หลี่หยางซื่อใคร่ครวญดูแล้ว ตนเองอายุมากขึ้นทุกวัน หลี่ลั่วนั้นอายุน้อยเกินไป หลี่หลินต้องแต่งงานออกเรือนไป ระหว่างที่หลี่ลั่วยังไม่ได้ทำพิธีสวมกวาน ผู้นำครอบครัวของจวนโหวก็มีเพียงหลี่หงเท่านั้น ดังนั้นเื่ราวบางอย่างไม่สมควรจะปิดบังเขา “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็อยู่ฟังด้วยกัน...เ้าเล่าเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังเสีย คำพูดเมื่อสักครู่หมายความว่าอย่างไรกัน?”
ดังนั้น สาวใช้จึงเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดรอบหนึ่ง
เพียะ...หลี่หยางซื่อตบลงไปบนเก้าอี้อย่างแรงครั้งหนึ่ง “จวนองค์หญิงจะรังแกกันเกินไปแล้ว ไป ข้าจะกลับไปจวนสกุลหยางพร้อมกับเ้าเดี๋ยวนี้” ท่านแม่อายุมากแล้ว ท่านพ่อก็กำลังจะเกษียณและขอย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด มีเพียงคนเดียวที่ยังพอมีฐานะอยู่บ้างก็คือตัวนางเอง หากสามีของนางมิได้ตายไปในการสู้รบ ด้วยตำแหน่งของเขาที่อยู่เบื้องพระพักตร์ฝ่าา จะมีผู้ใดกล้าแตะต้องคนในครอบครัวมารดาของนาง? หลี่หยางซื่อครุ่นคิดถึงสถานการณ์ในยามนี้ของจวนโหวแล้วครุ่นคิดถึงเื่ที่หลานสาวต้องประสบพบเจอ ก็ยากนักที่จะควบคุมตนเองไม่ให้ดวงตาแดงก่ำ
“ท่านแม่...” หลี่หงฟังแล้วก็ให้รู้สึกโกรธกรุ่นอยู่ในใจ น้องสาว[1]เพิ่งจะอายุสิบสี่ปี ไฉนจึงต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้? อีกทั้งเื่พรรค์นี้ยังไม่สามารถพูดออกไปได้ มิเช่นนั้นน้องสาวคงได้แต่ไปบวชเป็ชีแน่แล้ว
“ข้าจะไปจวนสกุลหยางสักครั้ง คืนนี้อาจจะพักค้างคืนที่จวนสกุลหยาง เื่ในบ้านต้องยกให้เ้าดูแลแล้ว” หลี่หยางซื่อสั่งความกับหลี่หง
“ท่านแม่โปรดวางใจขอรับ”
หลี่หงกลับไปถึงเรือนของเขาด้วยสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก เมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เขาออกจากเรือนไปแล้วราวกับเป็คนละคนเลยทีเดียว อีกทั้งแต่ละก้าวที่เดินนั้นก็หนักหน่วงยิ่ง นี่ชัดเจนแล้วว่ามีเื่ในใจ หลี่ลั่วกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องของเขา เห็นเขาเป็เช่นนี้จึงถามไถ่ “พี่ใหญ่เป็อันใดไปขอรับ ทางมารดาเกิดเื่อันใดขึ้นใช่หรือไม่?”
หลี่หงรีบยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่มีเื่อันใด ไม่ใช่เื่ที่เด็กเล็กๆ เช่นเ้าต้องไปกังวล อย่าคิดมาก”
หลี่ลั่วเลิกคิ้ว แต่มิได้ถามต่อแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็หาวหวอด “พี่ใหญ่ ข้ากลับห้องพักผ่อนก่อนนะขอรับ”
“อืม” จิตใจของหลี่หงตอนนี้สับสนวุ่นวายนัก ไฉนจะมีใจอยู่เป็เพื่อนหลี่ลั่ว
ห้องของหลี่ลั่วอยู่ติดกับห้องของหลี่หง เมื่อก้าวเข้าไปในห้องเขาจึงร้องเรียกผิงอัน “พี่ใหญ่กลับมาจากเรือนหยวนเซ่อแล้วดูเหมือนจะมีความในใจ พี่ผิงอันรู้หรือไม่ว่าเรือนหยวนเซ่อเกิดเื่อันใดขึ้น?”
