จ้าวอี้และคนอื่นๆ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเห็นหลิวฉินล้มลงจากหน้าจอ พวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ คาดไม่ถึงว่าโศกนาฏกรรมเช่นนี้จะเกิดขึ้นจริง
หนึ่งขึ้นหนึ่งลง ย่อมพบกับพวกหลี่เยว่หรูเป็ธรรมดา
“จับพวกเขาไว้!”
จ้าวอี้ออกคำสั่ง ทันใดนั้น ตำรวจด้านหลังก็หยิบปืนพกออกมา แล้วเล็งไปที่หลี่เยว่หรูและพรรคพวก พวกเขาไม่กล้าประมาท ต้องรู้ไว้ว่า บอดี้การ์ดของหลี่เยว่หรูก็มีปืนเช่นกัน!
ท่าทางของหลี่เยว่หรูร้อนรนอย่างมาก พวกเธอไม่มีความกล้าพอที่จะต่อต้าน จึงถูกใส่กุญแจมืออย่างง่ายดาย
“ทิ้งคนไว้สองสามคนคอยเฝ้าระวัง คนที่เหลือกับฉันขึ้นไปช่วยคน”
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของหลิวฉิน หลิวฉินยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ข้างๆ เธอมีกระจกทองแดงเปื้อนเืตกอยู่ ซึ่งน่าจะเป็อาวุธสังหาร
จ้าวอี้ตรวจลมหายใจก่อน แต่กลับไม่มีลมหายใจ
“โทรแจ้งศูนย์ฉุกเฉิน”
จ้าวอี้เคยเรียนวิธีปฐมพยาบาลมาก่อน เขาจึงเริ่มปฐมพยาบาลทันที คนที่อยู่ข้างๆ คอยห้ามเืที่ส่วนหัวของหลิวฉิน
รถฉุกเฉินใช้เวลามาถึงที่นี่ประมาณห้านาที กล่าวได้ว่าค่อนข้างรวดเร็ว ทีมแพทย์เข้ามารับ่ต่อจากจ้าวอี้
พวกเขาปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปด้วย อีกด้านก็วางแผนจะส่งหลิวฉินส่งไปโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์พร้อมเพรียงกว่า แน่นอนว่าจ้าวอี้เห็นด้วยในจุดนี้
ในบทสนทนาของหลิวฉินกับหลี่เยว่หรูเมื่อครู่ จำนวนข้อมูลค่อนข้างมาก
สายตาของจ้าวอี้ตกอยู่ที่กระจกทองแดงบานนั้น เขารู้สึกคุ้นตากระจกทองแดงบานนี้เป็อย่างมาก มองอย่างละเอียดก็พบว่าเคยเห็นจริง ไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็กระจกทองแดงที่อยู่ในคดีฆาตกรรมคฤหาสน์ซีซาน กล่าวได้ว่าเหมือนกันราวกับแกะ
ในฐานะที่เป็วัตถุพยานชิ้นหนึ่ง จ้าวอี้นำมันใส่ไว้ในซองพลาสติกใส เขาคิดว่า มันบังเอิญเกินไปที่กระจกทองแดงจะมาปรากฏอยู่ที่นี่
บังเอิญเกินไป ไม่ใช่เื่บังเอิญ แต่เป็ปัจจัยที่ถูกสร้างขึ้น
เก็บหลักฐาน ถ่ายรูป ส่วนจ้าวอี้ก็กลับไปที่สถานีตำรวจเขตใต้
แน่นอนว่าฉือผิงฮุยก็ได้รับข่าว เขาจึงกลับมาเช่นกัน
“ไม่คิดเลยว่าหลี่เยว่หรูจะกล้าทำแบบนั้น เธอใจกล้าเกินไปแล้ว! ฆ่าคนแถมยังลงมือเองอีก แล้วตอนนี้หลิวฉินเป็ยังไงบ้าง?” ฉือผิงฮุยดูไม่อยากเชื่อ
ตอนนี้ หลี่เยว่หรูถูกคุมตัวอยู่ในห้องสอบปากคำ
“ข้อมูลที่ได้รับจากเครื่องดักฟังในตอนนั้น ผมคิดว่าน่าจะเป็อุบัติเหตุ ใจความที่พวกเธอคุยกันเกี่ยวข้องกับการตายของน้องชายหลี่ต้าเฮิงด้วย...”
