หลี่เยว่หรูมาด้วยตนเอง เกินความคาดหมายของจ้าวอี้ไม่น้อย
ในความคิดของเขา หลี่เยว่หรูอาจส่งคนมาก่อนล่วงหน้าแล้วทำในสิ่งที่ยากจะกล่าวได้ แต่เขากลับคาดไม่ถึงเลยว่า หลี่เยว่หรูจะมาด้วยตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ มันเกินความคาดหมายของจ้าวอี้อย่างสิ้นเชิง
“เตรียมตัวให้พร้อม!”
เส้นประสาทของจ้าวอี้และคนอื่นเริ่มตึงเครียด แม้พวกเขาจะไม่เชื่อว่าหลี่เยว่หรูจะทำเื่ไร้เหตุผลตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้ แต่ก็อดที่จะคอยคุ้มกันไว้ไม่ได้
“พอจะมีทางเข้าไปใกล้พวกเขาแล้วเอาเครื่องดักฟังไปติดบ้างไหม”
จ้าวอี้ชี้ไปที่หลี่เยว่หรู ซึ่งอยู่ในการคุ้มกันของกลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำสองสามคนข้างนอกหน้าต่าง หนึ่งในกลุ่มบอดี้การ์ดยังถือกล่องขนาดใหญ่ไว้ในมืออีกด้วย
ใบหน้าของเสี่ยวหลินเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ “ผมว่าจะยากนะครับ ถ้าพวกเราเตรียมการไว้ล่วงหน้า เราก็คงคิดหาวิธีได้อยู่หรอกครับ แต่ตอนนี้เวลามันกระชั้นชิดเกินไป แถมบอดี้การ์ดของเธอก็ผ่านการฝึกฝนมาเป็อย่างดีด้วย”
จ้าวอี้ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะมองไปที่หลี่เยว่หรูและคนอื่นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สมองของเขาเปล่งประกายความคิดบางอย่างขึ้น “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณไปที่ที่ทำการชุมชนแล้วหาคนที่พอจะคุ้นเคยกับหลิวฉินซะ จากนั้นก็แนะนำตัวกับอีกฝ่าย พอพวกเขาเข้าไปแล้ว คุณก็ค่อยตามเข้าไป เอาเครื่องดักฟังไปติดไว้ในห้องหลิวฉิน เื่คราวนี้ผมแสดงตัวไม่ได้ ผมกับหลี่เยว่หรูเคยเจอกันมาก่อน เราคงต้องพึ่งคุณแล้วล่ะ”
“ครับ!”
เสี่ยวหลินตอบรับในทันที และเลือกเสี่ยวจู เ้าหน้าที่ที่ไม่คุ้นหน้าออกมา สำหรับเสี่ยวหลินแล้ว ณ ตอนนี้เขาอยู่ข้างกายจ้าวอี้ตลอด ไม่อาจรับประกันได้ว่าหลี่เยว่หรูไม่เคยเจอเขามาก่อน
หลี่เยว่หรูผ่านทางเข้าตึกไปพร้อมกับพวกบอดี้การ์ด อีกสองนาทีให้หลัง เสี่ยวจูและชายชราคนหนึ่งก็รีบร้อนเข้าไปในตึกที่หลิวฉินอาศัยอยู่
ปังๆๆ!
“เสี่ยวฉินเอ้ย เปิดประตูหน่อย นี่ลุงเจิ้งของหนูเอง!”
ชายชราเคาะประตูอย่างไม่เกรงใจ ปากก็ะโเรียกชื่อหลิวฉินไปด้วย
ฉับพลันประตูถูกเปิดออก คนที่เปิดประตูคือหลิวฉินนั่นเอง
“โอ้ มีแขกเหรอ เสี่ยวฉินเอ้ย ไม่เป็ไรนะ?”
