อาหารปริมาณท่วมโต๊ะมาถึงแล้ว อวิ๋นสือโม่เมินฮวาชีเยว่แล้วตักอาหารให้เพียงเทียนซีราวกับเป็คนใกล้ชิดสนิทสนม คล้ายกับเทียนซีคือคนที่เขา้าพบ
ฮวาชีเยว่ทานข้าวไปถ้วยหนึ่งพลางเมินอวิ๋นสือโม่เช่นกัน ตราบเท่าที่เขาทำดีกับเทียนซี นางก็ทนได้
ฮวาชีเยว่ลอบมองอวิ๋นสือโม่ผู้ยังคงตักอาหารให้เทียนซีต่อไปพลางจิบน้ำน้ำแกง กลิ่นน้ำแกงนี่...ดูจะมีกลิ่นของเจ็ดสุดยอดโสมอยู่ด้วย เจ็ดสุดยอดโสมเป็โอสถิญญาที่น่าทึ่ง ฮวาชีเยว่มองออกได้เพราะนางเคยได้กลิ่นมันมาจากโลกในน้ำเต้ามาก่อน
มิคาดภัตตาคารวั่งเยว่จะมีน้ำแกงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่ด้วย
ฮวาชีเยว่มองไปที่รายการอาหารอย่างละเอียด กลับไม่เห็นรายการใดที่มีชื่อเจ็ดสุดยอดโสมอยู่
“เสี่ยวเอ้อร์ สิ่งนี้เป็น้ำแกงอะไรกัน รสชาติดีนัก”
ฮวาชีเยว่คลี่ยิ้มแล้วถามเสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวเอ้อร์นั้นทราบว่าหนานอ๋องเป็คนนำน้ำแกงมาเอง แต่เขาลืมถามไปว่ามันเป็น้ำแกงอะไร ดังนั้นแล้วเขาจึงทำได้เพียงอ้าปากด้วยความใโดยมิอาจตอบอะไรได้
“เสี่ยวเอ้อร์ ความทรงจำย่ำแย่นัก นี่คือน้ำแกงไก่โสมแดงไม่ใช่หรือ?” อวิ๋นสือโม่พูดขัดขึ้นมาอย่างเ็า เสี่ยวเอ้อร์จึงพยักหน้าตามน้ำไป “ใช่ ใช่ ใช่แล้วขอรับ! น้ำแกงไก่โสมแดง! แหะๆ ความทรงจำของข้าน้อยช่างแย่ยิ่ง ขออภัยหนานอ๋อง!”
เสี่ยวเอ้อร์ลูบหัวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ฮวาชีเยว่พลันเลิกคิ้วด้วยความสงสัย คำโป้ปดนั้นหลอกนางไม่ได้เพราะนางเคยเห็นเจ็ดโสมสุดยอดมาก่อนแล้วจากโลกในน้ำเต้าหยกเขียว
‘แต่เขาจะทำอาหารให้ข้าไปทำไมกัน? แปลกมาก อวิ๋นสือโม่มีเป้าหมายอะไรซ่อนอยู่หรือ?’
แม้จะไม่น่าใช่ แต่ฮวาชีเยว่ก็คิดว่าเขาอาจกำลังพยายามบอกใบ้นางให้ดูแลต้นหลงแดงให้ดี
ฮวาชีเยว่เหลือบมองอวิ๋นสือโม่ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก แต่ท่าทีที่เขากำลังป้อนอาหารให้เทียนซีก็ทำให้เขาดูอ่อนโยนและเอาใจใส่
สมองอันเฉียบคมของอวิ๋นสือโม่ััได้ถึงสายตาลอบมองของฮวาชีเยว่ เขาไม่อยากคุยกับนางมากนัก เพราะหัวใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อนึกถึงนางและจี้เฟิง
“นี่ใช่โสมแดงจริงๆ หรือ? ข้าว่าโสมแดงไม่ได้มีรสชาติเช่นนี้นะ” ฮวาชีเยว่คลี่ยิ้มบางแล้วถามใบหน้าอันไร้อารมณ์นั้น
จู่ๆ นางก็อยากแกล้งอวิ๋นสือโม่ขึ้นมา
มุมปากของอวิ๋นสือโม่กระตุก เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสง่างามแล้วมองฮวาชีเยว่ “เช่นนั้นแล้ว โสมแดงควรมีรสชาติเช่นใดหรือ? ฮวาชีเยว่ ไม่คิดหรือว่าการสงสัยวัตถุดิบของข้ายามทานอาหารข้านับเป็การเสียมารยาท?”
