บุรุษคนนี้ช่างเป็ผู้ได้รับเมตตาจาก์ เขางดงามและสมบูรณ์แบบ!
ทว่าน่าเสียดาย ที่เส้นผมของเขากลายเป็สีเงินั้แ่ยังหนุ่มแน่น...
ราวกับเขารู้สึกได้ถึงสายตาจับจ้อง ซือคงเซิ่งเจี๋ยช้อนตาขึ้นมองมาทางนาง ดวงตาหงส์ใต้หน้ากากสีเงินหรี่ลงปรากฏให้เห็นความรังเกียจ
เฟิ่งเฉี่ยนรู้ว่าเขายังคงถือสาเื่ที่เกิดขึ้นในร้านตัดเสื้อ แต่ความคลั่งไคล้ในการเดินหมากล้อมทำให้เขาฝืนตัวเองอดกลั้นต่อนาง และประลองกับนาง
สายตาทั้งคู่ประสานกันและละเลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
คนทั้งสองเก็บงำสายตาของตนเอง
ท่ามกลางผู้คน เฟิ่งเทียนรุ่ยจับตาดูห้องพิเศษทั้งสองห้อง เพื่อ้าแน่ใจว่าใครที่อยู่ข้างใน เป็น้องหญิงสี่ของเขาใช่หรือไม่
เมื่อหน้าต่างถูกผลักให้เปิดออก วินาทีที่ปรากฏให้เห็นใบหน้าของเฟิ่งเฉี่ยน ความสงสัยในใจของเขาล้วนได้รับคำตอบ!
เฟิงเฉี่ยนก็คือเฟิ่งเฉี่ยน เฟิ่งเฉี่ยนก็คือเฟิงเฉี่ยน!
เขายืนโง่งมอยู่ที่นั่น
แม้จะเป็เพียงความแคลงใจ ทว่าเมื่อได้เห็นกับตาตนเอง เขาก็ยังคงรู้สึกตื่นตระหนก
น้องหญิงสี่ในความทรงจำของเขา สมองของนางมิได้ดีเท่าใดนัก เมื่อครั้งยังเล็ก ตำรา 《หลุนอวี่[1]》เพียงเล่มเดียว นางท่องสิบกว่ารอบก็จดจำไม่ได้ มาบัดนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน ถึงขั้นประลองการเดินหมากล้อมกับซือคงเซิ่งเจี๋ย ช่างทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ!
เป็เพียงการโอ้อวดหรือไม่ ที่จริงแล้วนางไม่รู้เื่การเดินหมากอะไรเลย
ไม่ใช่ว่าจะเป็เช่นนี้ไม่ได้!
เขาตัดสินใจดูสถานการณ์ต่อไป
อีกมุมหนึ่งของห้องโถงใหญ่ หลานเยว่หรูและหลินไห่เฟิงสะกดรอยตามมาอย่างไม่ยอมเลิกราเช่นกัน นางจะต้องเปิดโปงความลับของเฟิ่งเฉี่ยนให้ได้
“เฟิงเฉี่ยนถึงกับเดินหมากเป็หรือ” หลินไห่เฟิงประหลาดใจ
หลานเยว่หรูร้องฮึ “ไม่แน่ว่าอาจจะเป็การแสดงว่าเดินหมากเป็ก็ได้!”
รอบๆ พวกเขา แฟนๆ ผู้คลั่งไคล้การเดินหมากต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด
“เดิมพัน! เดิมพัน! พวกเ้าเดิมพันว่าใครเป็คนชนะ”
“แม่นางเฟิงลงแข่งขันในฐานะตัวแทนของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา ข้าย่อมต้องวางเดิมพันว่านางชนะ!”
ไม่ไกลออกไป ผู้คลั่งไคล้การเดินหมากจากแคว้นหนานเยียนหัวเราะเยาะเย้ยเสียงเย็น
“องค์ชายสามของพวกเรานั้นเป็อัจฉริยะการเดินหมากที่ยากจะพบในรอบพันปี แค่นางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่งก็คิดจะเอาชนะเขา ช่างเป็เื่ตลกร้ายโดยแท้!”
“อย่าลืมบทเรียนที่แสนเ็ปเมื่อวานนี้สิ ฮ่าๆๆ!”
“นักเดินหมากแคว้นเป่ยเยียนของพวกเ้าถูกกำหนดว่าต้องพ่ายแพ้แน่แล้ว!”
ผู้คลั่งไคล้การเดินหมากของแคว้นเป่ยเยียนไม่พอใจ มีคนพูดเสียงดังว่า “พวกเ้าจะโอ้อวดเกินไปแล้ว! กล้าพนันกับข้าไหมเล่า ข้าพนันหนึ่งร้อยตำลึงว่าแม่นางเฟิงชนะ!”
