“วันนี้ข้าเหนื่อยแล้วถ้ามีเื่อะไรค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้ ใครก็ได้เข้ามา หักคางของเขาดึงกระดูกทั้งสี่แห่งให้หลุด ตอนกลางคืนเขาจะได้ไม่เอาหัวโขกกำแพงฆ่าตัวตายไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีอะไรให้เล่นอีก”
หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะหาวออกมาเบาๆ
ทว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกลับตื่นกลัวจนฉี่ราดแม้จะจ้องมองหลินเมิ้งหยา ทว่าสายตากลับสะท้อนภาพปีศาจจากนรก
องครักษ์ของจวนรีบลงมือตามคำสั่งเมื่อเสียงกระดูกหักดังขึ้น ร่างกายของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนไปราวกับเป็สัตว์อันไร้ซึ่งกระดูกสันหลังร่างของเขาขดอยู่ที่มุมหนึ่ง
“วันนี้เหนื่อยมากแล้วจริงๆ พวกเรากลับกันเถอะพวกเ้าจับตามองเขาเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้หนีไปได้ เข้าใจหรือไม่?”
ทิ้งองครักษ์ไว้ที่นี่สองคนเพื่อยืนเฝ้าหน้าประตูคุกของเด็กหนุ่ม
ทันทีที่ออกจากประตูคุกความเหนื่อยล้าถูกกำจัดออกไป หลินเมิ้งหยากลับมามีพละกำลังดังเดิม
นางหมุนตัว จากนั้นเข้าไปยังห้องขังอีกห้องหนึ่งองครักษ์สองคนที่อยู่ด้านในกำลังโยนเนื้อหมูเข้าเตาถ่าน
กลิ่นเนื้อไหม้ที่ทำให้เด็กหนุ่มกลัวจนฉี่ราดคือกลิ่นของเนื้อหมูเหล่านี้
“พระชายา!” เมื่อหลินเมิ้งหยาเข้ามาองครักษ์ทั้งสองจึงลุกขึ้นยืนถวายคำนับ
คนที่ตามหลินเมิ้งหยาเข้ามาล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึงองครักษ์ทั้งสองผงะ
“พระชายาฉลาดหลักแหลมยิ่งนักคิดไม่ถึงเลยว่าจะวางอุบายเอาไว้เพื่อให้เด็กคนนั้นพูดความจริงข้าน้อยเลื่อมใสยิ่งนัก” หลินขุยอดไม่ได้ที่จะถวายคำนับหลินเมิ้งหยาด้วยความเคารพนับถือการเอาชนะศัตรูโดยไม่เสียไพร่พลคือวิธีการรบที่ฉลาดที่สุด
พระชายามิได้เสียเืเนื้อแต่กลับทำให้หัวใจของศัตรูหวาดกลัว กลอุบายเช่นนี้น่าเลื่อมใสยิ่งนัก
“ไม่หรอก เมื่อยืนอยู่ด้านหน้านักรบอย่างพวกเ้าข้าก็เป็เพียงแมลงตัวจ้อยเท่านั้น คืนนี้พวกเราต้องเฝ้าระวังทั้งคืนเกรงว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ!”
ก่อนเดินทางออกจากตำหนัก พ่อบ้านเติ้งและหลินขุยถูกท่านอ๋องสั่งว่าให้เชื่อฟังคำสั่งพระชายา
อีกอย่าง กลอุบายของพระชายาเมื่อครู่ทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใสเหลือเกิน
แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่พระชายาพูดแต่เมื่อบอกให้พวกเขารอ ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็จะทำตามอย่างเคร่งครัด
“พระชายาขอรับพระองค์จะจัดการกับเ้าคนที่ปลอมตัวเป็สาวใช้คนนั้นอย่างไร?หรือจะข่มขู่ทำให้เขาหวาดกลัวดั่งเช่นเด็กหนุ่มผู้นั้น?” หลินขุยคิดไม่ออกเลยว่าพระชายายังจะมีวิธีการอันใดในการสั่งสอนคนผู้นั้น
“ไม่ต้อง ใช้การทรมานก็เพียงพอแล้วหาความจริงออกมาให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ฆ่าเขาทิ้งเสีย”
ก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง เขาไม่มีค่าพอที่จะใช้งาน
การที่ถูกส่งมาตายเช่นนี้นางเชื่อว่าเขาคงมิใช่สลักสำคัญอะไร ฉะนั้นจะตายก็ตายไปเถอะ
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”
หลินขุยรีบออกคำสั่ง ในเวลากลางคืนหลินเมิ้งหยาสั่งทุกคนว่าจะต้องระวังทุกย่างก้าวในการเข้าออกอีกทั้งพวกเขาต้องเปลี่ยนเป็เสื้อผ้าของผู้คุม
ทุกชั่วยามจะมีคนของนางปลอมตัวเป็ผู้คุมเข้าไปตรวจสอบห้องขัง
เด็กหนุ่มคนนั้นมิต่างอะไรจากหมาข้างถนนเขายังคงขดตัวอยู่ในมุมหนึ่ง
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่บนเก้าอี้และดื่มด่ำกับชาหอมที่ผู้ว่าการนำมาให้
“พระชายาขอรับ เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้วยังต้องรอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”พ่อบ้านเติ้งขมวดคิ้วเข้าหากัน พระชายาไม่กลับตำหนักทั้งคืนหากเื่นี้ถูกแพร่ข่าวออกไปจะมิใช่เื่ดี
“ใช่ พวกเ้าไม่จำเป็ต้องตื่นตระหนกแต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าผ่อนคลายจนเกินไป” หรือว่าค่ำคืนนี้จะผ่านไปอย่างสงบ?
