ห์ได้ราวกับลูกไก่ลูกไก่ในกำมือ
นั่นหมายความว่า...หากฮวาเสี่ยวอีพยายามเข้าปะทะกับฮวาชีเยว่เพียงคนเดียวคงได้แพ้อย่างน่าอนาถเป็แน่
ฮวาเสี่ยวอีพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ไม่ต้องห่วงเ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าจะทำตามท่านบอก”
พวกนางรีบรุดเข้าไปด้านใน อย่างไรเสีย อนาคตแสนสุขของฮวาเสี่ยวอีก็ขึ้นอย่างกับหนานอ๋อง
ฮวาชีเยว่พาเทียนซีไปยังสำนักศึกษาใกล้ๆ หลายๆ แห่ง พ่อบ้านหวางได้แนะนำสำนักศึกษาลู่ิมา เนื่องจากศิษย์ของที่นั่นส่วนมากมักเป็บุตรหลานขุนนางหรือมาจากครอบครัวที่มีความมั่งคั่ง ทั้งมาตรฐานของสำนักศึกษาแห่งนี้ยังเป็รองเพียงสำนักศึกษาหลวงเท่านั้น
ฮวาชีเยว่พาเทียนซีไปยังสำนักศึกษาลู่ิ และยามเฝ้าประตูก็จำฮวาชีเยว่ได้ทันที เขาจึงเปิดประตูให้นางอย่างเร่งรีบ
สำนักศึกษาลู่ินั้นได้ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ทั้งนางยังได้ยินเสียงอ่านของเด็กๆ ดังกังวาน ดวงตาของเทียนซีส่องประกายขึ้นพลางมองรอบๆ อย่างสนใจ
“เทียนซี เมื่อเ้าพูดได้อีกครั้งแล้ว ให้ข้าส่งเ้ามาที่สำนักนี้ดีไหม?”
เทียนซีพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
คนเฝ้าประตูนำฮวาชีเยว่ไปยังประตูหลังห้องเรียน เมื่อมองเข้าไป นางก็ได้เห็นชายในชุดเขียวคนหนึ่งกำลังสอนเด็กๆ อยู่โดยไม่คาดคิด
บุรุษผู้นั้นคือไต้ซือเสวียนจี!
มิใช่ว่าเขาเป็นักบวชอยู่ที่วัดหรงฝูหรอกหรือ? เหตุใดจึงมาสอนอยู่ที่นี่ได้? ฮวาชีเยว่รู้สึกว่าชายคนนี้ลึกลับยิ่ง นางได้ลองส่งคนไปสืบเื่ของเขาแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวจริงของเขาเป็ใคร
ทั้งหนานอ๋องและเสวียนจีนั้นต่างเป็ตัวตนที่ลึกลับพอๆ กัน
เสวียนจีเองก็สังเกตเห็นฮวาชีเยว่แล้ว เขาจึงโค้งให้นางอย่างสุภาพ แล้วทำการสอนต่อ
สีหน้าของฮวาชีเยว่พลันตึงเครียดขึ้นมา จึงออกมาพร้อมเทียนซี นางคงต้องพิจารณาให้รอบคอบมากๆ เสียแล้วหากจะส่งเทียนซีมาสำนักนี้ เสวียนจีมาทำอะไรอยู่ที่นี่กัน? เขามาดักรอนางอยูหรือไม่?
ถ้าเช่นนั้นแล้ว เป้าหมายคืออะไรกัน?
ทำไมถึงเข้าหามาตรงๆ?
และถ้าหากไม่ได้มาดักรอนางแล้ว ทำไมเขาถึงมาสอนหนังสืออยู่ที่นี่? เขารู้หรือเปล่าว่าน้ำเต้าสีเขียวหยกนั้นลี้ลับเพียงไหน?