ผิงอันนั้นติดตามหลี่ลั่วตลอดเวลา แทบจะไม่ห่างแม้ครึ่งก้าว เมื่อยามที่หลี่ลั่วอยู่ในห้องของหลี่หงนั้น นางยืนปรนนิบัติอยู่หน้าประตู ไฉนเลยจะรู้ได้ว่าเกิดเื่อันใดขึ้น “บ่าวจะไปสอบถามดูเ้าค่ะ”
“ดี ไปเถิด” หลี่ลั่วก็มีเจตนาเดียวกัน หลังจากที่ผิงอันจากไป หลี่ลั่วจึงได้ให้ซินเป่าไปตามซินหมัวมัวมาพบ
“เสี่ยวโหวเหฺยมีเื่อันใดจะสั่งการหรือเ้าคะ?” ซินหมัวมัวถามด้วยสีหน้าเคารพนอบน้อม
“ไปสอบถามดูว่าวันนี้ที่เรือนหยวนเซ่อเกิดเื่อันใดขึ้น” หลี่ลั่วไม่ได้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถที่กำลังอ่านหนังสือ แม้กระทั่งหน้าก็ไม่ได้เงยขึ้น “ต่อไปไม่ว่าจะเกิดเื่อันใดขึ้นภายในจวนโหวล้วนต้องมาแจ้งแก่ข้า ต่อให้เป็เื่ของพวกเขาในอีกหลายเรือนนั้นก็ตาม”
“...เ้าค่ะ” แม้ซินหมัวมัวจะไม่เข้าใจถึงความคิดความอ่านของเสี่ยวโหวเหฺยในวัยห้าขวบท่านนี้ แต่เสี่ยวโหวเหฺยมีท่าทีสงบนิ่งเกินไป และมีพลังที่ยิ่งใหญ่เข้มแข็ง ดังนั้นนางจึงฉลาดที่จะไม่เอ่ยถามอันใด สำหรับความสงสัยส่วนตัวของนางนั้นนางค่อยๆ คิดก็พอแล้ว
ซินหมัวมัวมีความคิดเป็ของนางเอง ครอบครัวของนางและบุตรชายแม้ว่าจะเป็ครอบครัวที่ติดตามหลี่หยางซื่อเมื่อยามออกเรือนมานั้น แต่พวกเขาถูกแยกออกไปอยู่ที่หมู่บ้าน ดังนั้นในสายตาของหลี่หยางซื่อนางย่อมไม่มีความสำคัญเท่ากับจี้หมัวมัว และต่อไปจวนโหวนี้เป็ของเสี่ยวโหวเหฺย หลานชายของนางก็รับใช้เบื้องหน้าเสี่ยวโหวเหฺย ดังนั้นเส้นทางข้างหน้าต้องเลือกเช่นใด ใจของนางย่อมกระจ่างแจ้งกว่าผู้ใด
ผิงอันเป็หลานสาวของจี้หมัวมัว แม่ของนางคือภรรยาจี้ซิ่นและดูแลห้องครัวใหญ่ หากนาง้าสอบถามเื่ราวภายในเรือนหยวนเซ่อย่อมเป็เื่สะดวกที่สุด แต่เมื่อผิงอันสอบถามเื่ราวที่เรือนหยวนเซ่อแล้วกลับรู้สึกลังเลตัดสินใจไม่ได้ ดังนั้นจึงไปถามภรรยาจี้ซิ่น “ท่านแม่ ท่านว่าเื่ที่เสี่ยวโหวเหฺยให้ข้าไปสอบถามเื่ในเรือนหยวนเซ่อข้าควรจะทำเช่นใดดีเล่าเ้าคะ?”
