“พระชายา พระชายา? ท่านมีแผนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
กระซิบถามเสียงเบาพ่อบ้านเติ้งจ้องมองหลินเมิ้งหยาที่กำลังสบถคำด่าอย่างมีความหวัง
“แผน?ข้ามีแผนที่ไหนกันเล่า! คนเราน่ะ ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้!” คำตอบของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของพ่อบ้านเติ้งแปลเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ปรากฏขึ้นในใจของเขาคือภาพเฉินโช่ว1นับหมื่นตัวกำลังพุ่งทะยาน
พระชายาพระองค์นี้ช่าง...ปลิ้นปล้อน!
“ผู้นำฉู่ ในเมื่อนายน้อยสั่งว่าให้จับตัวออกมาไม่ว่าเป็หรือตายถ้าเช่นนั้นพวกเราจุดไฟเผากันเลยเถอะ!”
ลูกน้องที่มีความฉลาดหลักแหลมเล็กน้อยเข้ามายืนข้างกายฉู่อันพลางออกกลอุบาย
ฉู่อันจับจ้องมองทางประตูบานนั้น ราวกับว่าเขากำลังลังเล
“โจมตีด้วยไฟ เ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือไม่? ฮึข้ายังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าก้อนหินสามารถละลายเพราะไฟได้!แต่ถึงแม้จะไหม้ได้ พวกเ้าก็คงรอไม่ไหวหรอกในเมื่อรู้เช่นนี้แล้วก็รีบไสหัวไปเสียจากนั้นนำตัวนายน้อยของพวกเ้ามาส่งให้ข้าเสียดีๆมิเช่นนั้นสาบานเลยว่าข้ากับเขาจะได้เห็นดีกัน!”
นี่เป็ครั้งแรกในชีวิตที่หลินเมิ้งหยาได้ใช้ทักษะแม่ค้าปากตลาดในการตอบโต้ผู้อื่น
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณตัวนางที่ออกไปซื้อของในตลาดเป็บางครั้งให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เหล่าแม่ค้าแม่ขายมักมีฝีปากชั้นเลิศในการด่าทอผู้อื่น
สามประโยคแรกทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกโกรธห้าประโยคต่อมาทำให้เสียสติจากนั้นห้านาทีต่อมาร่างกายซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องจักรก็จะะเิอีกครึ่งชั่วโมงความคิดที่มีต่อสรรพสิ่งจะเปลี่ยนไป
แม้บางคำพูดจะเถรตรงและหยาบคายจนเกินไปทว่าหลินเมิ้งหยากลับสามารถรักษาอาการเอาไว้ได้
ทว่าฉู่อันที่อยู่ด้านนอกไม่อาจทนได้อีกต่อไป สีหน้าถมึงทึงรังสีอำมหิตแผ่กระจาย นังผู้หญิงคนนี้บังอาจยิ่งนัก
“เข้ามาเตรียมน้ำมันและเชื้อเพลิงไว้ให้พร้อมแล้วเข้าไปเผาให้วอดวาย!”
ขณะเดียวกันหลินเมิ้งหยาะโลงจากเก้าอี้
“จะเผาใครกัน! อย่าลืมล่ะว่าพวกเ้าเองก็ยังอยู่ที่นี่ ถ้าหากจุดไฟเผาขึ้นมาแม้แต่พวกเ้าก็จะถูกเผาตายไปด้วย!” แม้จะพูดเช่นนี้ทว่านางกลับถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก
ขณะที่บรรดาผู้ชายอีกสี่คนกำลังตะลึงงันมือของนางฉีกเสื้อคลุมออกเป็เส้นๆ
“ฮึ เ้านอนรอความตายอยู่ที่นี่เถิด พวกเราไปได้!”เขาถูกหลินเมิ้งหยาทำให้โกรธมากจริงๆ ฉู่อันจึงพาลูกน้องส่วนใหญ่กลับออกไป
ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป หลินเมิ้งหยารีบร้องเรียกชายทั้งสี่เพื่อเกาะกันเป็กลุ่มก้อน
“พวกเ้าจงรีบถอดเสื้อผ้าออกเหมือนกับข้าเดี๋ยวนี้จากนั้นชุบน้ำและปิดช่องโหว่ของประตูให้สนิท”
เปลวเพลิง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือควันคืนนี้นางไม่มั่นใจหรอกว่าตนเองจะหนีออกไปได้ เพียงแค่นางต้องทำเื่ที่สมควรทำ
“พระชายา เกรงว่าจะไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”ชายทั้งสามหน้าตาน่าเกลียดกว่าหลินเมิ้งหยาทว่าหลินเมิ้งหยากลับร้องออกมาเพียงคำเดียว
“ถอด!”