คำดุอันเฉียบคมของอวิ๋นสือโม่นั้นทำให้ฮวาชีเยว่ดูเหมือนพวกไม่รู้จักบุญคุณ
ฮวาชีเยว่ขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ ทำให้ดวงตาโค้งขึ้น “ดูท่าข้าคงเป็ฝ่ายที่เสียมารยาทสินะเ้าคะ ต้องขอบคุณหนานอ๋องสำหรับมื้อนี้เสียแล้ว”
“แน่สิ เ้าเพิ่งรู้ตัวหรือว่ากำลังเสียมารยาทอยู่?” อวิ๋นสือโม่ทำเสียงขึ้นจมูก ฮวาชีเยว่จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอีก เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าชายผู้เ็าและไม่สนโลกผู้นี้จะชอบการเสียดสีมากถึงเพียงนี้
คำพูดเสียดสีที่เขาไม่เคยชินนั้นทำให้ฮวาชีเยว่ตอบสนองไม่ถูก
ฮวาชีเยว่อดไม่ได้ที่จะพิเคราะห์อวิ๋นสือโม่ใหม่อีกครา บุรุษผู้นี้เปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วนัก จากที่เมินนางและปฏิบัติกับนางอย่างไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งอย่างนั้นจู่ๆ เขากลับดูแคลนพร้อมว่าร้ายนาง เอ่อ ด้วยโทสะ?
ฮวาชีเยว่นึกย้อนกลับไป แล้วจึงตัดสินใจได้ว่านางไม่เคยไปยั่วโมโหเขาก่อน
เทียนซีกำลังเคี้ยวน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อยพลางเล่นหูเล่นตากับนางอย่างซุกซน จิตใจของฮวาชีเยว่พลันขุ่นมัวด้วยนึกถึงเทียนซีในอดีต
เทียนซีเป็เด็กซุกซนและร่าเริง มักจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโจวโกรธอยู่เสมอ และด้วยความห่างเหินของโจวจื่อเฉิง จึงทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโจวพาลไม่ชอบเทียนซีไปด้วย แม้คนจะไม่ทราบเื่เทียนซีไม่ใช่ลูกโจวจื่อเฉิงก็ตามที
ในตอนที่ฮวาชีเยว่นิ่งไปนั้นเอง ก็มีคนมาเคาะประตูก่อนจะเข้ามาในห้อง เป็สตรีในชุดสีม่วงงดงาม นางมีปิ่นหงสาที่ปักไว้อย่างหรูหราแต่แลดูบริสุทธิ์ วิธีแต่งตัวนั้นทำให้นางดูตราตรึงเปี่ยมเสน่ห์ รายกับดอกเก๊กฮวยที่กำลังบานสะพรั่ง
บ่าวในชุดเรียบง่ายสองคนทักทายหนานอ๋องทันทีที่เห็น
ท่านหญิงิจูหัวเราะพลางย่างก้าวไปหาหนานอ๋อง “คารวะท่านอ๋อง คารวะท่านหญิงฮวา”
“ท่านหญิงิจู?” ฮวาชีเยว่พลันนึกออกว่านางเคยพบท่านหญิงองค์นี้มาก่อน ทว่า เพราะจุดศูนย์กลางของความสนใจในตอนนั้นไปอยู่ที่องค์หญิงฮุ่ยหลิงและองค์หญิงฮุยหยาเสียหมด และท่านหญิงิจูเพียงอยู่เงียบๆ อย่างว่าง่ายเท่านั้น จึงไม่แปลกที่จะลืมนางไป
“ท่านหญิงิจูเชิญนั่ง” อวิ๋นสือโม่มองท่านหญิงิจูแล้วกล่าวเบาๆ
“ขอบพระคุณคุณชาย” ประกายแสงเส้นหนึ่งแวบขึ้นในดวงตาของท่านหญิงิจูในขณะที่นางนั่นลงอย่างสง่างาม จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์จึงนำรายการอาหารมาให้นางสั่ง
“ไม่จำเป็ พวกเราทั้งสามทานได้ไม่มากนักหรอก” ท่านหญิงิจูคลี่ยิ้ม ความสง่างามนั้นทำให้เสี่ยวเอ้อร์ถึงกับตะลึง
เป็ท่านหญิงที่งดงามยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่บุรุษมากมายส่งสารรักถึงนาง
อวิ๋นสือโม่มองท่านหญิงิจูอย่างเ็า “สี่คน”
ท่านหญิงิจูนิ่งไป แล้วจึงสังเกตเห็นเด็กน้อยเทียนซีอยู่ข้างอวิ๋นสือโม่ นางจึงหัวเราะฝืนๆ “ใช่แล้ว เป็ข้ามองไม่ละเอียดเอง"
อวิ๋นสือโม่ไม่แม้แต่จะมองนาง เขาลุกขึ้นยืนแล้วคว้าถ้วยเปล่าของฮวาชีเยว่ไปเติมน้ำแกงให้จนเต็ม
เอ่อ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ฮวาชีเยว่นิ่งไป นางเคยเชื่อว่าความเ้าเล่ห์ที่นางได้มาหลังเกิดใหม่จะช่วยหยุดนางจากการตกกับดักต่างๆ ได้ ทว่า ตอนนี้นางกำลังตกตะลึงอยู่!