“อยู่ดีๆ ไฉนเสี่ยวโหวเหฺยจึงให้เ้าไปสอบถามเื่ราวภายในเรือนหยวนเซ่อเล่า?” ภรรยาจี้ซิ่นถามกลับ เสี่ยวโหวเหฺยเพิ่งจะอายุห้าขวบ เด็กน้อยอายุห้าขวบก็เริ่มสืบเสาะเื่ราวในเรือนของมารดาใหญ่แล้ว สายตาจะกว้างไกลเกินไปแล้วหรือไม่?
“เป็เพราะวันนี้หลังคุณชายรองกลับมาจากเรือนหยวนเซ่อแล้วอารมณ์ไม่ดีเลย ดังนั้นเสี่ยวโหวเหฺยจึงให้ข้าไปสอบถามดูเ้าค่ะ” ผิงอันตอบ “ข้าสอบถามมาแล้วดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวพันกับจวนสกุลหยาง จิ้วฮูหยินของจวนสกุลหยางส่งคนมา เชิญเหล่าฮูหยินกลับไปจวนสกุลหยาง ท่านย่าก็ไปด้วยกันเ้าค่ะ”
จี้หมัวมัวและหลี่หยางซื่อนั้นออกไปอย่างรีบเร่ง ดังนั้นจึงไม่ได้กำชับสั่งความอะไรภรรยาจี้ซิ่น “ในเมื่อเสี่ยวโหวเหฺยเป็ห่วงคุณชายรอง เช่นนั้นเื่นี้เ้าก็บอกกับเสี่ยวโหวเหฺยได้ ผิงอัน เ้าต้องรู้ว่าพวกเราเป็คนที่เหล่าฮูหยินพามาจากจวนสกุลหยาง พวกเราเป็คนของเหล่าฮูหยิน ไม่ว่าต่อไปจวนโหวแห่งนี้จะเป็ของใคร ตำแหน่งของเหล่าฮูหยินนั้นมั่นคงแล้ว เ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ลูกกระจ่างแจ้งแล้วเ้าค่ะ”
หลังจากที่ผิงอันออกจากเรือนของภรรยาจี้ซิ่น นางก็ตรงไปรับอาหารเย็นของหลี่ลั่วมาจากห้องครัวใหญ่ ด้วยเหตุที่ทรัพย์สินกองกลางจวนโหวและทรัพย์สินกองกลางหลี่เหล่าไท่เหฺยนั้นแยกกัน ดังนั้นห้องครัวใหญ่ในยามปกติจึงมีงานค่อนข้างมาก
“เสี่ยวโหวเหฺย นี่เป็อาหารเย็นของท่านเ้าค่ะ บ่าวไปรับมาแล้ว” ผิงอันเปิดอาหารในปิ่นโตไปด้วยพลางพูดไปด้วย “ยามบ่ายที่เรือนหยวนเซ่อมิได้เกิดเื่อันใดขึ้น แต่จิ้วฮูหยินของจวนสกุลหยางส่งสาวใช้รุ่นใหญ่ของนางมา จากนั้นเหล่าฮูหยินและท่านย่าของบ่าวก็ไปจวนสกุลหยางด้วยกันเ้าค่ะ ส่วนที่จวนสกุลหยางเกิดเื่อันใดขึ้นนั้น บ่าวก็ไม่ทราบแล้วเ้าค่ะ เวลานั้นผู้ที่อยู่ในห้องมีเพียงเหล่าฮูหยินและคุณชายรอง”
อาหารในปิ่นโตช่างมากมายนัก ทั้งหมดมีกับข้าวห้าอย่าง มีผักสองอย่าง เนื้อสองอย่าง และน้ำแกงหนึ่งอย่าง
“จิ้วฮูหยินคือ?” หลี่ลั่วรู้จักแค่เพียงญาติบางคนของจวนโหว
“เป็สะใภ้ใหญ่ของครอบครัวมารดาเหล่าฮูหยินเ้าค่ะ” ผิงอันตอบ
หลี่ลั่วพยักหน้า “ออกไปได้”
“เ้าค่ะ”
ณ จวนสกุลหยาง
หยางเหล่าไท่ไท่สุขภาพไม่ค่อยดี ดังนั้นเื่บางเื่ในจวนสกุลหยางคนในเรือนสกุลหยางก็ปิดบังนางเอาไว้ เช่นเื่ที่เกิดขึ้นกับหยางเยียนในครั้งนี้ ทุกคนยิ่งมิกล้าที่จะบอกให้นางรู้