คนของฝ่ายแคว้นหนานเยียนมีคนตอบรับ “ได้ พนันก็พนัน! ข้าพนันหนึ่งร้อยตำลึง องค์ชายสามชนะ!”
“สองร้อยตำลึง! ข้าวางเดิมพันว่าแม่นางเฟิงชนะ!”
“ห้าร้อยตำลึง! ข้าวางเดิมพันว่าองค์ชายสามชนะ!”
“ข้าวางเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของข้า ว่าแม่นางเฟิงชนะ!”
“ข้าเอาศีรษะของข้าวางเดิมพัน องค์ชายสามชนะ!”
...
ทั้งสองฝ่ายโต้แย้งกันดุดันขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดร้องะโ สุดท้ายยังคงเป็แคว้นเป่ยเยียนที่มีคนมากกว่า กำลังใจของพวกเขาจึงกดอีกฝ่ายให้ตกเป็รอง
“ต่อให้มีความเป็ไปได้ไม่มากว่าแม่นางเฟิงจะชนะ ข้าก็จะขอวางเดิมพันว่านางชนะ!”
“ถูกต้อง ต่อให้ต้องเสียเงินข้าก็จะวางเดิมพันว่านางชนะ! แพ้อะไรก็แพ้ได้ แต่พวกเาาวเป่ยเยียนไม่มีทางยอมแพ้อุดมการณ์!”
“ข้าวางเดิมพันว่าแม่นางเฟิงชนะเหมือนกัน!”
“แม่นางเฟิง ต้องชนะ!”
“แม่นางเฟิง ต้องชนะ!”
“แม่นางเฟิง ต้องชนะ!”
...
เหตุการณ์เลยเถิด
อย่างน้อยๆ มีคนจำนวนสี่ในห้าส่วนที่ร้องะโว่า “แม่นางเฟิง ต้องชนะ!” อย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในชุมนุมเดินหมาก ทำให้คนฮึกเหิมยิ่งนัก!
หานไท่ฟู่ลูบเคราของตนอย่างลำพองใจ เขายิ้มจนดวงตาหรี่ลงเป็เส้นเดียว ร้องะโพร้อมๆ คนอื่นๆ ว่า “แม่นางเฟิง ต้องชนะ! แม่นางเฟิง ต้องชนะ!...”
ทั้งยังไม่ลืมหันไปถลึงตาใส่หานหลินเยว่และฟางเสียกับพวก และเอ่ยวาจาตำหนิว่า “พวกเ้ายังตะลึงอะไรกันอยู่อีก ะโพร้อมกันสิ”
หานหลินเยว่และฟางเสียกับพวกสบตากัน หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอนเอ่ยถึงแม่นางเฟิง จะสั่งสอนนางให้กระอักเืเมื่อถึงการเดินหมากล้อม ตอนนี้กลับกลายเป็เฒ่าทารก ร้องะโกับคนอื่นๆ...
ท่านาุโหาน ท่านจะเปลี่ยนสีหน้าก็ไม่ใช่เร็วเช่นนี้กระมัง
เฟิ่งเทียนรุ่ยยืนตาค้างอยู่ท่ามกลางผู้คน คิดไม่ถึงว่าในสายตาของทุกคนแล้วน้องหญิงสี่จะเป็ที่ชื่นชอบเช่นนี้ “แม่นางเฟิง ต้องชนะ! แม่นางเฟิง ต้องชนะ!”
เห็นคนรอบกายะโเสียงดังราวกับคลุ้มคลั่งเช่นนี้ หลานเยว่หรูและหลินไห่เฟิงได้แต่งงเป็ไก่ตาแตก เฟิ่งเฉี่ยนทำอะไรกันแน่ ไฉนจึงได้รับความชื่นชอบจากผู้อื่นมากมายเช่นนี้
การแข่งขันยังไม่เริ่มขึ้นก็มีเสียงร้องะโราวกับเห็นวีรบุรุษเช่นนี้ คนที่ไม่รู้อาจเข้าใจว่าเฟิงเฉี่ยนชนะการแข่งขันไปแล้วเสียอีก ช่างน่าขันนัก!
หลานเยว่หรูร้องฮึ “มีอะไรดีนักหรือไร”
เสียงของนางไม่ดังนักทว่าบังเอิญเหลือเกินว่าไปเข้าหูของผู้คลั่งไคล้หมากล้อมของแคว้นเป่ยเยียนท่านหนึ่ง คนผู้นั้นถลึงตาใส่นางอย่างโกรธเคือง “แม่นางท่านนี้ ไฉนท่านจึงไม่ะโ หรือท่านเป็คนแคว้นหนานเยียน”
หลานเยว่หรูพูดอย่างมีโทสะ “ใครเป็คนแคว้นหนานเยียน ข้าย่อมต้องเป็คนแคว้นเป่ยเยียนอยู่แล้ว!”