จ้าวอี้สรุปใจความที่เขาได้ยิน ฉือผิงฮุยพยักหน้ารับเป็ครั้งคราว ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ จ้าวอี้จึงไม่ได้พูดถึงกระจกทองแดงเป็พิเศษ
“ในกรณีแบบนี้ เธออาจโดนกล่าวหาว่าฆ่าคนตายโดยประมาทก็ได้ หากมีทนายเจ๋งๆ สักคนมาช่วยแก้ต่างให้เธอ ตามกฎหมายแล้ว เธออาจไม่โดนตัดสินโทษขั้นรุนแรงก็เป็ได้” ด้วยประสบการณ์หลายปี ฉือผิงฮุยจึงสรุปคดีเช่นนี้
“ใช่ครับ ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ความยากในตอนนี้คือ สิ่งที่หลิวฉินพูดในตอนแรกเป็ความจริงหรือเปล่า? เธอเป็คนฆาตกรรมน้องชายของหลี่ต้าเฮิงจริงๆ เหรอ?”
จ้าวอี้สงสัยในจุดนี้ จากเครื่องดักฟัง หลิวฉินมั่นใจมากว่าเป็หลี่เยว่หรู จ้าวอี้ก็สงสัยเธอเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลิวฉินไปรู้ข้อมูลนี้มาจากที่ไหน
ความจริงแล้ว ตัวหลิวฉินมีข้อสงสัยเยอะมาก เพราะเห็นได้ชัดว่าเธอรู้ข้อมูลเชิงลึกมากมาย ด้วยสถานะหญิงสาวยากจนอย่างเธอแล้ว นี่ไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับเธอเลย
“พวกเราไปสอบสวนหลี่เยว่หรูกันก่อนดีกว่า ยืนยันเื่ที่เธอเป็ผู้ลงมือฆ่า”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฉือผิงฮุยก็ตัดสินใจทิ้งเื่นั้นไปชั่วคราว เขาค่อยๆ ทำทีละอย่าง
หลี่เยว่หรูนั่งพิงเก้าอี้ ดวงตาไร้ชีวิตชีวา ยังคงเห็นรอยเืติดอยู่บนหน้าของเธอ เส้นผมนุ่มสลวยของเธอพันกันยุ่งเหยิง เธอดูต่างจากเวลาปกติราวกับเป็คนละคน เมื่อเธอเห็นจ้าวอี้และคนอื่นเข้ามา เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย
“หลี่เยว่หรู เื่ที่ทำร้ายร่างกายหลิวฉินโดยเจตนา คุณมีอะไรจะคัดค้านไหม?”
ไม่มีการสอบปากคำจุกจิกอย่างชื่อและเพศ จ้าวอี้ตรงเข้าประเด็นหลักเลย
“ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายหรอกค่ะ ฉันทำร้ายเธอโดยไม่ตั้งใจ ฉันยินดีรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายหลังการรักษาทั้งหมดค่ะ” ในที่สุดหลี่เยว่หรูก็มีการตอบสนอง เธอเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น
จ้าวอี้คิดว่าถ้าหลี่เยว่หรูไม่ยอมรับอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาพร้อมจะวางไพ่ตายอย่างเครื่องดักฟังออกมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ต้องใช้มันแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อการสอบปากคำไร้ผล ผลลัพธ์ที่ย่อมดีกว่าอยู่บ้าง
“พวกคุณขัดแย้งเื่อะไรกันเหรอครับ? บอกผมทีสิครับว่าทำไม”
ได้ยินคำถามเช่นนี้ ใบหน้าของหลี่เยว่หรูก็แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา “มันด่าพ่อแม่แท้ๆ ของฉัน มันเป็เื่ปกติที่พวกเราจะทะเลาะกันนี่คะ ฉันเป็ลูก ต้องมาเผชิญหน้ากับการก่นด่าแบบนี้จะให้ฉันไม่สะทกสะท้านเลยหรือไงกันคะ?” เธอถามกลับในประโยคสุดท้าย ท่าทางของหลี่เยว่หรูดูไม่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
“ก่นด่า เพราะอะไรล่ะครับ? บอกเหตุผลมาสิ!”