หลินเมิ้งหยาไม่เชื่อ ฉะนั้นนางจึงยังคงรอ
เป็ไปตามคาด หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยามองครักษ์ของจวนอวี้รีบร้อนเข้ามารายงาน
รายงานว่ามีนักฆ่าจำนวนมากลอบเข้าไปยังพระตำหนักท่านอ๋องกำลังตกอยู่ในอันตราย
แต่ว่าองครักษ์ฝีมือดีล้วนถูกหลินเมิ้งหยาเลือกให้มาอยู่ที่นี่ดังนั้นเขาจึงมาขอความช่วยเหลือ
หลินเมิ้งหยาเหลือบมององครักษ์ที่มีเืท่วมตัวสุดท้ายนางพยักหน้าให้กับพ่อบ้านเติ้ง หรือว่านี่จะเป็แผนล่อเสือออกจากถ้ำเมื่อองครักษ์ไม่อยู่ พวกเขาจึงคิดจะเข้าไปทำร้ายท่านอ๋อง?
“พระชายา ถ้าเช่นนั้นท่านกลับไปกับพวกกระหม่อมดีกว่าหรือไม่?”
หลินขุยเรียกรวมพลองครักษ์สิบสามคนเพื่อเตรียมกลับตำหนัก
ทว่าเขาไม่วางใจที่จะปล่อยให้พระชายาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
แต่หลินเมิ้งหยากลับส่ายหน้า “อยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่าในจวนสู้พวกเ้ากลับไปจัดการนักฆ่าก่อนแล้วค่อยกลับมารับข้าจะดีกว่า”
หลินขุยครุ่นคิด ก่อนจะพาองครักษ์กลับไปยังจวน
ภายในห้องสอบสวนที่แออัดเมื่อครู่บัดนี้เหลือเพียงห้าหกคนเท่านั้น
หลินเมิ้งหยายังคงนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ทว่าดวงตากลับเผยให้เห็นถึงความกระวนกระวาย
“พระชายา ดูเหมือนด้านนอกจะมีคนมาหรือว่าพวกหลินขุย...”
พ่อบ้านเติ้งได้ยินเสียงฝีเท้าเขาคิดจะไปเปิดประตู ทว่าถูกหลินเมิ้งหยารั้งเอาไว้
นางส่งสัญญาณมือก่อนจะปีนขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วหรี่ตามองลอดผ่านรูเพื่อดูเหตุการณ์ทางด้านนอก
บนทางเดินผู้คุมคนหนึ่งเดินถือคบไฟไปทางห้องคุมขังของเด็กหนุ่ม
ซ้ายขวาไร้ซึ่งผู้คน เขาเปิดประตูแล้วพุ่งตัวเข้าไป
ไม่นาน ภายในคุกที่มืดมิดเสียงแผดร้องเพราะความเ็ปทรมานของเด็กหนุ่มดังออกมามุมปากของหลินเมิ้งหยาเผยให้เห็นรอยยิ้ม
ดูเหมือน...นางจะล่อเสือออกจากถ้ำได้สำเร็จ
“พระชายา ด้านนอกเกิดเหตุอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
พ่อบ้านเติ้งกดเสียงให้ต่ำลงแม้แต่เขาเองก็รู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติจากสีหน้าของพระชายาดูท่าแล้วด้านนอกจะต้องไม่ใช่พวกหลินขุยอย่างแน่นอน
“อีกเดี๋ยว หากมีใครมา ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด ห้ามส่งเสียงตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เข้าใจหรือไม่?”
