“ใช่แล้วเ้าค่ะ จงกั๋วกงฮูหยินเป็แม่สื่อ เป็หลานสาวของน้าหญิงจากครอบครัวมารดานางเ้าค่ะ เป็บุตรสาวของขุนนางเซี่ยงโจวจือโจว วันแต่งงานได้กำหนดไว้แล้ว เป็วันที่สิบแปดเดือนสิบสอง รอปลายเดือนสิบเอ็ดตำแหน่งจือโจวครบวาระก็จะกลับเข้ามาประจำการที่เมืองหลวงเ้าค่ะ” หลี่หยางซื่อตอบ
“ถือเป็การแต่งงานที่ดี” หยางเหล่าฮูหยินตกตะลึงเล็กน้อย “เคยพบแม่นางน้อยแล้วหรือ? อุปนิสัยเป็เช่นใด?”
“เคยพบแล้วเ้าค่ะ มีมารยาทและมีความรู้” หลี่หยางซื่อตอบ
“การแต่งงานของหงเอ๋อร์กำหนดไว้แล้วก็ดี...กำหนดไว้แล้วก็ดี” หยางเหล่าฮูหยินถอนใจโล่งอก แม้จะกล่าวว่าฝ่ามือก็เนื้อหลังมือก็เนื้อ แต่หากต้องให้หลานชายแต่งหลานสาวที่ไม่บริสุทธิ์ไปเป็ภรรยาเอก ถึงกระนั้นก็ยังคงเป็เื่ที่ไม่เหมาะสมอยู่นั่นเอง แม้จวนองค์หญิงจะกำราบเื่นี้เอาไว้แล้ว ทว่าสกุลหลี่นั้นมีฐานะเป็ถึงจวนโหว เื่เช่นนี้ผู้คนรู้อยู่แก่ใจนั้นมีไม่น้อย จวนโหวแต่งสะใภ้มีตำหนิเข้ามา หากถูกพูดออกไปมันช่างไม่น่าฟังยิ่งนัก หยางเหล่าฮูหยินตัดใจไม่ได้ที่จะทำผิดต่อหลานชายของตน
หลี่หยางซื่อเป็บุตรสาวคนเดียวของนาง นางจะทำใจให้ตนทำผิดต่อบุตรสาวของนางได้อย่างไร แต่สะใภ้คุกเข่าต่อหน้านาง นางเองไร้ซึ่งหนทาง
“สกุลหลี่ว์เป็การแต่งงานที่ดี เยียนเอ๋อร์ไม่ได้คิดจะไปแย่งกับคุณหนูหลี่ว์ แต่จะอย่างไรก็เป็น้องสาวฝ่ายมารดาของหงเอ๋อร์ ท่านแม่ น้องสาว เยียนเอ๋อร์ยอมถอยอีกก้าวหนึ่ง ให้รับเป็อนุเป็เช่นใดเ้าคะ?” หยางฮูหยินต่อรองอีก
“เหลวไหล” หยางเหล่าฮูหยินสีหน้าดำทะมึน “บุตรสาวสกุลหยางของข้าจะแต่งไปเป็อนุได้อย่างไรกัน? แม่นางน้อยดีๆ ที่ไหนจะแต่งไปเป็อนุบ้านลูกผู้พี่ของตน จะให้คนข้างนอกเขาคิดเช่นใดกัน?”
“แต่งไปบ้านน้องสาวจะทำให้เยียนเอ๋อร์ลำบากกระนั้นหรือเ้าคะ?” หยางฮูหยินคิดหลบหลีก “ท่านแม่ เื่ของเยียนเอ๋อร์นั้น สถานการณ์เช่นนี้มีความเป็ไปได้เพียงสามอย่าง หนึ่งคือไปบวชเป็ชี สองออกเรือนไปไกลบ้าน และสามคือแต่งออกไปเป็อนุ สองอย่างแรกนั้นพวกเราล้วนทำใจไม่ได้ ไปเป็อนุของหงเอ๋อร์ พวกเราต่างก็วางใจ”
“นี่มัน...”
“ข้าไม่มีวันเห็นด้วยหรอกเ้าค่ะ” หลี่หยางซื่อยืนกรานไม่เห็นด้วย “ิเจี๋ยเอ๋อร์ยังไม่ได้แต่งเข้ามา พี่สะใภ้ก็หาอนุให้หงเอ๋อร์ของข้า นี่มันเหตุผลเช่นใดกัน?”