“ฉันไม่อยากพูดค่ะ นี่เป็เื่ส่วนตัว”
“คำถามนี้ไม่ใช่ว่าคุณไม่อยากตอบก็ไม่ตอบนะครับ คุณหลี่เยว่หรู ผมขอพูดตรงๆ กับคุณเลยนะ คดีของคุณไม่ได้มีแค่นี้ ความจริงแล้วอาของคุณตายยังไงกันแน่! ทำไมหลิวฉินถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าคุณเป็คนฆ่าเขาล่ะ?” จ้าวอี้ว่าเสียงดัง ทำให้หลี่เยว่หรูใ
หลี่เยว่หรูตอบกลับรวดเร็ว “พวกคุณดักฟังฉันเหรอ?”
“พวกเราทำเพื่อปกป้องความปลอดภัยของหลิวฉินครับ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า เื่ไม่คาดฝันก็ยังเกิดขึ้นได้อีก”
จ้าวอี้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ถึงแม้จะมีแผนล่องูออกจากถ้ำ แต่ก็ทำเพื่อความปลอดภัยของหลิวฉินเช่นกัน
สีหน้าของหลี่เยว่หรูสงบลง “พวกคุณรู้ทุกอย่างอยู่แล้วนี่คะ จะให้ฉันตอบอะไรอีกล่ะ?”
“คุณจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะครับ มันเป็การแสดงออกถึงการรับผิดของคุณนะ ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากใช้เวลาอยู่ในคุกหลายปีหรอก” ฉือผิงฮุยกล่าวพลางหัวเราะ
ฮ่องกงไม่มีการลงโทษปะาชีวิต ในฐานะที่เป็เขตปกครองพิเศษ กฎหมายของที่นี่ก็พิเศษเช่นกัน
ใจของหลี่เยว่หรูสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าคำพูดเช่นนี้กดดันเธออยู่
“ถ้าพวกคุณอยากรู้ งั้นฉันจะเล่าให้ฟังค่ะ เื่มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ”
เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “แม่ของหลิวฉินน่าจะเป็แม่แท้ๆ ของฉันค่ะ เท่าที่ฉันรู้ ตอนพวกเราเกิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงสลับสถานะกัน ดังนั้นหลิวฉินเลยคิดว่าแม่แท้ๆ ของฉันจงใจ เธอก็เลยเกลียดชังฉันมาก ฉันเข้าใจจุดนี้ดี แต่ฉันก็ไม่ได้เห็นด้วย ฉันคิดว่าคงไม่มีแม่คนไหนอยากจากลูกแท้ๆ ของตนเองไปหรอกค่ะ”
หลี่เยว่หรูไม่เคยเจอแม่ของตัวเองมาก่อน เธอเต็มไปด้วยความโหยหาในคำว่าแม่
คำพูดนี้ จ้าวอี้เห็นด้วยอย่างมาก
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าเธอเป็ลูกสาวแท้ๆ ของหลี่ต้าเฮิง?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหนถึงติดต่อกับคุณอาของฉันได้ พอคุณอารู้เื่นี้ก็เอามาบอกคุณพ่อของฉันต่อ ตอนนั้นร่างกายของคุณพ่อก็แย่มากแล้ว อีกทั้งอยู่ใน่สำคัญที่ฉันเข้าไปรับ่ต่อในบริษัท เพราะอย่างนั้นคุณพ่อจึงไม่ยอมรับเธอในคราวแรก แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะ ว่านี่จะกลายเป็ฟ้าและคนไม่มีวันกันได้ ฉันคิดว่าในใจของคุณพ่อก็เต็มไปด้วยความเสียใจเหมือนกัน”
หลี่เยว่หรูเอ่ยอย่างไม่แน่ใจเท่าไรนัก
“โอ้? งั้นทำไมหลิวฉินถึงมั่นใจอย่างมากล่ะครับว่าคุณเป็คนฆ่าอาของคุณ ผมคิดว่าเธอต้องมีเหตุผลของเธออยู่นะ?”