คำถามนับล้านหมุนวนอยู่ในใจ แต่นางกลับไม่สามารถหาคำตอบได้ ตัวตนของเทียนพี่นั้นก็ลึกลับยิ่งกว่า นางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงอยากรับนางเป็ศิษย์ แต่สิ่งที่นาง้าก็มีเพียงการแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งพอที่จะไม่มีใครโค่นนางได้
นางกลับไปที่จวน แล้วฝากเทียนซีให้เล่นกับลู่ซินในระหว่างที่นางเข้าไปที่โลกประหลาดแห่งนั้น
ครั้งนี้ พืชพันธุ์บนพื้นได้เติบโตขึ้นมาเล็กน้อย แม้นางจะสามารถเก็บเกี่ยวทั้งหมดนี้ได้ภายในหนึ่งวัน แต่หากนางรออีกสักเดือน ประสิทธิผลของพวกมันจะเพิ่มขึ้นไปอีกนับร้อยเท่า
ในที่สุดโลกนี้ก็กลายเป็ปกติแล้ว ท้องฟ้ามีสีคราม มวลเมฆสีขาวเนียน แสงอาทิตย์ส่องสว่างจากเบื้องบน ไม่ได้ร้อนมากเกินไป แต่ก็ไม่ได้เย็น อุณหภูมิกำลังดี ให้ความรู้สึกราวอากาศฤดูใบไม้ร่วง
ฮวาชีเยว่ไม่เห็นตัวเทียนพี่ จึงคิดเอาเองว่าเขาอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อน แต่เมื่อนางวิ่งไปถึงบ่อน้ำพุร้อนแล้ว เขากลับไม่อยู่ที่นั่น
“ท่านอาจารย์ ข้าอยู่นี่แล้ว ท่านอาจารย์!” ฮวาชีเยว่ไม่สนใจที่จะตามหาเขา ที่สำคัญกว่านั้น สถานที่นี้มันไม่ได้อ้างว้างเช่นตอนที่นางได้มาเยือนเป็ครั้งแรกอีกต่อไปแล้ว หญ้าสีเขียวขจีผลุบขึ้นทั่วพื้นผิว มีกระทั่งหน่ออ่อน
นางไม่แน่ใจว่าโลกใบนี้ใหญ่เพียงไหน แต่นางรู้ว่าโลกทั้งใบได้เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้นางจะส่งเสียงเรียกเขาไปอีกสองครา ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ท่านอาจารย์ ท่านอยู่ที่ไหนกัน?” ฮวาชีเยว่เห็นว่าแปลกนัก นับั้แ่วันที่นางมาเยือนครั้งล่าสุดแล้วมันยังผ่านไปไม่ถึงสองคืน แล้วเขาจะหายไปได้อย่างไร?
เื่เช่นนี้มันเป็ไปไม่ได้ เขาเป็คนบอกมาเองว่าเขาไม่อาจออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ฮวาชีเยว่นั้นจึงเชื่อว่าเขาน่าจะถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้ และนางเป็กุญแจไปสู่ทางออกของเขา
“ฮึ่ม!”
เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังพงหญ้าอันสูงเท่าเข่านาง นางแหวกพงหญ้านั้นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงได้เห็นเทียนพี่ผู้กำลังนอนสบายอยู่บนทางหญ้า ปากคาบหญ้าไว้ก้านหนึ่งพลางเหล่มองนางอย่างไม่พอใจ
ฮวาชีเยว่นั่งลงเคียงข้างเขา แล้วจึงมองใบหน้าอันหล่อเหลาราวพญามารนั้น
นางแอบคิดอยู่เสมอ ว่าเขาคงเป็บุรุษผู้มีรูปลักษณ์งดงามที่สุดในจักรวาลนี้แล้ว
“ท่านอาจารย์ ที่นี่เปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่ข้ามาเยือนเมื่อสองวันก่อนมากนัก!” ฮวาชีเยว่หัวเราะเบา “ท่านอาจารย์ นี่ท่านเมินข้าอยู่หรือ?”
ฮวาชีเยว่เพ่งมองเทียนพี่ และเมื่อนางเห็นความไม่พอใจในสายตาของเขาแล้ว นางจึงรีบคลี่ยิ้มงดงามแล้วกล่าว “ท่านอาจารย์ ดูสิว่าข้าเอาอะไรมาให้ท่าน”
จากนั้นนางจึงเอาขวดสุรานูเอ๋อร์หงออกมาเปิดจุกออก ทันทีที่กลิ่นสุราหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เทียนพี่ก็ลุกขึ้นแล้วจ้องมองขวดสุราในมือนาง
“ส่งมันมาให้ข้า!” เทียนพี่ลืมความไม่พอใจใดๆ ที่มีต่อนางไปโดยพลันเมื่อเห็นสุราที่รอถูกร่ำ เขายื่นแขนออกมาเพื่อชิงขวดสุราจากมือนาง แล้วดื่มด่ำไปกับมันอยู่หลายอึกใหญ่
ฮวาชีเยว่นั่งลงเคียงเขาเช่นที่นางทำเสมอมา
จากนั้นไม่นาน เทียนพี่ก็ดื่มสุราจนหมด แล้วเขาจึงเช็ดพลางเลียริมฝีปาก “ชื่นใจมาก! ชื่นใจมาก!”