พ่อบ้านเติ้งหยักหน้าลงขณะเดียวกันหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่เหลือ
ผลปรากฏว่าหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงเด็กหนุ่มที่ปล่อยให้ผู้อื่นทำร้ายโดยไม่ตอบโต้เดินออกมาจากห้องขัง
ทว่ารูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ก่อนเขามีใบหน้าหล่อเหลาทว่าตอนนี้กลับดูเย้ายวนน่าหลงใหล
ถูกต้อง เย้ายวนหรืออาจจะพูดได้ว่าเพียงใครได้มองเห็นเข้าก็จะรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้นที่เขาแสดงความขี้ขลาดออกมาจะเป็เพียงการเสแสร้งเท่านั้นแสดงเก่งยิ่งนัก อีกนิดเดียวนางก็เกือบถูกหลอกแล้ว
“ออกมาเถอะ ไม่ต้องซ่อนหรอกองครักษ์ของเ้าออกไปหมดแล้ว หากเ้ายอมออกมาแต่โดยดี ข้าจะไว้ชีวิตของเ้า” กระดูกของเขาถูกต่อกลับไปเรียบร้อยแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มกลับยังไม่คุ้นชิน
สีหน้าเคร่งขรึมราวกับมีแผนร้ายบางอย่างใบหน้าเย้ายวนของเขาซูบซีดจนน่าประหลาดใจ
หลินเมิ้งหยาไม่ได้โง่ หากนางตอบโต้กลับไปนางคงมิวายต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน!
“ไม่ออกมาอย่างนั้นหรือ? ข้าชอบเกมแมวจับหนูมากเป็พิเศษเ้าต้องซ่อนตัวให้ดี ข้า...จะไปจับตัวเ้าบัดเดี๋ยวนี้!”ภายใต้แสงไฟสลัว ฟันสีขาวสะอาดของเด็กหนุ่มเผยออกมาให้เห็น ทว่าท่าทางของเขาเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
หลินเมิ้งหยาค่อยๆ กลับมายืนด้านหน้าประตูตอนนี้ไม่จำเป็ต้องแอบดูอีกต่อไป เหตุเพราะเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้วางแผนหลบหนีนาง
สามารถแสดงละครได้อย่างแเีอีกทั้งยังอดทนต่อความเ็ปแสนสาหัส ตกลงแล้วเด็กหนุ่มผู้นี้เป็ใครกันแน่?
“ฉู่อัน ออกค้นหาทุกคน! เ้าจะต้องจับตัวสาวคนสวยผู้นั้นมาให้ได้จำเอาไว้...เหยีย1้านางที่ยังมีลมหายใจ!”
ชายผู้ซึ่งสวมใส่ชุดคุมโค้งคำนับจากนั้นเงาจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏออกมาภายใต้ความมืด
ตอนนี้เองที่หลินเมิ้งหยาฉุกคิดได้ว่าหนอนบ่อนไส้ที่นางกำลังตามหาแท้จริงแล้วเป็คนของที่ว่าการแห่งนี้
แน่นอนว่า แม้แต่ภายในตำหนักอวี้เองก็มีหนอนบ่อนไส้เช่นเดียวกัน
แต่คนที่รู้ว่านางออกมาที่หยาเมินอีกทั้งยังสร้างเื่พ่อลูกคู่นั้น แล้วไหนจะก่อความวุ่นวายบนถนนสุดท้ายยังสามารถส่งนักฆ่ามากมายเข้าไปยังตำหนัก
นอกจากคนของที่ว่าการแล้วดูเหมือนจะไม่มีความเป็ไปได้อื่นใดอีก
โชคดีที่นางลงกลอนประตูข้างในเอาไว้ ดังนั้นแม้ด้านนอกจะสังเกตเห็นแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องใช้เวลาราวชั่วโมงครึ่งกว่าจะเข้ามาได้
“นายน้อยขอรับ ค้นหาทั่วทุกแห่งแล้วทว่าไม่พบแม้แต่เงาของผู้หญิงคนนั้นขอรับ” เสียงของฉู่อันทุ้มต่ำทว่าน้ำเสียงแสดงให้เห็นถึงความเคารพนับถือเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่านายน้อยเลิกคิ้วขึ้นท่าทางของเขาเสมือนคนที่กำลังยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มก่อนจะหันมามองทางห้องที่หลินเมิ้งหยาซ่อนตัวอยู่