“ข้าไม่รีบร้อน...ไม่รีบร้อน น้องสาวอย่าเข้าใจผิด” หยางฮูหยินรีบอธิบาย “รอให้ภรรยาของหงเอ๋อร์แต่งเข้ามาก่อน ครึ่งปีหรือหนึ่งปีหลังจากนั้นก็ได้ พูดขึ้นมาแล้วลูกพี่ลูกน้องรักกันก็เคยมี ถึงเวลานั้นผู้อื่นจะพูดอันใดได้?”
“ไม่ได้เ้าค่ะ” หลี่หยางซื่อยืนกรานหนักแน่น “ิเจี๋ยเอ๋อร์ไม่ได้ทำความผิดอันใด ข้าจะไม่มีวันบังคับให้หงเอ๋อร์รับอนุเด็ดขาด นอกเสียจากว่าิเจี๋ยเอ๋อร์ไม่สามารถมีบุตรได้ มิเช่นนั้นเื่การรับอนุเช่นนี้ข้าย่อมไม่คิดแน่ ชาตินี้ของข้าก็เท่านี้ ความปรารถนาเดียวของข้าคือความสุขในชีวิตหงเอ๋อร์และหลินเอ๋อร์ ต่อไปเมื่อไปพบหน้าเหล่าโหวเหฺย...พบพี่ซวี่ ข้าจะได้ไม่ผิดต่อเขา”
“น้องสาวพูดเช่นนี้ นี่คือดูถูกเยียนเอ๋อร์ใช่หรือไม่?” หยางฮูหยินถาม สีหน้าดำทะมึนลงจนไม่น่ามอง
“ไฉนพี่สะใภ้ต้องใช้คำพูดเช่นนี้มาทิ่มแทงใจข้า ข้านั้นรักและเอ็นดูเยียนเอ๋อร์ ถ้าหากว่าพี่สะใภ้และข้ามาเปลี่ยนฐานะกันจะพูดจาเช่นนี้ออกมาได้หรือไม่?” หลี่หยางซื่อถามกลับ การกระทำของหยางฮูหยินในวันนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นะเืไปทั้งหัวใจ “หากพี่สะใภ้้าพูดเช่นนี้ เมื่อครั้งเยียนเอ๋อร์ยังเป็หยกที่สมบูรณ์ ไฉนพี่สะใภ้จึงมิเคยคิดที่จะยกเยียนเอ๋อร์ให้หงเอ๋อร์เลยเล่า?”
“หุบปาก” เสียงของหยางฮูหยินแหลมปรี๊ดขึ้นมาทันที “พูดไปพูดมาน้องสาวก็ยังดูถูกเยียนเอ๋อร์อยู่นั่นเอง เยียนเอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้า...เยียนเอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้า...”
“พอได้แล้ว” หยางเหล่าฮูหยินเอ่ยด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
“ท่านแม่ เยียนเอ๋อร์เป็หลานสาวคนโตของท่านนะเ้าคะ ลูกสาวคนเดียวของสกุลหยางของเรา ท่านจะไม่รักไม่เอ็นดูนางเลยหรือ ต้องบีบคั้นให้นางไปบวชชีใช่หรือไม่? หยางฮูหยินถามด้วยน้ำตา
“หากว่าเ้าจะให้นางไปเป็อนุของหงเอ๋อร์ให้ได้ ข้ายอมให้นางไปเป็นางชีจะดีกว่า” หยางเหล่าฮูหยินพูดอย่างใจดำ เื่ที่นางพูดออกมาในวันนี้ทำให้ตนไม่มีหน้าจะมองหน้าลูกสาวนางอยู่แล้ว ยังดีที่หงเอ๋อร์มีคู่หมั้นคู่หมายไปแล้ว นางจะได้มีข้ออ้าง แต่ที่คิดไม่ถึงคือสะใภ้ยังคิดจะบีบบังคับต่อ “อี้ผิง เ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าเหนื่อยแล้ว”
“เ้าค่ะ” หลี่หยางซื่อมองไปที่หยางฮูหยินอีกครั้ง “พี่สะใภ้โปรดทำใจให้กว้าง ข้าขอตัวกลับจวนโหวก่อน”
หลังจากที่หลี่หยางซื่อออกมาจากจวนสกุลหยางแล้วนั้น สีหน้าของนางก็ย่ำแย่ยิ่งนัก กระทั่งจะปิดบังความรู้สึกก็ยังทำไม่ได้ หลังจากขึ้นรถม้าดวงตาทั้งคู่ของนางก็แดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาอย่างไร้ซุ่มเสียง