ชายทั้งสี่รีบทำตามคำสั่ง กลิ่นเหม็นไหม้เริ่มลอยปะปนอยู่ในอากาศไม่นานเปลวเพลิงก็โหมกระหน่ำทั่วทั้งห้องที่สร้างจากหินแห่งนี้
“พระชายา อีกเดี๋ยวพวกเราจะทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อช่วยพระองค์ออกไปทันทีที่ออกไปได้ พระองค์จะต้องรีบกลับไปยังตำหนัก เมื่อถึงที่นั่นแล้วพระองค์จะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”พ่อบ้านเติ้งและองครักษ์อีกสามคนดันตัวหลินเมิ้งหยาไว้ทางด้านหลังเพื่อปกป้อง
ตอนนี้เขารู้ดีที่สุดว่านี่เป็แผนล่อเสือออกจากถ้ำของอีกฝ่ายมิรู้เลยว่าทางตำหนักมีสถานการณ์เช่นไร
“แม้ข้าจะออกจากที่นี่ไปได้ แต่พวกเ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมปล่อยให้ข้าหนีไปได้อย่างนั้นหรือ?”
จากนั้นนางก็มิต่างอะไรจากหมูที่กำลังนอนรอความตายอยู่บนเขียง
เปลวไฟเริ่มขยายออกเป็วงกว้างเหล่านักโทษที่ถูกคุมขังตัวในคุกล้วนถูกไฟแผดเผาก่อนเป็อันดับแรก
คนเ่าั้ต้องอยู่ท่ามกลางกองเพลิงโดยไร้ที่กำบังดังนั้นจึงยากที่จะเอาชีวิตรอดได้ จุดจบสุดท้ายจึงเป็ความตาย
อุณหภูมิเริ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆเสียงร้องโหยหวนของนักโทษดังออกมาไม่หยุด
“สาดน้ำลงบนพื้น พวกเราต้องก้มตัวให้ต่ำที่สุดห้ามสูดควันเข้าไปเป็อันขาด” หลินเมิ้งหยาไม่สนใจกิริยาท่าทางว่าจะงามหรือไม่นางฟุบตัวลงแนบพื้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาชีวิตรอด
ด้านนอกคุก เปลวเพลิงโหมกระหน่ำจนสามารถเห็นควันโขมงสีดำกำลังพวยพุ่งขึ้นฟ้า
“แย่แล้ว! ที่ว่าการเกิดไฟไหม้รีบไปเอาน้ำมาดับไฟเร็ว!” ยามแผดเสียงร้องไม่นานเหล่าผู้คนที่กำลังหลับใหลยามค่ำคืนก็ตื่นขึ้นและเร่งรุดเข้ามาดับไฟ
แต่ที่น่าแปลกก็คือประตูใหญ่ของที่ว่าการหยาเมินกลับปิดสนิทแม้พวกเขาจะร้องะโจนคอแห้งก็ไม่มีผู้ใดมาเปิดประตู
เศษผ้าชุบน้ำที่ถูกยัดเข้าไปในรูเริ่มถูกไฟไหม้
ควันเล็ดลอดเข้ามาภายใน อุณหภูมิบริเวณรอบๆ สูงมากขึ้นหลินเมิ้งหยารู้สึกได้ว่าคอของตนเองเริ่มแสบร้อน
คิดไม่ถึงเลยว่าแผนจับเต่าในไหของนางจะย้อนกลับมาทำลายชีวิตตนเองเช่นนี้
นี่นาง...จะตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?
ชายทั้งสี่ค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาประกบกายของหลินเมิ้งหยาเอาไว้
ควันและอุณหภูมิที่ร้อนมากขึ้นทำให้สติของหลินเมิ้งหยาเลือนรางพื้นที่เคยเปียกชื้นกลับร้อนฉ่าขึ้นมา
ประตูห้องหินไม่อาจทานทนต่อความร้อนที่กำลังโหมกระหน่ำสุดท้ายจึงยุบตัวลง
เปลวไฟสีแดงฉานจึงพวยพุ่งเข้ามาภายในห้องหิน
หลินเมิ้งหยาหัวเราะขมขื่น สุดท้ายนางก็ต้องหมดลมหายใจที่นี่
ไม่อยาก...จะยอมรับเลยจริงๆ!