เมื่อหลี่หยางซื่อมาถึงจวนสกุลหยางนั้น หยางต้า[2]ฮ่านหลินและหยางเสี่ยว[3]ฮ่านหลินต่างก็ได้กลับมาจากศาลาผู้ว่าการแล้ว ฮ่านหลินทั้งสองของจวนสกุลหยาง ผู้หนึ่งรั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ อีกผู้หนึ่งรั้งตำแหน่งขุนนางขั้นห้า ดังนั้นสกุลหยางในรุ่นนี้ก็ถือว่าเป็ครอบครัวของผู้มีวิชาความรู้
“น้องสาว” เมื่อเห็นหลี่หยางซื่อ หยางฮูหยินก็ร่ำไห้ออกมา “น้องสาว เยียนเอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้าจะทำเช่นใด? ต่อจากนี้จะทำเช่นใด?” นางมีบุตรสาวเพียงคนเดียว เลี้ยงดูประคบประหงมมาราวกับของล้ำค่า ไฉนจึงต้องมาพบกับเื่เช่นนี้?
“พี่สะใภ้ใหญ่ วิธีการนั้นพวกเราต้องคิดออกมา ท่านอย่าเพิ่งร้องไห้” หลี่หยางซื่อปลอบโยนและมองไปที่บิดาและพี่ชาย “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ทางด้านจวนองค์หญิงฉางหนิงว่าอย่างไรบ้างเ้าคะ”
หยางต้าฮ่านหลินหน้ามืดครึ้มลง “เื่นี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของเยียนเอ๋อร์ หากเป็เื่อื่นสามารถรายงานเบื้องพระพักตร์ฝ่าา ต่อให้พ่อต้องสละชีวิตก็จะทวงมาซึ่งความยุติธรรม แต่...หากชื่อเสียงของเยียนเอ๋อร์ไม่มีแล้ว ความยุติธรรมที่ทวงมาได้จะมีประโยชน์อันใดเล่า”
“ท่านพ่อพูดมาย่อมมีเหตุผล แต่เ้าสิ่งของที่เปรียบไม่ได้แม้แต่สัตว์เดรัจฉานกล้าทำถึงเพียงนี้ จวนองค์หญิงจะไม่รับผิดชอบอันใดเลยหรือ?” หลี่หยางซื่อพูดอย่างโมโห
“ไม่ถึงกับไม่รับผิดชอบอันใด องค์หญิงฉางหนิงส่งคนมาที่นี่แล้ว” หยางฮูหยินกล่าว
“มาเกลี้ยกล่อมพวกเราหรือ?” หลี่หยางซื่อไม่คิดว่าองค์หญิงฉางหนิงจะยอมก้มหัวให้ด้วยเื่เช่นนี้ เป็ถึงองค์หญิง อำนาจของเชื้อพระวงศ์นั้นสูงส่งนัก
“ความหมายของฝ่ายนั้นคือราชบุตรเขยดื่มเหล้าเมามาย เื่นี้เป็ความผิดของจวนองค์หญิงจริงๆ แต่เื่ได้เกิดขึ้นแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเยียนเอ๋อร์นั้นไม่สามารถแก้ไขกลับคืนมาได้ หากว่าเื่นี้ถูกแพร่ออกไปย่อมไม่เป็ผลดีต่อพวกเรา ดังนั้น...ดังนั้น ความหมายขององค์หญิงก็คือไม่ว่าจะเป็ข้ารับใช้ในจวนองค์หญิงหรือคุณหนูคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ จะไม่มีการเอ่ยถึงเื่นี้” หยางฮูหยินพูดแล้วก็ร่ำไห้ขึ้นมาอีก “พูดว่าจะชดเชยให้พวกเรา แต่ความบริสุทธิ์ของเยียนเอ๋อร์ไม่มีแล้ว ต่อให้ชดเชยให้เรามากกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่า? แล้วเยียนเอ๋อร์...เยียนเอ๋อร์วันนี้ยังมาฆ่าตัวตาย”