ลุงเจิ้งกวาดสายตามองเข้าไปในห้อง เห็นบอดี้การ์ดชุดดำสองสามคนกับหลี่เยว่หรูอยู่ในห้อง เขาก็ถามอย่างห่วงใยทันที ความห่วงใยนี้ไม่ใช่ของปลอม
หลิวฉินพยายามฝืนยิ้มออกมา “ไม่เป็ไรค่ะ ขอบคุณนะคะลุงเจิ้ง คนพวกนี้เป็เพื่อนของหนูเอง ลุงมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว! เข้าไปข้างในกันเถอะ ลุงมีเื่จะคุยกับหนูน่ะ”
ลุงเจิ้งเดินเข้าไปในห้องอย่างคุ้นเคย ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวหลิวฉิน เสี่ยวจูเดินตามหลังเข้าไปติดๆ
หลี่เยว่หรูขมวดคิ้วเล็กน้อย เพียงแต่มองเื่ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
“ลุงเจิ้งคะ ความจริงแล้ววันนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เอาอย่างนี้ละกัน ถ้าลุงมีเื่อะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ” หลิวฉินรินน้ำให้ทั้งสองคน พลางเอ่ยอย่างสุภาพ
“คืออย่างนี้นะ หนูก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว หนูน่าจะมีครอบครัวได้แล้วนะ พวกเราเลยเลือกผู้ชายดีๆ มาให้เธอคนหนึ่งล่ะ นี่คือเสี่ยวจู เขาเป็คนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา...”
เสี่ยวจูให้ความร่วมมือด้วยการยิ้มอย่างเขินอาย
“ลุงเจิ้งคะ วันนี้หนูไม่ว่างหรอกค่ะ เพราะงั้นพวกเราค่อยพูดเื่นี้กันทีหลังเถอะนะคะ พวกเพื่อนๆ ของหนูเขามาจากที่อื่น หนูคงละเลยพวกเขาไม่ได้ ไว้คราวหน้าพวกเราค่อยคุยกันนะคะ! ของพวกนี้ลุงเอากลับไปเถอะค่ะ”
“งั้นก็ได้ ส่วนผลไม้พวกนี้น่ะ เธอเก็บไว้เถอะ! เชื่อลุง” ลุงเจิ้งและเสี่ยวจูก็เดินจากไป
จ้าวอี้ที่อยู่ในรถปฏิบัติการสามารถมองเห็นภาพในห้องได้อย่างชัดเจน เสี่ยวจูฉลาดมาก ตอนที่เขาวางของขวัญเมื่อครู่ก็แอบนำเครื่องดักฟังไปติดไว้ใต้โต๊ะกาแฟ หากไม่สังเกตให้ดีๆ ก็ไม่มีทางหาพบอย่างแน่นอน
ในบ้านของหลิวฉิน
“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว หลิวฉิน ฉันคิดว่าเธอรู้จุดประสงค์ที่ฉันมานะ!” หลี่เยว่หรูนั่งลงอย่างสง่าผ่าเผย เธอนั่งในห้องเล็กๆ นี้อย่างใจเย็น
สีหน้าของหลิวฉินมืดมน เธอเอ่ยเสียงเย็น “ฉันไม่รู้ว่าแกหมายถึงอะไร! ในสายตาของฉัน พวกแกสองแม่ลูกเป็แค่คนหลอกลวง! เป็คนหลอกลวงน่าขยะแขยง อาศัยการหลอกลวงแย่งชิงชีวิตที่ฉันควรได้รับ แกคงสบายใจน่าดูเลยสินะ?”
จ้าวอี้ได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจน สมองของเขาพลันคิดอะไรขึ้นมามากมาย เมื่อได้ยินความหมายของประโยคนี้ ดูเหมือนว่าหลิวฉินจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง
หลี่เยว่หรูกัดฟันกรอด จ้องหน้าหลิวฉิน สูดลมหายใจลึกอยู่หลายครั้ง และบอกกับพวกบอดี้การ์ด “พวกนายออกไปก่อน ฉันมีเื่ต้องคุยกับคุณหลิวเป็การส่วนตัว”
ไม่นาน ในห้องก็เหลือเพียงพวกเธอสองคน
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมกับเขา แต่เขาเป็แม่เลี้ยงของเธอ เลี้ยงดูเธอจนโตมาถึงตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเธอควรจะมีความซาบซึ้งใจบ้างหรือไง?”
คำพูดของหลี่เยว่หรูทำให้หลิวฉินหัวเราะลั่น แฝงความบ้าคลั่งและโกรธเกรี้ยว!