ความร้อนและควันไฟถาโถมเข้ามาหาหลินเมิ้งหยา สติของนางหลุดลอยท่ามกลางความเลือนราง นางรู้สึกเสมือนตนเองได้กลับไปยังภพชาติที่แล้ว
ที่แห่งนั้นคือห้องทดลอง ทว่านางกลับนอนหลับตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงไม่ว่าหมอคนไหนต่างก็ไม่อาจช่วยชีวิตนางกลับมาได้
นางได้เห็นอาจารย์ ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเหล่านักเรียนต่างรู้สึกสิ้นหวัง จากนั้นร่างของนางก็ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว
ที่แท้ นางได้ตายไปจากภพชาตินี้แล้วจริงๆ
ตายไปพร้อมกับความเหงาและโดดเดี่ยว
ราวกับว่าความทรงจำทั้งหมดกำลังถูกลบออกนางมิใช่คนของโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว
ขณะที่กำลังตกตะลึง อยู่ๆ ร่างของนางก็สั่นไหวก่อนที่ความเ็ปจะแล่นพล่านเข้ามา
นางลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากทว่าสิ่งแรกที่ได้เห็นคือใบหน้าหน้าเปื้อนน้ำตาของป๋ายจื่อและหลินจงอวี้
“พวกเ้า...” เพียงส่งเสียงแหบแห้งออกมาได้สองคำความแสบร้อนพลันถาโถมเข้ามาที่ลำคอ นางใกับเสียงของตนเองเป็อย่างมากนี่หรือว่า...นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง?
“คุณหนู! ท่านตื่นแล้วจริงๆด้วย ฮือ ฮือ ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอท่านแล้วเสียอีก!”
ท่าทางของป๋ายจื่อเหมือนคนที่กำลังตื่นตระหนกน้ำหูน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายขณะโอบกอดหลินเมิ้งหยา
“เจ็บ...” หลินเมิ้งหยากลอกตา รู้สึกว่าป๋ายจื่อกำลังกดทับจุดที่โดนไฟลวกดังนั้นความเ็ปจึงแผ่กระจายไปทั่วร่าง
“ไอ้หยา คุณหนู ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่? เหตุใดจึงเหงื่อแตกพลั่กเช่นนี้?” ป๋ายจื่อที่กำลังร้องไห้โวยวายเสียงดัง มิได้สังเกตเห็นเลยว่าตนเองเป็ตัวการทำให้หลินเมิ้งหยาเหงื่อท่วมร่าง
“เ้า...” หลินเมิ้งหยาคิดอยากจะฆ่าป๋ายจื่อเสียจริง นี่นางเป็ฆาตกรหรืออย่างไร?ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมจึงทรมานตนเองเกือบตายเช่นนี้?
“พี่ป๋ายจื่อรีบลุกขึ้นเถิดพี่สาวพระชายากำลังถูกพี่ทับจนใกล้จะตายอยู่แล้ว!” เป็หลินจงอวี้ที่เข้าใจหัวอกของหลินเมิ้งหยาขณะเดียวกันเขารีบรั้งตัวป๋ายจื่อออกมาเพื่อช่วยชีวิตของพี่สาวเอาไว้
“ขอโทษเ้าค่ะคุณหนู ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ป๋ายจื่อแทบจะร้องไห้คุณหนูอุตส่าห์รอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้มาได้ แต่กลับจะตายเพราะน้ำมือของนางเอง
“พระชายา ดื่มน้ำเถิดเพคะ ท่านสลบไปนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วหมอหลวงต่างพูดว่าหากวันนี้พระองค์ยังไม่ฟื้นเกรงว่าจะต้องตระเตรียมงานศพแล้วล่ะเพคะ”น้าจื่นเยว่เข้ามาประคองหลินเมิ้งหยาที่ข้างเตียง ยกน้ำมาหนึ่งแก้วจากนั้นป้อนหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ในที่สุดพละกำลังของนางก็กลับมาเล็กน้อย