“พี่สะใภ้ใหญ่...” หลี่หยางซื่อไม่รู้ว่าควรจะปลอบหยางฮูหยินเช่นใด ถูกต้องที่ว่าต่อให้ชดเชยมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ แต่เื่นี้ต้องจัดการอย่างเงียบที่สุดจึงจะทำร้ายเยียนเอ๋อร์ได้น้อยที่สุดเช่นกัน
วันถัดมา
เื่ที่เมื่อวานหลี่หยางซื่อมิได้กลับจวนโหวหนึ่งคืนนั้น ตอนเช้าหลี่ลั่วก็ทราบเื่แล้ว เป็ซินหมัวมัวที่แอบมาบอกกับเขา “บุตรีของจิ้วฮูหยินถูกราชบุตรเขยขององค์หญิงฉางหนิงข่มขืนหรือ?” หลี่ลั่วก็ตกตะลึงจริงๆ ในสมัยโบราณชื่อเสียงของหญิงสาวสำคัญพอๆ กับชีวิตเลยทีเดียว
“ใช่เ้าค่ะ” ซินหมัวมัวตอบ “เมื่อวานบ่าวสอบถามได้ความมาว่าหลังจากคนของจวนสกุลหยางมาแล้ว เหล่าฮูหยินและจี้หมัวมัวเดินทางไปจวนสกุลหยาง บ่าวเองก็เป็คนที่ออกมาจากจวนสกุลหยาง ย่อมรู้จักคนข้างในอยู่หลายคน ดังนั้นจึงไปสอบถามมาจนกระทั่งรู้เื่นี้ เื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นกะทันหันนัก กระโปรงของคุณหนูใหญ่สกุลหยางเต็มไปด้วยรอยเืขณะที่วิ่งกลับเข้าไปในจวน ข้ารับใช้ในจวนสกุลหยางต่างก็เห็นเ้าค่ะ”
“รู้แล้ว เ้าไปทำงานเถิด”
“เ้าค่ะ”
รอจนกระทั่งซินหมัวมัวออกไปแล้วซินเป่าจึงถามขึ้น “เสี่ยวโหวเหฺย ทำเช่นใดดีขอรับ?” ขณะที่ซินหมัวมัวรายงานเื่นี้นั้น ซินเป่าปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลี่ลั่ว ซินหมัวมัวอาจจะบอกเล่าเื่นี้กับซินเป่าเป็การส่วนตัวก็ได้ ดังนั้นหลี่ลั่วจึงมิได้ปิดบังซินเป่า
“อะไรคือทำเช่นใดดีเล่า?” หลี่ลั่วเลิกคิ้วและถามยิ้มๆ
“ก็เื่ที่เกิดขึ้นกับคุณหนูใหญ่สกุลหยางอย่างไรเล่าขอรับ นาง...”
“เื่ของนาง ย่อมต้องให้คนในครอบครัวนางไปวิตกกังวล เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราเล่า?” หลี่ลั่วพูดแล้วก็เดินออกจากเรือนไป อากาศยามเช้าด้านนอกสดใส หลี่ฉางเฉิงและหลี่ฉางสือสองพี่น้องมายืนเข้าเวรแต่เช้าแล้ว หลี่ลั่วมองเห็นท่ายืนของพวกเขาที่ตั้งตรงประดุจพู่กัน หลี่ลั่วกวักมือเรียก “ฝีมือของพวกท่านเป็ยังไงบ้าง?”