“ซาบซึ้ง? ให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งเธอเหรอ! ฮ่าๆ...ฉันควรขอบคุณเธอจริงๆ นั่นแหละ ขอบคุณมากๆ! เดิมทีฉันควรมีชีวิตสุขสบาย ไร้ความกังวล แต่ฉันกลับต้องมาวิ่งวุ่นกับการทำงานเพื่อสิ่งจำเป็เจ็ดอย่างในทุกๆ เดือน ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่ของเธอ และเธอที่มาแย่งตำแหน่งของฉัน!”
หลิวฉินมองหลี่เยว่หรูอย่างเกลียดชัง
“เธอ! ไร้สาระสิ้นดี! ตอนนั้นฉันกับเธอเพิ่งเกิดเหมือนกัน แล้วจะเลือกชีวิตของตัวเองได้ยังไงกัน! ตอนนี้ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นไปแล้ว พวกเขาเสียชีวิตไปหมดแล้ว เธอยัง้าอะไรอีก! เธออยากให้คุณพ่อกลายเป็ตัวตลกของคนอื่นอีกหรือไง?”
หลี่เยว่หรูมองหลิวฉินด้วยความโมโห ก่อนจะถามเสียงดัง
“ตัวตลก? ตอนเขามีชีวิตอยู่ก็ไม่เห็นจะใส่ใจเื่พวกนี้เลยนี่นา พอเขาตายแล้ว ฉันก็แค่้าสิ่งที่ฉันควรได้เท่านั้น เขาก็ไม่ได้เป็คนดีอะไรนี่ หลังจากที่รู้เื่ของฉัน เขากลับเลือกที่จะแสร้งทำเป็ไม่รู้ ฮ่าๆ ฉันคิดว่าเขาจะดีใจถ้าเขารู้เื่! ฉันเข้าใจแล้ว ในสังคมแบบนี้ มีแค่เงินเท่านั้นที่เป็ความจริงที่สุด”
หลิวฉินมองหลี่เยว่หรูอย่างเย้ยหยัน
“เธอนี่เอง! ไม่แปลกใจเลยว่าคุณพ่อถึงรับรู้การมีอยู่ของเธอได้ทันที!”
หลี่เยว่หรูราวกับรู้แจ้งในทันที เธอมองหลิวฉินอย่างมุ่งร้ายเช่นกัน หลิวฉินก็จ้องเธอกลับอย่างไม่ยอมแสดงว่าตนอ่อนแอกว่า
ท้ายที่สุด หลี่เยว่หรูจึงคิดบางอย่างออก “เธอ้าแค่เงินไม่ใช่เหรอ? เอาสิ เธอบอกมาเลยดีกว่า ว่าเธอ้าเงินเท่าไรถึงจะเลิกทำตัวสร้างกระแสสักที?”
“สร้างกระแสเหรอ? ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น ฉันไม่้าอะไรมากเลย ฉันแค่้าสิ่งที่ฉันควรจะได้เท่านั้นเอง!” หลิวฉินตอบอย่างเ็า
หลี่เยว่หรูพยายามยกกระเป๋าเอกสารที่นำมาด้วยวางลงบนโต๊ะกาแฟ ซึ่งมันทนรับน้ำหนักไม่ไหวจนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด “มีเงินสดสองล้านอยู่ในนี้ ถ้าเธอตกลง เงินก้อนนี้จะเป็ของเธอทันที กระทั่งจะให้ฉันจ่ายค่าครองชีพของเธอปีละสองล้านทุกปีก็ยังได้ แค่เธอตอบตกลงเท่านั้น”
หากพูดแบบปากเปล่า เงินสองล้านหยวนก็เป็เพียงตัวเลข แต่เมื่อเปลี่ยนเป็เงินสดและวางอยู่ตรงหน้า ผลกระทบเช่นนี้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
ธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนหนึ่งใบหนัก 1.15 กรัม ธนบัตรหนึ่งหมื่นใบรวมเป็เงินหนึ่งล้าน มีน้ำหนัก 11.5 กิโลกรัม สองล้านก็เป็ 23 กิโลกรัม ให้ผู้หญิงยกคงต้องใช้กำลังอย่างมาก
แน่นอนว่าหลิวฉินไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
ลมหายใจของเธอหนักขึ้นอย่างชัดเจน แต่ทันใดนั้นเอง หลิวฉินก็สงบลงอีกครั้ง
“ฮ่าๆ เธอคิดจะซื้อฉันงั้นเหรอ? มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ด้วยตัวตนของฉัน แล้วยังใช้เงินของฉันมาซื้อฉันอีก น่าขำสิ้นดี!”
