“ก็ให้บอกว่าเพราะช่วยคนจึงลื่นล้มลง จากนั้นมีเืออก แล้วเชิญหมอหญิงจากสำนักแพทย์หลวงมาเป็พยาน...มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะปกป้องชื่อเสียงของเยียนเอ๋อร์เอาไว้ได้ ต่อไปรอให้เยียนเอ๋อร์อายุครบสิบห้าปีแล้วจึงค่อยให้นางออกเรือนไปอยู่เมืองเล็กๆ โดยไม่เรียกร้องเงื่อนไขใดๆ กับครอบครัวของอีกฝ่าย ขอเพียงมีความซื่อสัตย์และรู้หน้าที่ก็พอ” ด้วยเหตุนี้หลี่หยางซื่อจึงคิดถึงหลี่หลินขึ้นมา “น้องสาวของเ้าปีนี้อายุสิบหกปี รอให้เื่การแต่งงานของเ้าตกลงเรียบร้อยเสียก่อน จะต้องลงมือจัดการเื่ออกเรือนของนางแล้ว”
องค์หญิงฉางหนิงเป็คนจัดการทุกอย่างด้วยความเด็ดขาดและรวดเร็ว สาวใช้ทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหยางเยียนถูกขายออกไปอยู่ตามสถานที่ห่างไกล ส่วนบรรดาคุณหนูที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เื่ราวพรรค์นี้พวกนางย่อมมิออกไปพูดโพนทะนาอยู่แล้ว แต่องค์หญิงฉางหนิงก็ยังได้กำชับเป็นัยๆ อีกครั้งให้ด้วย
ท่ามกลางความไม่ยินยอมของครอบครัวสกุลหยาง เื่นี้จึงจบลงเช่นนี้ อย่างน้อยหลี่หยางซื่อเองคิดว่าได้จบลงแล้ว วันนี้นางไปเยี่ยมเยียนจวนกั๋วกงและเพื่อปรึกษาหารือเื่การหมั้นหมายระหว่างหลี่หงและิเจี๋ยเอ๋อร์
ด้วยเหตุที่บิดาของิเจี๋ยเอ๋อร์ต้องรอจนถึงเดือนสิบเอ็ดจึงจะย้ายกลับเข้ามาในเมืองหลวงได้ ดังนั้นการหมั้นหมายของหลี่หงและิเจี๋ยเอ๋อร์จึงกำหนดไว้หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้ให้วันเดือนปีเกิดเพื่อเลือกฤกษ์งามยามดี การแต่งงานจึงกำหนดไว้ในวันที่สิบแปดเดือนสิบสอง เมื่อถึงเวลานั้นครอบครัวสกุลหลี่ว์ได้มาถึงเมืองหลวงแล้ว ให้ิเจี๋ยเอ๋อร์แต่งออกจากครอบครัวสกุลหลี่ว์ที่อยู่ในเมืองหลวงจะเป็การสะดวกกว่า
และด้วยเหตุนี้ หลี่ว์ฮูหยินจึงไม่รีบร้อนกลับไปเซี่ยงโจว เพราะต้องหาซื้อเรือนในเมืองหลวง
หลังจากที่การแต่งงานของหลี่หงได้กำหนดขึ้นแน่นอนแล้ว หลี่หยางซื่อก็ดูผ่อนคลายลงมาก ดูไปแล้วราวกับเป็สาวขึ้นมาหลายปีทีเดียว นี่ก็คือที่เขาว่ากันว่า เมื่อมีเื่มงคลจิตใจก็ผ่องใส แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าเื่ของหยางเยียนจะยังไม่จบ
วันนี้หลี่หยางซื่อไปยังจวนสกุลหยางด้วยเหตุที่ว่าหยางเหล่าฮูหยินได้ทราบเื่ที่เกิดขึ้นกับหยางเยียนแล้ว นางถึงกับโมโหจนสิ้นสติไปในทันที
ณ จวนสกุลหยาง
“ท่านแม่เป็เช่นใดบ้างเ้าคะ?” หลี่หยางซื่อเดินเข้าไปในห้องของหยางเหล่าฮูหยินอย่างร้อนใจ หยางฮูหยินกำลังป้อนยาให้หยางเหล่าฮูหยินดื่ม
“ท่านหมอบอกว่าเพียงแค่โมโหจนเืลมตีกลับเท่านั้น ท่านแม่ฟื้นแล้ว เ้ามิต้องกังวล” หยางฮูหยินทำหน้าที่ป้อนยาพลางกล่าวปลอบโยนหลี่หยางซื่อ พร้อมกันนั้นก็ได้ให้ข้ารับใช้ออกไป จากนั้นหันกลับมาคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าหลี่หยางซื่อ
หลี่หยางซื่อรีบประคองหยางฮูหยินให้ลุกขึ้นมา “พี่สะใภ้ นี่ท่านกำลังทำอันใด?”