เขามิได้ร่ำสุรามานานหลายศตวรรษแล้ว เพราะเขาต้องใช้เพียงพลังิญญาในการรักษาชีวิต และถึงแม้เขาจะไม่รู้สึกถึงความหิว แต่เขาก็ยังคงอยากดื่มและกินให้เต็มอิ่มอยู่เสมอ!
กลิ่นอาหารนั้นย่อมหอมหวนกว่าพลังิญญาอยู่แล้ว
“ท่านอาจารย์ ไว้ข้ากลับออกไปแล้วข้าจะนำไก่ย่างสองตัวกับสุราสองขวดมาให้ท่านนะเ้าคะ” ฮวาชีเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม เทียนพี่จึงแค่นเสียงในลำคอ “ฮึ อย่างน้อยเ้ายังรู้ว่าอะไรเป็อะไรอยู่สินะ”
“ท่านอาจารย์ ข้าแค่ทำแบบนั้นไปเพราะข้าอยากใช้เวลาอยู่กับเทียนซีให้มากขึ้นเท่านั้น แต่จากวันนี้ไป ข้าเองก็ต้องฝึกฝนอย่างจริงจังแล้ว แล้วเมื่อครู่ข้าไปเจอเสวียนจีเข้าตอนที่ข้าไปเยือนสำนัก แต่ข้ามองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่”
ฮวาชีเยว่เงียบไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะเอ่ยต่อ
เทียนพี่หัวเราะ “จะกลัวเสวียนจีไปทำไมกัน เ้านั่นเป็แค่นักบวชเท่านั้น”
“ไม่หรอกเ้าค่ะ บุรุษผู้นั้นดูจะจงใจเข้าใกล้ข้านะเ้าคะ!” ฮวาชีเยว่พูดออกไปอย่างซื่อตรง หลังจากที่นางถูกทรยศอย่างสาหัสมาแล้วครั้งหนึ่ง นางจะไม่เชื่อใครง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว
“เอาละ ได้เวลาเ้าไปฝึกฝนแล้ว แล้วอย่าลืมเอาไก่ย่างมาให้ข้าตอนเ้ากลับออกไปข้างนอกคราวหน้าด้วยล่ะ!”
ดูเทียนพี่จะยังไม่ลืมรสสุราเมื่อครู่ และอดไม่ได้ที่จะเตือนฮวาชีเยว่ถึงสัญญาของพวกเขาอีกครั้ง
ฮวาชีเยว่ไปยังบ่อน้ำพุร้อนเพื่อฝึกฝน ด้วยความที่ตัวนางในตอนนี้ได้บรรลุถึงขั้นเมฆาทะยานสัมบูรณ์แล้ว นางจึงสามารถดูดซับพลังิญญาได้ราวกับอยู่ในแม่น้ำ นางไม่จำเป็ต้องทำตัวเองให้เปียกอีกต่อไปแล้ว
เมื่อถึงตอนที่ฮวาชีเยว่กลับออกมาจากโลกลี้ลับนั้น มันก็เป็ยามบ่ายแล้ว ลู่ซินนั้นกำลังกรีดร้องอยู่ที่สวนด้วยสายตาเป็กังวล แต่นางดูเบิกบานขึ้นเมื่อเห็นฮวาชีเยว่
“คุณหนูในที่สุดท่านก็ตื่นเสียที!” ฮวาชีเยว่บอกทุกคนไปว่านางพักผ่อนอยู่ในห้อง ดังนั้นลู่ซินจังไม่ไปรบกวนนางในยามพักผ่อน
“มีปัญหาอันใดหรือ?”
“คุณหนู ดีเหลือเกินเ้าค่ะ หนานอ๋องชวนท่านไปทานอาหารที่ภัตตาคารวั่งเยว่ล่ะเ้าค่ะ!” ลู่ซินกล่าวด้วยรอยยิ้มแย้มเต็มใบหน้าพลางมองฮวาชีเยว่ ในสายตามีแววของการเย้าแหย่ ฮวาชีเยว่นั้นนิ่งไป หนานอ๋อง? อวิ๋นสือโม่น่ะหรือ?
ชวนนาง?