“งั้นเธอคิดจะทำอะไรกันแน่? บอกฉันมาตามตรงเลยนะ!” หลี่เยว่หรูมองท่าทางของหลิวฉิน ไม่พอใจอยู่บ้าง
“ฉันไม่ใช่คนหลอกลวงเหมือนพวกเธอสองแม่ลูก ฉันแค่้าสิ่งที่ฉันควรจะได้เท่านั้น! ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ มันเป็ของฉัน หุ้นส่วน เงินปันผล กิจการของตระกูลหลี่ ฉัน้ามันทั้งหมด! สิ่งที่ไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่้าเลยสักนิด!”
คำพูดยืนยันของหลิวฉินนั้นเด็ดขาด ในความคิดของเธอ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะตอบตกลง ตระกูลหลี่มีมรดกมากมายขนาดนั้น แต่คิดจะให้เงินเธอสองล้านหยวนต่อปี ไม่ใช่ว่าเป็การขอทานหรอกหรือ?
“ไม่มีทาง!”
หลี่เยว่หรูถูกหลิวฉินทำให้ใ เธอปฏิเสธทันที
หลิวฉินไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเ็า ราวกับทุกอย่างอยู่ในความคิดของเธอ
“เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจะเพิ่มให้เธออีกหนึ่งล้าน ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เธอลองคิดดูก็แล้วกัน” หลี่เยว่หรูหนวดหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด มันถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว กิจการอาหารของตระกูลหลี่ห่างไกลจากความงดงามที่เห็นจากภายนอก
“ไม่มีทาง! ฉันไม่ยอมตกลงหรอก” หลิวฉินปฏิเสธทันที
“ตามใจเธอละกัน! ถ้าเธอไม่ตกลง งั้นเราก็ทำได้แค่ไปเจอกันในชั้นศาล ฉันจะบอกเธอให้นะ แม้แต่เงินสักก้อนก็อย่าหวังจะได้ไป”
หลี่เยว่หรูไร้ความปรานี ถ้าการเจรจาส่วนตัวล้มเหลว ก็ต้องไปเจอของจริงกันในชั้นศาล! นี่คือแผนของเธอ
“ฮ่าๆ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้เธอตกที่นั่งลำบากอยู่นี่ ฆ่าอาด้วยมือของตัวเองแล้วไม่รู้สึกดีบ้างเหรอ? ตำรวจพุ่งเป้าไปที่เธอ เื่ของเธอคงถูกเปิดเผยเร็วๆ นี้แน่ ทำไมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ เพราะยังไงเธอก็เป็คนเริ่มนี่!” ท่าทางของหลิวฉินเปลี่ยนไปทันที
"แก! อาของฉันฆ่าตัวตาย! ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันสักนิด...ทำไมฉันต้องมาอธิบายเื่พวกนี้กับแกด้วย! แล้วแกรู้เื่พวกนี้ได้ยังไง?"
“ฮ่าๆ เธอเสแสร้งเก่งจริงๆ! เธอคิดว่าตำรวจจะโง่ขนาดหาเบาะแสไม่เจอหรือไง ถ้าหาเบาะแสไม่เจอแล้วพวกเขาจะมาเพ่งเล็งเธอทำไม? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่า เขารู้เื่ที่เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพี่ชายเขา แล้วเธอจะวางยาเขาแบบนี้ทำไม? ถ้าเทียบกับเธอแล้ว ฉันนี่เป็คนดีสุดๆ เลยล่ะ! ส่วนเธอก็เป็ผู้หญิงที่โเี้ที่สุด โเี้ยิ่งกว่าแม่ของเธอเป็ร้อยเท่า เพื่อปิดบังความจริง เธอถึงกับต้องฆ่าคนปิดปาก! เธอคิดจะฆ่าฉันด้วยใช่ไหมล่ะ?” หลิวฉินมองหลี่เยว่หรูอย่างดูถูก
“ฉันจะไปทำเื่แบบนั้นได้ยังไง! ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ฉัน!”