เป็บุรุษที่โหดร้ายยิ่ง! เขารู้ว่าท่านหญิงิจูสนใจในตัวเขาอยู่ เขาจึงจงเอาใจใส่นาง!
คนผู้นี้กำลังดึงความเกลียดชังทั้งหลายมาที่นาง!
เป็ตอนนี้เองที่อวิ๋นสือโม่เติมน้ำแกงให้นางจนเต็ม แล้ววางถ้วยลงเบื้องหน้าฮวาชีเยว่ “นี่เป็น้ำแกงโสมแดงระดับสูงสุด ดื่มเสีย เมื่อเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
ฮวาชีเยว่แทบกระอักเื
สายตาอันอ่อนโยนและน้ำเสียงกับนุ่มนวลของอวิ๋นสือโม่นั้นทำให้ดูราวกับว่าเขากำลังเอาใจคนรักอยู่
ท่านหญิงิจูมองทั้งสองอย่างใ นางปวดร้าวจากภาพการกระทำของทั้งสองนัก “ท่านอ๋อง...ช่างดีต่อแม่นางฮวามากนัก”
ท่านหญิงิจูคลี่ยิ้ม ทว่าความผิดหวังและความริษยาในสายตานั้นมิอาจหลุดรอดสายตาของฮวาชีเยว่ไปได้
ท่านหญิงิจูหลงใหลหนานอ๋องอยู่ แม้แต่องค์หญิงฮุ่ยหลิงเองก็ยังชอบหนานอ๋อง ดูท่าบุรุษรูปงามทรงเสน่ห์ผู้นี้จะเป็ตัวปัญหาเสียแล้ว
ชายชั่วช้าผู้นี้ถึงขนาดพยายามดึงให้ท่านหญิงิจูเกลียดนางเลยเชียว? ฮวาชีเยว่คิดว่าโจวจื่อเฉิงนั้นเป็ชายที่น่าชิงชังที่สุดเท่าที่นางเคยพบแล้ว แต่อวิ๋นสือโม่กลับดูฉลาดและไร้ยางอายเสียยิ่งกว่า!
“ท่านหญิงอย่าได้เข้าใจผิดไป มือของชีเยว่เจ็บอยู่ ท่านอ๋องจึงเสนอตัวช่วย” ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง “ท่านก็ทราบว่าท่านอ๋องชอบเทียนซี เขาจึงชอบข้าด้วย”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของท่านหญิงิจูจึงดีขึ้น ทว่าอวิ๋นสือโม่กลับมองฮวาชีเยว่อย่างรักใคร่แล้วกล่าว “จะลำบากอธิบายไปทำไม? ดื่มเพิ่มอีกสิ ดูร่างผอมแห้งที่ราวกับจะถูกลมพัดไปได้ทุกเมื่อของเ้าเถอะ ดื่มน้ำแกงเพิ่มแล้วทานให้มากขึ้นเสีย! หากเ้ามีน้ำมีนวลมากขึ้นจะเหมาะกว่า!”
อ๋องผู้ชั่วร้ายยิ้มอย่างหล่อเหลา เผยความอ่อนโยนในใจออกมาเต็มที่ ท่านหญิงิจูถึงกับนิ่งไปเพราะสิ่งนี้ผิดปกติชัดเจน!
นางไม่ได้โง่ และนางมองเห็นว่าอวิ๋นสือโม่ดูแลฮวาชีเยว่อย่างทะนุถนอมมากเพียงไหน จิตใจของนางเย็นเยือก ในดวงตาปรากฏแววเยียบเย็น ทว่า เพียงครู่เดียวก็หายไป
“คุณหนูฮวา ท่านอ๋องอ่อนโยนกับท่านเพียงนี้ ดื่มน้ำแกงเถอะ!"