ตอนที่คำพูดนี้ลอดผ่านเครื่องดักฟังมา น้ำเสียงของหลิวฉินมั่นใจมาก เหมือนมีเหตุผลรองรับอยู่
“ฮ่าๆ เธอคงคิดว่าคุณอาจะพิสูจน์ตัวตนของเธอ และฉันก็ฆ่าคุณอาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ประสบการณ์เธอยังน้อยเกินไป คุณพ่อก็เขียนพินัยกรรมไว้ตั้งนานแล้ว ฉันจะทำเื่เสียสติแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ? ไร้เหตุผลสิ้นดี!” หลี่เยว่หรูดูเหมือนจะรู้สึกขบขันมาก ร่องรอยการดูถูกฉายชัดอยู่ในดวงตาของเธอ
จากนั้น จ้าวอี้และฉือผิงฮุยก็สอบถามรายละเอียดอีกเล็กน้อย หลี่เยว่หรูอธิบายเหตุการณ์อย่างมีความสุข และไม่มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด
“หัวหน้าครับ ทนายของคุณหลี่เยว่หรูอยู่ด้านนอกครับ บอกว่าขอพบคุณหลี่เยว่หรู นอกจากนั้นก็มีคนมาขอประกันตัวทนายซ่งด้วย เอายังไงดีครับ?”
ฉือผิงฮุยครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยกับจ้าวอี้ “ถามคำถามไปพอสมควรแล้ว พวกเราพอเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน ผมจะไปพบทนายซ่งก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที”
“ให้ผมไปพบทนายซ่งกับคุณด้วยไหม?”
"ไม่ต้องหรอก อารมณ์ของเขาแย่มาก ผมมั่นใจว่าถ้าเขาเจอคุณ เขาต้องไม่ให้อภัยคุณแน่ ผมจะหาทางปลอบเขาเอง แล้วจะบอกให้เขาเลิกพูดจาซี้ซั้วในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ด้วย" ฉือผิงฮุยรีบห้ามและเอ่ยหยอกล้อ เมื่อทนายซ่งได้รับความพ่ายแพ้แบบนั้นไปแล้ว ไม่แน่ว่าในใจอาจมีกองไฟสุมอยู่ และคงจะดีกว่าถ้าไม่เติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟนั้น
จ้าวอี้พยักหน้ารับ
“คุณจ้าวครับ ในบ้านของหลิวฉิน เราพบของมีค่าและของใช้แบรนด์เนมจำนวนมาก นอกจากนี้ ในบ้านของซุนหงโปยังพบเงินสดจำนวนมาก จากการตรวจสอบ เป็ธนบัตรเก่าจำนวนสองล้านแปดแสน เป็ธนบัตรที่มีเลขไม่ต่อเนื่องกันครับ หาก้าสืบหาที่มาคงเป็ไปได้ยากครับ” เสี่ยวหลินได้รับรายงานใหม่ เขารีบมาแจ้งทันที
“หืม? ซุนหงโปดูจะเป็ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่สุดนะ น่าเสียดายที่เขาตายไปแล้ว พบอย่างอื่นอีกบ้างไหม เช่นปืนอะไรพวกนี้น่ะ? แล้วพวกของใช้แบรนด์เนมของหลิวฉินพอจะหาที่มาได้บ้างไหม?”