“ที่บ้านได้เชิญอาจารย์มาสอนพวกเราั้แ่ยังเล็กขอรับ” หลี่ฉางเฉิงตอบ ท่านพ่อได้กำชับเตือนเขาไว้แล้วว่าเสี่ยวโหวเหฺยไม่เหมือนคนทั่วไป ต้องปฏิบัติต่อเสี่ยวโหวเหฺยอย่างให้เกียรติ
ดวงตาหลี่ลั่วเป็ประกาย “ข้าเองก็อยากฝึกยุทธ์ ฉางเฉิงสอนข้าดีหรือไม่?”
หลี่ฉางเฉิงนั้นเริ่มฝึกยุทธ์ั้แ่อายุห้าขวบ มีพื้นฐานวรยุทธ์สิบปี สอนหลี่ลั่วนั้นถือว่าพอได้ “ล้วนฟังเสี่ยวโหวเหฺยขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี ซินเป่ามาเรียนด้วยกัน พี่ผิงอันให้พวกเขาเตรียมของว่างดีๆ มา”
“เ้าค่ะ”
ซินเป่านั้นเป็คนที่ไหวพริบดียิ่งนัก เสี่ยวโหวเหฺยให้เขาฝึกยุทธ์ด้วยกันนั้นย่อมเป็เพราะเห็นตนอยู่ในสายตา
หลังจากที่หลี่หยางซื่อกลับมาจากจวนสกุลหยาง สีหน้าของนางดูเหนื่อยล้ายิ่งนัก ความสัมพันธ์ของนางกับครอบครัวฝั่งมารดานั้นถือว่าดีมาก ท่านพ่อท่านแม่รักใคร่ปรองดอง มีเพียงพวกเขาพี่ชายน้องสาว และนางกับพี่สะใภ้เองก็เป็เพื่อนกันั้แ่วัยเยาว์ ดังนั้นเื่ของหยางเยียนจึงมีผลกระทบต่อจิตใจนางไม่น้อย
หลี่หงเมื่อได้ยินว่าหลี่หยางซื่อกลับมาแล้วจึงรีบเร่งไปเรือนหยวนเซ่อ
“ท่านแม่ เื่ของน้องสาวเป็อย่างไรบ้างขอรับ?” หลี่หงรีบถาม
หลี่หยางซื่อถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “สภาพของเยียนเอ๋อร์ย่ำแย่ยิ่งนัก และความยุติธรรมนี้เกรงว่าจะสิ้นหนทางทวงคืนมาให้นางแล้ว ความหมายของจวนองค์หญิงคือจะจัดการชดเชยให้เหมาะสม และยังจะออกหน้าเพื่อที่จะปิดบังเื่นี้”
“แล้วกับคนข้างนอกจะให้พูดเช่นใดเล่า?”
[1] น้องสาว (表妹) หรือ เปี่ยวเม่ย ในที่นี้หมายถึงญาติผู้น้องผู้หญิงที่เป็ญาติฝ่ายมารดา ลูกพี่ลูกน้องจากญาติฝ่ายมารดา จะขึ้นต้นด้วย “เปี่ยว” ทั้งหมด เช่น เปี่ยวเจี่ย, เปี่ยวเกอ, เปี่ยวตี้ ในที่นี้หมายถึงหยางเยียน
[2] หยางต้า (杨大) หมายถึง สกุลหยางผู้เป็บิดา ในที่นี้หมายถึงหยางถีเจิ้ง บิดาของหลี่หยางซื่อ
[3] หยางเสี่ยว (杨小) หมายถึง สกุลหยางผู้เป็บุตรชาย ในที่นี้หมายถึงพี่ชายของหลี่หยางซื่อ