ฮวาชีเยว่กำลังหัวเสียกับความมาดร้ายและความเหนือชั้นในการแสดงของอวิ๋นสือโม่ นางมองความเข้าใจผิดของท่านหญิงิจูอย่างโศกเศร้า แต่นางไม่อยากอธิบายอะไรแล้ว
เสี่ยวเอ้อร์ตักข้าว ท่านหญิงิจูทานอาหารอย่างสง่างาม มองอวิ๋นสือโม่บ้างเป็ครั้งคราว ในดวงตามีความคาดหวังเจือปน
ฮวาชีเยว่พยายามส่งความนัยว่านางไม่เกี่ยวข้องอันใดกับอวิ๋นสือโม่ ทว่าคนผู้นั้นกลับคอยเอาใจนางด้วยคำหวาน ปฏิบัติตัวอย่างอ่อนโยนแต่เอาใจใส่อยู่ไม่ขาด แม้ว่าการกระทำส่วนมากจะกระทำต่อเทียนซีก็ตาม หากท่านหญิงิจูกลับมองภาพนั้นในฐานะบิดาผู้กำลังดูแลบุตร อ่อนโยนและเอาใจใส่
รอยยิ้มของท่านหญิงิจูค่อยๆ คลายลง ราวกับบุปผาที่กำลังร่วงโรย
และแล้ววันนี้อวิ๋นสือโม่ก็สร้างศัตรูใหม่ให้ฮวาชีเยว่ได้สำเร็จ เป็ท่านหญิงิจูนั่นเอง
ในยามที่นางกำลังจะกลับ นางก็เห็นความเ็าในสายตาคู่นั้นอย่างชัดแจ้ง
ฮวาชีเยว่เข้าใจดีว่าจินอ๋องนั้นมิใช่คนธรรมดา และบุตรีของเขาอย่างท่านหญิงิจูก็เช่นกัน ทว่ายามนี้นางกลับถูกท่านหญิงรังเกียจเข้าเสียแล้ว
“แผนสูงเสียจริง อวิ๋นสือโม่ มาสร้างศัตรูเพิ่มให้ข้าแบบนี้ ท่านเรียกข้ามาเพื่อสิ่งนี้กระมัง” ฮวาชีเยว่เดือดดาลพลางถามอวิ๋นสือโม่อย่างเ็า
อวิ๋นสือโม่เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วมองใบหน้าพอใจของเทียนซี “แม่นางฮวา นั่นเป็วิธีขอบคุณข้าของเ้าหรือ?”
“หากท่านไม่เคารพข้า ข้าไม่จำเป็ต้องเคารพท่าน” ฮวาชีเยว่แค่นเสียงอย่างโกรธเคือง
แม้นางจะไม่ทราบระดับฝีมือของอวิ๋นสือโม่ หากนางทราบว่าเขาจะไม่สังหารนาง
“พูดออกมาได้!” อวิ๋นสือโม่เลิกคิ้วอย่างเ็า “ฮวาชีเยว่ เ้าบังอาจขึ้นทุกที”
ฮวาชีเยว่รักษาสีหน้าไร้อารมณ์เอาไว้ นางไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับอวิ๋นสือโม่ด้วยเื่เล็กน้อยเช่นนี้อีก “ท่านอ๋อง พูดความจริงออกมาเสีย แม้ข้าจะมีสถานะต้อยต่ำกว่าท่าน แต่เวลาของข้ามีค่ากว่าท่านนัก ท่านอ๋องทำให้ผู้อื่นเข้าใจชีเยว่ผิด สร้างศัตรูให้แก่ข้า! บุรุษเช่นท่านย่อมไม่คู่ควรให้ข้าเคารพ!”
“บังอาจ! กล้าดีอย่างไรพูดกับท่านอ๋องเช่นนี้!” ปิงอี่ผู้อยู่ข้างอวิ๋นสือโม่ะโขึ้นมา ทว่าอวิ๋นสือโม่โบกมือ ส่งสัญญาณให้เขาถอยไป
ปิงอี่จ้องฮวาชีเยว่ด้วยสายตาเ็า แม้จะถอยออกมาแล้วก้าวหนึ่ง แต่ความเยียบเย็นในสายตายังไม่จางหาย
เทียนซีลุกขึ้นแล้วจับมือฮวาชีเยว่ มองทั้งสองถกเถียงกันโดยที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“พูดสิ่งท่านคิดออกมาเสียเถอะ ท่านอ๋อง!” สีหน้าของฮวาชีเยว่มืดครึ้มขึ้น ความโเี้พลันเข้าแทนที่ “ข้ามีธุระรัดตัว ได้โปรดให้เกียรติข้า อย่าให้ข้าเสียเวลา!”
นางชิงชังคนเช่นโจวจื่อเฉิง ผู้มีภายนอกหล่อเหลา แต่ภายในอำมหิต นางไม่มีวันลืมว่าชาติก่อนนางเคยเ็ปเพียงใด
กระทั่งสีหน้าฮวาชีเยว่เปลี่ยนไปนี้เอง อวิ๋นสือโม่จึงได้ทราบว่าเขาทำเกินไปแล้ว เขาทำตัวดีกับฮวาชีเยว่อย่างไร้เหตุผลเพื่อให้องค์หญิงิจูเข้าใจผิดจนต้องยอมถอนตัวออกไป