จ้าวอี้คิดว่าซุนหงโปมีแรงจูงใจในการฆาตกรรมอยู่เต็มเปี่ยม นั่นก็คือเพื่อเงิน
“ไม่เลยครับ นอกจากเงินสดแล้วก็ไม่เจออะไรที่สะดุดตาเลย ส่วนของใช้แบรนด์เนมของหลิวฉินทุกชิ้นมีใบรับรองและรหัสสินค้า พวกเราได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า แหล่งที่มาส่วนใหญ่มาจากฮาร์เบอร์ซิตี้1ในย่านจิมซาจุ่ย และผู้ที่จ่ายคือหลี่เทียนิ”
หลี่เทียนิ เมื่อชายคนนี้ปรากฏออกมา มันเกินความคาดหมายของจ้าวอี้ เขายังคิดอยู่เลยว่า ของใช้แบรนด์เนมพวกนั้นคือตัวแทนความละอายใจของหลี่ต้าเฮิง ดังนั้น เขาจึงชดเชยให้หลิวฉิน คาดไม่ถึงเลยว่าความจริงแล้วจะเป็เขาเอง
“หลิวฉินคนนี้สำคัญมาก พวกเราไปดูหลิวฉินที่โรงพยาบาลกันเถอะ หวังว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาได้นะ”
จ้าวอี้รู้สึกว่าหลิวฉินกุมเื่ราวมากมายที่พวกเขาไม่รู้เอาไว้ เพียงพริบตาเดียว คนคนนี้ก็กลายเป็บุคคลสำคัญขึ้นมา
ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล ก็ไปยังห้องที่หลิวฉินพักรักษาตัวอยู่ มีแพทย์มาอธิบายถึงอาการของหลิวฉินอย่างคร่าวๆ ให้ฟัง
“สมองของหลิวฉินได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักทีเดียว ตอนนี้เธอยังคงหมดสติอยู่ครับ แต่อาการของเธอโดยพื้นฐานแล้วคงที่ขึ้นมาก าแลึกพอสมควรเลยล่ะครับ ผมไม่ก็แน่ใจว่าจะมีผลกระทบตามมาหรือเปล่า พวกคุณจะเข้าไปเยี่ยมเธอในห้องผู้ป่วยก็ได้ แต่อย่าใช้เวลานานนะครับ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการพักผ่อนของผู้ป่วย”
นอกประตูห้องผู้ป่วยของหลิวฉินมีเ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ ซึ่งถือเป็เื่ปกติ
“หืม? ทำไมถึงมีคนอยู่ในห้องผู้ป่วยล่ะ?”
หลังมองผ่านหน้าต่างเข้าไป จ้าวอี้ก็พบว่ามีชายคนหนึ่งอยู่ในห้องผู้ป่วย ดูจากการแต่งกายของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แพทย์
“นั่นหลี่เทียนิครับ เขาบอกว่าหลิวฉินเป็น้องสาวของเขา ผมก็เลยปล่อยเขาเข้าไป” เ้าหน้าที่ตำรวจตอบอย่างวิตก มือล้วงกระเป๋าอย่างไม่รู้ตัว ขยับตัวไปมา ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรกันแน่
“คุณควรเข้าไปกับเขานะ” จ้าวอี้พูดประโยคนี้ออกมาแล้วผลักประตูเข้าไป
หลี่เทียนิเห็นจ้าวอี้เข้ามาก็พยักหน้าให้ ส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปคุยกัน
“ชีวิตของพี่สาวผมขมขื่นมาก ผมทำอะไรไม่ได้มากนัก การมาเยี่ยมก็เป็ที่เื่ที่สมควรทำเช่นกัน” หลี่เทียนิพูดพลางถอนหายใจ ทำให้จ้าวอี้มองเขาอย่างประหลาดใจ
“คุณรู้จักเธอั้แ่เมื่อไร?”
“พวกเรารู้จักกันสักพักแล้วครับ ั้แ่ผมรู้ตัวตนของเธอ ผมก็พยายามบอกพ่อ อยากให้ลุงยอมรับตัวตนของเธอ สภาพของเธอแย่มาก...”
----------------------------------
1 ฮาร์เบอร์ซิตี้ (Harbour City) ห้างสรรพสินค้าหรูขนาดใหญ่ของย่านจิมซาจุ่ยในเกาลูน