เจ็ดวันเจ็ดคืนทว่านางกลับอยู่ในภพชาติก่อนเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
“ข้า...ออกมาได้อย่างไร?” นางยังคงจดจำภาพเปลวไฟโหมกระหน่ำในสมองได้
จิ่นเยว่ยกถ้วยยาเข้ามา ก่อนจะเล่าเื่ที่ถูกช่วยเอาไว้ให้นางฟัง
ที่แท้เปลวเพลิงลุกลามไปกว่าครึ่งเมืองตอนที่ทหารองครักษ์ของจวนมาถึง คุกแห่งนั้นกลายเป็ทะเลเพลิงไปเสียแล้ว
ใน่เวลาวิกฤติ ท่านอ๋องมิสนใจคำทัดทานจากผู้ใด เขากระโจนเข้าไปในกองเพลิงสุดท้ายเขาช่วยมาได้เพียงหลินเมิ้งหยาและพ่อบ้านเติ้ง
ส่วนองครักษ์ผู้บริสุทธิ์ทั้งสามใช้ร่างกายกำบังร่างของทั้งสองคนเอาไว้ดังนั้นหลินเมิ้งหยาและพ่อบ้านเติ้งจึงยังมีลมหายใจอยู่ได้
“ที่แท้...ก็เป็แบบนี้” หัวเราะขมขื่นนางติดหนี้ชีวิตพวกเขาทั้งสาม
หากตนเองไม่อยู่ที่นั่นต่อแล้วละก็ บางทีทั้งสามอาจจะยังไม่ตาย
“เ้าอย่าโทษตัวเองไปเลย พวกเขาได้ทำในสิ่งที่สมควรกระทำ” อยู่ๆ เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นภายในห้องหลินเมิ้งหยาหันหน้าไปทางประตูด้วยความยากลำบาก ใบหน้าหล่อเหลาเ็า นอกจากหลงเทียนอวี้แล้วจะเป็ใครอื่นได้?
“ครอบครัวของพวกเขารู้ข่าวหรือยังเพคะ?” แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จักทว่าหลินเมิ้งหยาไม่มีวันลืมหนี้บุญคุณในครั้งนี้
“ได้รับการปลอบขวัญเรียบร้อยแล้วเปิ่นหวังจะทำให้พวกเขาไม่ต้องมีห่วงอีกต่อไป” หลงเทียนอวี้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงใบหน้าหล่อเหลานิ่งขรึม ไม่มีใครมองออกว่าเขารู้สึกเช่นไร
“พวกเ้าออกไปก่อน เปิ่นหวังมีเื่จะคุยกับพระชายา”
ภายในห้องจึงเหลือเพียงทั้งคู่
“ขอบพระทัยที่ช่วยชีวิตหม่อมฉันเพคะ” นอกจากทั้งสามคนนั้นหลินเมิ้งหยารู้สึกว่าตนเองควรเอ่ยคำขอบคุณเขา
“เปิ่นหวังมิได้ช่วยชีวิตเ้าเอาไว้เพื่อรอฟังคำขอบคุณหรอกปกติเปิ่นหวังไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์เอาไว้ข้างกายต่อจากนี้ไปเ้าจะเป็ลูกน้องของเปิ่นหวัง” ั์ตาของหลงเทียนอวี้เย็นะเือันที่จริงเหตุการณ์ในวันนั้นเปรียบเสมือนบททดสอบของหลินเมิ้งหยา
แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายแล้วคนเ่าั้จะอุกอาจถึงขั้นโจมตีจวนอวี้
“ท่านอ๋องรู้จักคนเ่าั้หรือเพคะ?” หลินเมิ้งหยาเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามหลงเทียนอวี้ด้วยความสงสัย
“หากคิดจะอยู่ข้างกายเปิ่นหวังถ้าเช่นนั้นเ้าจะต้องพบเจอกับความอันตรายมากมาย”ทั้งศึกภายในและภายนอกล้วนต้องประสบพบเจอทั้งหมด แม้หลินเมิ้งหยาจะฉลาดกว่าผู้อื่นแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็เพียงลูกสาวคนโตของตระกูลเื่บางเื่นางจึงยังมิเคยได้พบเจอ
“ข้ายัง...มีตัวเลือกอื่นหรือเพคะ?” หลินเมิ้งหยาส่งเสียงหัวเราะเบาๆทว่าสายตากลับมุ่งมั่น
*************************
1 เฉินโช่วคือสัตว์ในตำนาน