เกิดอะไรขึ้นกัน? ฮวาชีเยว่นั้นไม่มีวันลืมสีหน้าของเขาในยามที่นางข่มขู่เขาเป็แน่
“บ่าวของหนานอ๋องกล่าวว่าให้เราไปที่ภัตตาคารวั่งเยว่ในยามเว่ย และกล่าวว่าเขามีเื่ที่จะปรึกษากับท่าน เป็เื่นายน้อยเ้าค่ะ!” นายน้อยที่ว่านี้หมายถึงเทียนซี
“ก็ได้ ไปกันเถอะ อย่างไรเสียตอนนี้ข้าก็กำลังรู้สึกหิวพอดี” ฮวาชีเยว่กล่าวเรียบๆ นางจะซื้อไก่ย่างสองตัวจากภัตตาคารวั่งเยว่ และสุรานูเอ๋อร์หงดีๆ สองขวดให้อาจารย์ของนางทีหลัง เขาต้องดีใจแน่!
จากนั้น ฮวาชีเยว่และบริวารจึงมาถึงภัตตาคารวั่งเยว่ตามนัด
อย่างไรเสีย ตอนนี้ก็เป็เวลาตะวันโด่ง การมาพบกันหนานอ๋องที่นี่จึงไม่มีปัญหาอะไร ทว่า เมื่อเ้าของร้านเห็นฮวาชีเยว่แล้ว เขาก็มองนางอย่างใ ราวกับกำลังใเพราะไม่คิดว่าที่อวิ๋นสือโม่จะนัดพบกับคนเช่นนาง!
เมื่อเหล่าสตรีได้เห็นนางแล้ว พวกนางจึงพากันส่งเสียงใ “ไม่น่าเชื่อ หนานอ๋องกำลังแอบคบหากับสตรีสีชาดแห่งฉางจิง! ไม่มีเหตุผลเลย! ราวกับดอกไม้สดปักกองขี้วัวโดยแท้!”
ฮวาชีเยว่กลอกตาใส่พวกนาง ฮึ หากอวิ๋นสือโม่เป็กองขี้วัวแล้วละก็ นางก็ต้องเป็ดอกไม้สดเป็แน่!
เทียนซีกำลังตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่ภัตตาคารแห่งนี้ เพราะแปลว่าเขาจะได้ทานอาหารดีๆ เมื่อเขาเห็นอวิ๋นสือโม่แล้ว เขาก็วิ่งอย่างมีความสุขแล้วไปจับแขนอวิ๋นสือโม่ไว้
“เสี่ยวเอ้อร์ ยกอาหารมา!” ฮวาชีเยว่กล่าว นางรีบสั่งอาหารมีชื่อสองสามอย่าง โดยไม่สนใจพิธีรีตองแม้แต่น้อย
ข้างๆ นั้น ริมฝีปากของปิงอี่กำลังกระตุก เขารู้สึกว่าฮวาชีเยว่มิได้ปฏิบัติตนให้สมฐานะคุณหนูใหญ่เลย!
ไม่ทราบนายของเขาเห็นอะไรดีในตัวนาง แต่แบบนี้แย่เหลือเกิน ผู้เป็นายของเขาไม่ทำเช่นนี้กับสตรีคนไหนมาก่อน
อวิ๋นสือโม่สนใจเพียงการตักน้ำแกงให้เทียนซี แล้วเมินฮวาชีเยว่ไปโดยสมบูรณ์ เขาตักน้ำแกงมาถ้วยหนึ่ง แล้ววางลงหน้าเทียนซี “เทียนซี ดื่มเสีย นี่เป็น้ำแกงที่ยอดเยี่ยมมากเชียวละ”
ริมฝีปากของปิงอี่กระตุกอีกคราว นายน้อยของเขาเคี่ยวน้ำแกงไก่เจ็ดโสมสุดยอดนี้ที่จวน เพื่อหวังจะให้ฮวาชีเยว่และคนอื่นๆ ทานมื้อเที่ยงต่อ แต่จู่ๆ กลับเปลี่ยนใจขึ้นมา! นายท่านของเขาถูกใจสตรีผู้นี้แล้วจริงๆ!
เทียนซีดื่มน้ำแกงเข้าไปเต็มปากและพบว่ามันอร่อยมาก รสชาติของมันเหมือนกับน้ำแกงที่ท่านแม่ของเขาบอกให้พวกบริวารไปเคี่ยวให้เลย เขาดื่มถ้วยเล็กนี้หมดอย่างรวดเร็วและลูบพุงอย่างพอใจ