“เป็คนแคว้นเป่ยเยียนไฉนเ้าจึงไม่ร้องะโ” คนผู้นั้นพูดจาเสียงดังฟังชัด “การแข่งขันหมากล้อมในวันนี้เป็การแข่งขันเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา ขอเพียงเป็คนแคว้นเป่ยเยียนล้วนควรให้กำลังใจแม่นางเฟิง! หากไม่ให้กำลังแม่นางเฟิงย่อมไม่ใช่คนแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา!”
คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวสนับสนุน “ถูกต้อง! ไม่ให้กำลังใจแม่นางเฟิง ย่อมไม่ใช่คนแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา!”
สายตาของคนที่อยู่รอบๆ ล้วนมองมาพร้อมๆ กัน
และคำพูดก็เปลี่ยนไปด้วย!
“ไม่ให้กำลังใจแม่นางเฟิง ไม่ใช่คนแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา!”
“ไม่ให้กำลังใจแม่นางเฟิง ไม่ใช่คนแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา!”
“...”
หลานเยว่หรูและหลินไห่เฟิงสบตากัน อาศัยอะไรให้นางมาให้กำลังใจนาง
จากนั้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกดดันอย่างหนัก ส่งผลให้พวกเขาไม่อาจไม่ก้มหน้า หลินไห่เฟิงหลั่งเหงื่อเย็นเต็มหน้าผาก เขายกมือที่ประสานเป็หมัดขึ้นมาก่อนแล้วพูดฝืนๆ ว่า “แม่นางเฟิง ต้องชนะ! แม่นางเฟิง ต้องชนะ!...”
ในที่สุดพวกเขาละเลื่อนสายตาไปที่อื่นด้วยความพอใจ พวกเขาหันไปมองหลานเยว่หรูพร้อมกัน
สีหน้าของหลานเยว่หรูย่ำแย่อย่างที่สุด ย่ำแย่ยิ่งกว่ากลืนแมลงวันลงไปครึ่งตัว ทว่าท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน นางไม่อาจไม่ยอมทำตาม
นางยกมืออันสั่นเทาที่ประสานกันเป็หมัดขึ้นสูงแล้วพูดเสียงราวกับยุงบิน “แม่นางเฟิง...ต้องชนะ! แม่นางเฟิง...ต้องชนะ!”
ครานี้ทุกคนล้วนพอใจจึงละเลื่อนสาตาไปทางอื่นและร้องะโพร้อมๆ กัน
“แม่นางเฟิง ต้องชนะ!
“แม่นางเฟิง ต้องชนะ!”
...
หน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสอง เฟิ่งเฉี่ยนเห็นภาพนี้แล้วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทุกคนช่างมีน้ำใจเหลือเกิน!
ขณะเดียวกัน ในใจพลันบังเกิดความรับผิดชอบและหน้าที่ชนิดหนึ่ง
ในเมื่อนางลงแข่งขันในนามของแคว้นเป่ยเยียน และราษฎรของนางไว้เนื้อเชื่อใจนางเพียงนี้ นางจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้!
ดังนั้น หมากกระดานนี้ นางจะต้องพยายามให้ถึงที่สุด!
ยามนี้ หน้าต่างบานหนึ่งของห้องพิเศษ เทียน ถูกคนผลักออก ซือคงเซิ่งเจี๋ยปรากฏตัวที่หน้าต่างบานนั้น เขามองภาพเหตุการณ์ข้างล่างด้วยสายตาเ็าและอดที่จะแค่นหัวเราะไม่ได้ “น่าขันยิ่งนัก! พวกเขาคิดว่าการเดินหมากเหมือนการข้ามแม่น้ำหรือ ใครมีกำลังมาก เสียงดังกว่า คนนั้นชนะหรือ ช่างไร้เดียงสา!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับ “นี่เรียกว่าความภักดีของราษฎร และเรียกว่าเสน่ห์ส่วนบุคคล ทว่าข้าจะใช้ความสามารถที่แท้จริงมาโจมตีเ้าให้พ่ายแพ้ ให้เ้ายอมแพ้อย่างศิโรราบ!
ซือคงซิ่งเจี๋ยแค่นหัวเราะ “ปากดีไม่เบา ไม่รู้ว่าจะสักแค่ไหน หวังว่าเ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวปิดหน้าต่าง
[1] หลุนอวี่ หมายถึง คัมภีร์จริยวัตรของขงจื๊อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้