“เอาล่ะคนสวย เหยียจะไว้หน้าเ้า หากเ้ายังไม่ยอมออกมาเช่นนั้นเหยียก็จะไม่เกรงใจ!” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแฝงไว้ซึ่งอารมณ์หยอกเย้าราวกับกำลังเล่นสนุก
หลินเมิ้งหยาแอบในี่เด็กคนนี้กำลังล้อนางเล่นหรือนี่
แต่เขาคิดว่า...เขาจัดการนางได้อยู่หมัดแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ถ้าข้าไม่ออกไป เ้าจะทำอะไรข้าได้? เ้าเป็เหยียจากที่ใดกันหรือทั้งที่อายุยังน้อย แต่กลับทำตนเสมือนผู้ใหญ่” อยู่ๆ เสียงของหลินเมิ้งหยาก็ดังออกมาจากหน้าประตูทว่าน้ำเสียงของนางมิได้ไว้หน้าฝ่ายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
แต่เด็กหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้านเขาหัวเราะเสียงดังลั่นจนน้ำตาไหล
“ฮ่าๆ...แม่คนงามผู้นี้น่าสนใจจริงเชียวแม้เหยียจะดูเหมือนคนอายุยังน้อย แต่เหยียได้ฝึกฝนวิชาแห่งความเยาว์วัยฉะนั้นเมื่อเทียบกับเ้าแล้ว เหยียอาจเป็พ่อของเ้าได้ด้วยซ้ำ”
เสียงหัวเราะดังกังวานมากเป็พิเศษเมื่ออยู่ใน่เวลายามค่ำคืน
แต่หลินเมิ้งหยากลับรู้ดีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้รับมือได้ยากมาก
“ปากเ้าแทนตัวว่าเหยีย แล้วนี่ยังจะบอกว่าเป็พ่อข้าได้อีกเช่นนั้นแม้แต่ลูกชาย หลานชายเ้าก็คงเป็ได้หมด คิก คิก ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าเ้าจะมีความอดทนเช่นนี้”
เมื่อเทียบความฉลาดทางวาจาแล้วแม้แต่ตอนที่มีชีวิตอยู่ในชาติก่อนนางก็ไม่เคยกลัวผู้ใด!
“โอ้ เ้าเองก็มีวาจาฉลาดหลักแหลมเช่นกันนี่ตอนแรกเหยียคิดจะคุยกับเ้าดีๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะไร้เยื่อใยเช่นนี้ ฉู่อันเ้าจงพาเ้าพวกขยะเ่าั้ไปนำตัวนางออกมาจากกระดอง ไม่ว่าจะเป็หรือตายก็ช่าง”
“ขอรับ นายน้อย”เด็กหนุ่มหยักยิ้มอย่างมีความอดทน ก่อนจะเร้นกายหายเข้าไปในความมืด
หลินเมิ้งหยาจ้องมองฉู่อันผู้นั้นด้วยความสงสัยก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผลเพื่อหากลอุบาย
“นี่เป็คำสั่งของนายน้อย หากเ้ายังไม่ออกมาอย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
เมื่อเทียบกับเ้านายแล้วคำพูดของฉู่อันชัดเจนกว่ามาก ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมิได้ใส่ใจประตูบานนี้แข็งแรงยิ่งนัก สุดท้ายนางจึงตอบโต้อีกครั้ง
“กลับไปบอกนายน้อยของเ้าด้วยว่า...เขาเป็ตัวอะไรอย่างนั้นหรือ! ห้องที่ทำจากหินของข้านี้ไม่อาจถูกพังลงได้ด้วยหอกดาบหรือปลายธนูหากพวกเ้ามีความอดทนมากพอก็ลองพังมันเข้ามาสิ!”
พ่อบ้านเติ้งและทหารองครักษ์อีกสามคนล้วนขมวดคิ้วเข้าหากันขณะมองหน้าหลินเมิ้งหยาสายตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
พระชายา...เหตุใดจึงปากคอเราะรายเช่นนี้?นางมิเหมือนคุณหนูผู้ดีเลยแม้แต่น้อย
หรือพระชายายังมีแผนการอันใดซ่อนเอาไว้?
**********************
1 เหยียคือคำสรรพนามแทนตนเองของผู้สูงศักดิ์กว่า เช่น เ้านาย