“นาย...ฉัน...”
ซูหรงหรงอ้าปากค้าง น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอไม่สามารถสรรหาคำด่าออกมาได้เธอใช้มือทั้งทุบทั้งข่วนไปที่ตัวของเขา
“ฉันไม่อยากแต่งงานกับนาย!"
“หืม?"
จ้านอี้หยางเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับรวบมือทั้งสองข้างของซูหรงหรง
“เธออ่านและเข้าใจเนื้อหาในจดหมายนั่นแล้วใช่มั้ย"
“...”
ซูหรงหรงกัดฟันกรอด
เธออ่านจดหมายฉบับนั้นและทำความเข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเนื้อหาในจดหมายเขียนว่า:
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเลือกคู่จากงานนัดบอร์ดทุกท่านกรุณาจัดการแต่งงานเพื่อเป็สักขีพยาน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีความประสงค์จะแต่งงานอีกฝ่ายจะต้องจำยอมและแต่งงานกับอีกฝ่ายหากไม่ปฏิบัติดังกล่าวจะถือว่าเป็การขัดขืนต่อกฎระเบียบของกองทัพจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“เข้าใจแล้ว"
ซูหรงหรงสะอึกสะอื้น เธอกระทืบเท้าไปมาอย่างดื้อดึง
“แต่ฉันไม่อยากแต่งงานกับนายนี่นา"
จ้านอี้หยางจ้องไปที่เธอด้วยสายตาอันตรายเมื่อวานที่เธอไม่เห็นเขามีตัวตนเขาไม่ถือสาอะไร แต่วันนี้ยังจะกล้าปฏิเสธเขาอีก?
พอซูหรงหรงได้เห็นใบหน้าเชือดเฉือนของจ้านอี้หยางน้ำเสียงที่ใช้ในการพูดก็เปลี่ยนไปทันที
“พี่ชาย นายหน้าตาก็หล่อ จะต้องมีผู้หญิงสวยๆมาชอบนายเยอะแน่นอน ใช่แล้ว...นายจะต้องหาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันคนนี้ได้ชัวร์"
“ฉันไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว"
พอจ้านอี้หยางได้ยินคำว่า “พี่ชาย" หัวใจของเขาก็สั่นไหวราวกับเ้ากระต่ายน้อยได้เอื้อมมือมาหยิบและขโมยมันไปเสียแล้วครู่ต่อมาเขาก็เอ่ยถามเธอ
“ซูหรงหรงตอบฉันหน่อยสิว่าทำไมเธอถึงอยากไปงานนัดบอร์ดหาคู่?"
“เพื่อจะหาสามีทหารที่สูงยาวเข่าดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม"
ซูหรงหรงตอบกลับอย่างรวดเร็วคล่องแคล่วแต่เธอไม่ได้บอกความจริงว่าเธอ้าพาแฟนใหม่ไปเย้ยกู้แหยนเจ๋อ
“ฉันสูงพอมั้ย?"
ซูหรงหรงเงยหน้ามองเทียบความสูงของเธอกับเขา
“สูงมาก"
จ้านอี้หยางหรี่ตาอันแหลมคมของเขาลง ก่อนจะส่งสายตาพิฆาตไปหาเธอ
“แล้วฉันดูน่าเกรงขามพอมั้ย?"
ซูหรงหรงพยักหน้ารัวๆ
“พอสิ มากเกินไปด้วยซ้ำ"
“ซูหรงหรง!"
จ้านอี้หยางกระชากมือของเธอก่อนจะเอ่ยต่อ
“เธออยากหาผู้ชายตัวสูงและมีอำนาจแต่ตอนนี้พอเธอเจอแล้ว เธอกลับไม่พอใจ เธอยัง้าอะไรอีก...ห้ะ?"
ซูหรงหรงเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเธอตกหลุมพรางของจ้านอี้หยางเข้าอย่างเต็มเปาเธอส่งเสียงร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า พยายามที่จะดิ้นเอามือที่เขาจับไว้อยู่ออก
“แต่นายสูงเกินไป ดูน่าเกรงขามเกินไป"
ยังไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธจ้านอี้หยางได้เท่าเธอมาก่อนหน้าตาของเขาตอนนี้ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น เขาเอ่ยเสียงต่ำ
“เลิกไร้สาระได้แล้ว"
“แต่นายต้องสัญญากับฉันเื่นึง"
ซูหรงหรงอยู่ๆ ก็โพล่งประโยคเล่นแง่ขึ้นมา
“พี่ชาย สัญญากับฉันเถอะนะสัญญาเถอะนะคะ..."
จ้านอี้หยางเลิกคิ้วขึ้น สายตาของเขาสำรวจไปรอบๆเตียงนอนสีชมพูขนาดใหญ่ของซูหรงหรง เขาเผลอหลุดยิ้มที่มุมปาก
จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงที่มือจนซูหรงหรงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซถลา
“โอ๊ย"
ทั้งสองคนร้องออกมาพร้อมกัน ปรากฏว่าซูหรงหรงล้มลงไปนอนคร่อมบนตัวจ้านอี้หยาง!
ซูหรงหรงเวียนหัวจนลุกไม่ขึ้นผู้ชายตรงหน้าเธอกลับกลายเป็ผู้ที่ควบคุมสถานการณ์ได้ก่อน
“กรีดร้องมาครึ่งวันที่แท้นี่คือจุดประสงค์ของเธอใช่มั้ย"
“คือฉัน...ฉัน..."
ซูหรงหรงกะพริบตาถี่ๆเธอพูดอะไรไม่ออก
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนแรกก็ยืนอยู่ดีๆ แต่ทำไมอยู่ๆ ก็ล้มลงไปได้
เธอเหลือบมองจ้านอี้หยางสองรอบแม้แต่เขาที่เป็ทหารซึ่งมีร่างกายกำยำแข็งแรงยังล้มลง
เธอที่อาศัยอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปียังไม่เคยเจอเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลย
หรืออารมณ์ที่จ้านอี้หยางแสดงออกมาดูรุนแรงเกินไปจนทำให้สิ่งที่แฝงตัวอยู่ในห้องนี้กลัวเขากันแน่?
แหม หรือห้องนี้จะเล็กเกินไป
ขณะที่กำลังครุ่นคิด อยู่ๆแม่ของซูหรงหรงที่ในมือถือผลไม้ก็โผล่พรวดพราดเข้ามาพอเธอได้เห็นทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แถมมือของลูกสาวตัวเองยังจับแผงอกของลูกเขยไว้อีก
…ช่างเป็เื่ที่น่าใและน่ายินดีเสียจริงๆ
“ซูหรงหรง...นี่ลูกรุกผู้ชายอยู่เหรอ!? ...ทำต่อเถอะ ทำต่อไปเลย แม่สัญญาว่าจะไม่เข้ามากวนทั้งคู่แล้วจ้ะ ฮ่าๆ"
เมื่อพูดจบ แม่ของเธอหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะช่วยลงกลอนประตู
“ไม่ใช่นะคะ ...แม่...!"
ซูหรงหรงเอื้อมมือออกไปคว้าอากาศหน้าตาตอนนี้เหมือนคนที่จะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
จ้านอี้หยางแสดงท่าทีสงบเงียบเขาหรี่ตาเล็กลงก่อนจะเอ่ยกับซูหรงหรง
“ซูหรงหรง ที่แท้เธอก็จงใจนี่เอง"