หลี่เยว่หรูตวาดเสียงแหลม เธอยกมือปิดหู ไม่อยากได้ยินคำพูดของหลิวฉิน
“ฮ่าๆ ต่อให้ฉันไม่พูดอะไร มันก็เปลี่ยนความจริงที่ฉันพูดไม่ได้หรอก เธอก็เหมือนแม่ของเธอนั่นแหละ มีความชั่วร้ายสกปรกไหลเวียนอยู่ในสายเื! เธอต้องตกนรกพร้อมกับแม่ของเธอแน่ๆ” หลิวฉินไม่รังเกียจที่จะใช้คำพูดโหดร้ายโจมตีผู้หญิงที่มีอายุเท่ากันกับเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นหลี่เยว่หรูใกล้จะร้องไห้ออกมา ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีที่ได้แก้แค้น!
“บอกฉันมา บอกฉันมานะ แม่ตายได้ยังไง? แกฆ่าแม่ฉันเหรอ ทำไมแกถึงโเี้ขนาดนี้? ยังไงเธอก็เลี้ยงแกมาตั้งยี่สิบกว่าปีเลยนะ!”
ใบหน้างดงามของหลี่เยว่หรูค่อนข้างดุร้าย เธอขยับเข้ามาใกล้หลิวฉินเรื่อยๆ แล้วเอ่ยขึ้น
หลิวฉินถอยหลังไปสองก้าวอย่างตื่นตระหนก แต่ปากก็ยังโต้ตอบ “ตำรวจไม่ได้ให้สรุปคดีไปแล้วหรอกหรือ? เธอลื่นล้ม ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย นังนั่นมันบ้า! จะทำอะไรลงไปบ้างก็ไม่แปลก ฉันทำงานหนักอยู่ทุกวันไม่พอ ยังต้องทำอาหารให้มันอีก!”
“เธอโกหก!”
ท่าทางของหลี่เยว่หรูบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย พอเธอผลักหลิวฉิน เธอก็กรีดร้องเสียงแหลม “ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก นังจิ้งจอกตาขาว!”
เพี้ยะๆๆๆ!
หญิงสาวสองคนลงไม้ลงมือกันอยู่ในห้อง จิกผมจิกหน้าอีกฝ่าย ทำทุกวิถีทาง พริบตาในห้องก็วุ่นวาย
หลี่เยว่หรูที่ใช้ชีวิตหรูหราย่อมมีร่างกายไม่แข็งแรงเท่าหลิวฉินที่ทำงานหนักมาทั้งปี การตบตีเช่นนี้ เธอจึงค่อยๆ ตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ!
ตอนนี้เอง เหล่าบอดี้การ์ดที่ได้ยินเสียงวุ่นวายก็รีบเข้ามา
แต่หลิวฉินแข็งแกร่งจริงๆ!
มือของเธอกำผมของหลี่เยว่หรูไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างยังคงตบหน้าหลี่เยว่หรูไม่หยุด ปากก็ก่นด่า “ฉันจะฆ่าแกนังหัวขโมย! พวกแกมันพวกหัวขโมย!”
เหล่าบอดี้การ์ดเริ่มเคลื่อนไหว เข้าไปคว้าแขนของหลิวฉินไว้ ไม่ให้เธอขยับตัว
“ให้ฉันฆ่ามัน! ให้ฉันฆ่ามัน!”
หลี่เยว่หรูกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่พวกบอดี้การ์ดกลับไม่ขยับ พวกเขาเป็เพียงบอดี้การ์ดไม่ใช่อันธพาล โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้ว่าจ้างไร้เหตุผล พวกเขาจึงไม่อาจปฏิบัติตามคำสั่งของเธอได้ นี่ก็เป็คุณสมบัติของบอดี้การ์ดมืออาชีพด้วยเช่นกัน
หลี่เยว่หรูที่กำลังร้อนรนหยิบของบางอย่างขึ้นมา และทุบลงไปที่ศีรษะของหลิวฉิน หลิวฉินที่ยังดิ้นรนด้วยความโกรธก็พลันแน่นิ่งไปในทันที จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น!
หลี่เยว่หรูชะงัก ท่าทีร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด “หลิวฉิน หลิวฉิน...”
“พวกเรา กลับ!”
หลี่เยว่หรูและคนอื่นรีบร้อนออกไป
“ไปช่วยคน!”
จ้าวอี้ออกคำสั่ง!