“อี้ผิง เ้าฟังพี่สะใภ้เ้าพูดให้จบก่อนเถิด” หยางเหล่าฮูหยินกล่าว แม้จะดื่มยาไปแล้ว ทว่าสีหน้ายังคงซีดเซียวยิ่งนัก มีความจำยอมปรากฏให้เห็นอยู่หลายส่วนบนใบหน้าของนาง แต่กลับต้องฝืนทนกล้ำกลืนลงไป
“น้องสาว ข้าขอร้องเ้า โปรดสงสารเวทนาหลานสาวของเ้า และก็เพื่อให้ท่านแม่วางใจ” หยางฮูหยินกล่าว
หลี่หยางซื่อขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้มีเื่อันใดก็ลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยพูดเถิด อีกอย่างคำพูดเหล่านี้ข้าฟังไม่เข้าใจ จวนองค์หญิงเป็ผู้ออกหน้าเื่ของเยียนเอ๋อร์ ลงมือปิดเื่ทุกอย่างไว้ให้อย่างเด็ดขาดแล้ว หรือว่ายังมีเื่อื่นใดที่้าให้ข้าช่วยหรือเ้าคะ” นางไม่เข้าใจจริงๆ
หยางฮูหยินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “น้องสาว เ้าคิดว่าการแต่งงานระหว่างเยียนเอ๋อร์และหงเอ๋อร์เป็เช่นใด?”
ชั่วขณะนั้นหลี่หยางซื่อรู้สึกเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นโครมใหญ่ ทำให้ตนนั้นหนาวเหน็บั้แ่หัวจรดปลายเท้า นางรักและเอ็นดูเยียนเอ๋อร์ผู้เป็หลานสาวนั้นเป็เื่หนึ่ง แต่หลานสาวขณะนี้เปรียบเสมือนหยกที่ไม่สมบูรณ์แล้ว ต้องแต่งนางเข้ามาให้นางรู้สึกผิดต่อบุตรชายของตนนั้นก็เป็อีกเื่หนึ่ง ไม่ว่ามารดาคนใดต่างก็เห็นแก่ตัวทั้งสิ้น เมื่อเยียนเอ๋อร์ยังเป็หยกที่สมบูรณ์ ไฉนพี่สะใภ้จึงไม่เคยคิดจะให้เยียนเอ๋อร์หมั้นหมายกับบุตรชายของนางเล่า? นี่มิใช่เป็การบอกอย่างโจ่งแจ้งหรือ ว่าในสายตาของพี่สะใภ้นั้นบุตรชายของนางมีค่าคู่ควรเพียงดอกไม้ที่มีตำหนิแล้ว?
“พี่สะใภ้ หงเอ๋อร์ได้หมั้นหมายแล้วเ้าค่ะ” หลี่หยางซื่อปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบลงแล้วจึงตอบ ขณะเดียวกันสายตาก็มองไปที่หยางเหล่าฮูหยิน จากสายตาของหยางเหล่าฮูหยิน หลี่หยางซื่อดูออกว่ามารดาของตนรู้เื่ที่พี่สะใภ้จะพูดกับตน
“น้องสาว นี่คือเ้าไม่เห็นเยียนเอ๋อร์อยู่ในสายตาใช่หรือไม่? เ้าพูดอยู่เสมอว่ารักและเอ็นดูเยียนเอ๋อร์ ไฉนต้องใช้ข้ออ้างเช่นนี้มาผลักไสข้าเล่า” ในหลายวันนี้หยางฮูหยินได้คิดเื่ราวต่างๆ มากมาย แม้ว่าเื่ของบุตรสาวจะไม่ได้ถูกเล่าขานออกไป แต่หากคิดจะออกเรือนไปกับคนดีๆ นั้นคงเป็ไปไม่ได้ แต่หากต้องให้แต่งออกไปไกลบ้านไกลเมืองไม่คุ้นเคยทั้งกับคนและสถานที่ นางก็ทำใจไม่ได้ ดังนั้นนางจึงคิดถึงหลี่หงขึ้นมา นางรู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ดี แต่เพื่อความสุขของบุตรสาว นางจึงต้องใช้วิธีหน้าหนาเช่นนี้เพื่อวิงวอนขอร้อง
และนางเองก็ไม่คิดว่าบุตรสาวของนางจะไม่คู่ควรกับหลี่หงประการใด ต่อให้ไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์แล้ว บุตรสาวของนางนั้นมีรูปร่างหน้าตางดงาม ความรู้ความสามารถก็ดี ยังสามารถหาชายหนุ่มปกติมาแต่งงานด้วยได้ ยังสามารถไปเป็หญิงสาวของขุนนางได้ ส่วนหลี่หงนั้นขาพิการ ตลอดชีวิตนี้ไม่สามารถรับราชการเป็ขุนนางได้ เมื่อเปรียบเทียบกันขึ้นมาเช่นนี้ หลี่หงมิได้เสียเปรียบอันใดเลย
“หงเอ๋อร์หมั้นหมายแล้วหรือ?” หยางเหล่าฮูหยินพูดขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย คนหนึ่งเป็หลานยาย อีกคนหนึ่งก็เป็หลานย่า ทั้งสองคนนางก็รัก หากว่าทั้งสองคนสามารถเป็คู่กันได้ หยางเหล่าฮูหยินย่อมต้องดีใจแน่นอน หลานสาวเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น มีเพียงคนกันเองเท่านั้นที่จะไม่ดูถูกและรังเกียจ