“เฉิงชิง ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย!”
แต่ละคนต่างแสดงความยินดีกับนาง แสดงความยินดีที่นางสอบได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วแห่งอำเภอ แสดงความยินดีที่นางได้รับการสืบทอดตำแหน่งของเฉิงจือหย่วน มีเพียงชุยเยี่ยนที่เมื่อเจอหน้าก็บอกนางว่า ‘ขอแสดงความเสียใจด้วย’
ความเสียใจที่สูญเสียบิดา
ไม่ว่าชื่อเสียงที่ได้มาหลังจากเสียชีวิตจะยิ่งใหญ่เพียงใด ถึงอย่างไรเฉิงชิงก็ไม่มีบิดาแล้ว
บรรดาศักดิ์ของกงเหรินขั้นสี่มีหน้ามีตา ครอบครัวเฉิงชิงก็ยังคงขาดผู้มีความสามารถ ต้องรอให้เฉิงชิงดูแลครอบครัว
เฉิงชิงเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีเอง!
เฉิงชิงปัดความกังวลเบาบางทิ้ง พยักหน้าให้ชุยเยี่ยน
“เ้าสอบเป็อย่างไรบ้าง?”
ชุยเยี่ยนส่ายหน้าดิกๆ “นั่นต้องพูดอีกหรือ ก็แค่การสอบระดับอำเภอ สอบสบายๆ ก็ผ่านแล้ว ได้ยินว่าเ้าได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอมาแล้ว ข้าขาดโชคไปหน่อย พวกเราค่อยมาวัดกันในการสอบระดับเมืองกันอีกที!”
“วัดก็วัดสิ ข้ายังกลัวว่าเ้าจะทำไม่ได้?”
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปพลางหัวเราะ
แม้จะเจอไม่ได้กันเดือนกว่า ความเข้าใจกันระหว่างสหายกลับไม่ได้จางหายไป
หลังการประกาศรายชื่อการสอบระดับอำเภอ ชุยเยี่ยนก็กลับมาหนานอี๋โดยไม่ล่าช้าแม้แต่เค่อเดียว
ท่านพ่อชุยรู้สึกว่าเขารู้เื่รู้ราวแล้ว เพียงชั่วอึดใจเดียวก็ยัดตั๋วเงินให้บุตรชายหลายใบ กล่าวว่าชุยเยี่ยนร่ำเรียนลำบากมากนัก ร่างกายก็ผอมลง ความอวบอิ่มหายไปหลายส่วน กำชับชุยเยี่ยนว่าหลังจากกลับหนานอี๋แล้วเขาต้องบำรุงร่างกายให้ดี อย่าประหยัดเงินให้ครอบครัว เงินจ่ายไปหมดแล้วก็ยังคงมีมากมาย… ขู่ชุยเยี่ยนจนเกินรับไหว อ้วนแล้วมีอะไรดี ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะลดน้ำหนักลงมาได้ กลับบ้านเดิมเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอก็ถูกที่บ้านบังคับให้ขุนกลับคืนมา!
ท่านพ่อชุยยังให้เขาสอบระดับเมืองเสร็จค่อยไปหนานอี๋ ชุยเยี่ยนเก็บสัมภาระแล้วก็ออกเดินทางตอนกลางคืน ถ้ายังอยู่ที่บ้านต้องมีเนื้อเพิ่มขึ้นเป็แน่
นี่คือข้ออ้างบังหน้า ส่วนลึกภายในใจของชุยเยี่ยนยังคงเป็ห่วงทางเฉิงชิง
เมื่อกลับมาถึงหนานอี๋แล้ว ได้ยินข่าวว่าเฉิงชิงสอบได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ ราชสำนักคืนชื่อเสียงบริสุทธิ์ให้แก่เฉิงจือหย่วน ชุยเยี่ยนจึงวางใจได้อย่างแท้จริง
“ข้าไปจุดธูปหน้าหลุมศพให้ท่านลุงสักดอกดีกว่า”
“ได้ ข้าไปกับเ้าด้วย!”
เฉิงชิงไม่ชักช้า ไปสุสานเป็เพื่อนชุยเยี่ยนทันที
สุสานบรรพชนของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋อยู่บนเนินเขาลูกหนึ่งนอกเมือง อยู่ตรงข้ามกับเนินเขาที่สถานศึกษาแห่งหนานอี๋ตั้งอยู่ ทิวทัศน์ูเาและแม่น้ำงดงาม ทุกคนล้วนกล่าวว่าสุสานบรรพชนแห่งตระกูลเฉิงมีฮวงจุ้ยดี บุตรหลานตระกูลเฉิงจึงประสบความสำเร็จ เฉิงชิงแค่นเสียงใส่การพูดนี้
หากฮวงจุ้ยมีประโยชน์ เหตุใดจึงมีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์เล่า ถึงจะเป็ที่ดินที่มีฮวงจุ้ยล้ำค่ามากกว่านี้ สามารถเทียบได้กับสุสานราชวงศ์หรือไม่?
ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋สามารถมีวันนี้ได้เพราะพึ่งพาการสั่งสมเพียรพยายามของแต่ละรุ่น เป็กฎและธรรมเนียมตระกูล เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยไม่มากนัก
ชุยเยี่ยนจุดธูปแล้ว จู่ๆ ก็นึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้
“หลังจากสอบผ่านระดับมณฑลแล้ว เ้าต้องไปสำนักศึกษาหลวงจริงๆ หรือ?”
เฉิงชิงพยักหน้า “หลังจากการสอบระดับมณฑลแล้ว ก็ต้องเข้าเมืองหลวงเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมการสอบระดับเมืองหลวง สามารถไปศึกษาที่สำนักศึกษาหลวงได้ก็เลี่ยงการไปกลับ แต่นั่นเป็สิ่งที่ต้องใคร่ครวญอย่างน้อยสองสามปีหลังจากนี้ ตอนนี้ตัดสินใจอะไรก็ล้วนเร็วเกินไป”
การสอบระดับมณฑลและการสอบระดับเมืองหลวงจัดขึ้นสามปีครั้ง การสอบระดับมณฑลจัดในเดือนแปด รู้จักกันในนามการสอบฤดูใบไม้ร่วง การสอบระดับเมืองหลวงอยู่ปีที่สองเดือนสองหลังจากการสอบระดับมณฑล เรียกกันว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิ
ปีที่แล้วเป็รอบปีการสอบระดับมณฑล การสอบระดับมณฑลครั้งต่อไปอย่างน้อยก็ต้องอีกสองปี
ชุยเยี่ยนเอ่ยถึงหัวข้อนี้ เฉิงชิงก็นึกขึ้นได้ถึงการสอบระดับเมืองหลวงของปีนี้ในทันที
“การสอบระดับอำเภอเสร็จสิ้นแล้ว การสอบระดับเมืองหลวงของปีนี้ก็สอบเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ไม่รู้ว่าศิษย์พี่เมิ่งจะแสดงฝีมืออย่างไร!”
“เ้ากังวลการสอบระดับเมืองหลวงของศิษย์พี่เมิ่งอยู่หรือ? ศิษย์พี่เมิ่งย่อมไม่มีปัญหาหรอก ดูว่าจะสามารถได้ตำแหน่ง ‘ฮุ่ยหยวน’ ได้หรือไม่ หากศิษย์พี่เมิ่งได้เป็บัณฑิตฮุ่ยหยวนแล้ว จะไม่ใช่ว่าเป็การสอบได้ห้าอันดับหนึ่งติดต่อกันหรือ…”
ชุยเยี่ยนเอ่ยไปเอ่ยมา ตนเองกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าเฉิงชิง
สอบได้ห้าอันดับหนึ่งติดต่อกัน!
ถือว่าจองตำแหน่งจ้วงหยวนของการสอบหน้าพระที่นั่ง โอรส์เองก็อยากเห็นผู้ได้อันดับหนึ่งของการสอบเข้ารับราชการของแคว้นเว่ย ‘ได้หกอันดับหนึ่งติดต่อกัน’ มีแรงดึงดูดเกินไปแล้ว ฮ่องเต้เองก็ไม่โง่ เมื่อถึงยามนั้นย่องต้องแต่งตั้งเมิ่งไหวจิ่นเป็บัณฑิตจ้วงหยวน
ชุยเยี่ยนเอ่ยหยอกล้อเฉิงชิง
“มีศิษย์พี่ที่สอบได้หกอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็แสงแห่งความหวัง พวกเราสองคนยังจะกลัวอะไรอีก!”
ในป่ามีเสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่งลอยมา
ชุยเยี่ยนขยับตัวบังเฉิงชิงทันที “ใครอยู่ตรงนั้น ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนผี——อือ——”
ก้อนดินเหนียวสำหรับประทับตราผนึกสีเหลืองก้อนหนึ่งอุดปากชุยเยี่ยนไว้ เขาถุยๆๆ อยู่นาน
เสียงอ่อนหวานของสตรีดังขึ้น “พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ!”
ใบหน้าของเฉิงชิงพลันนิ่งขรึม
เสียงนี้นางลืมไม่ลง เป็เสี่ยวจี้ สาวใช้คนโปรดของเซียวอวิ๋นถิง
มีเสี่ยวจี้อยู่ก็ต้องมีเซียวอวิ๋นถิงอยู่ด้วย
เยี่ยอ๋องซื่อจื่อปรากฏตัวไปทุกทีราวกับิญญา เฉิงชิงจะดีใจกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายเป็ผีจริงๆ
เสี่ยวจี้ไม่เพียงไม่เคารพนาง ยังทำเช่นนี้ต่อชุยเยี่ยน เฉิงชิงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ชุยเยี่ยนเช็ด แค้นนักที่มิอาจจับเสี่ยวจี้มาตีสักรอบ
“ที่นี่คือสุสานของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ ข้าที่เป็บุตรหลานตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ มาเซ่นไหว้บิดาที่จากไปพร้อมกับสหายถือเป็การถูกต้องเปิดเผย! แต่พวกเ้ากลับหลบมาหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ที่สุสานตระกูลเฉิง กล่าวว่าพวกเ้าผลุบๆโผล่ๆ เหมือนผีแล้วผิดหรือ?”
“เ้า——”
“ถอยมา”
เซียวอวิ๋นถิงออกมาจากในป่า ใบหน้างดงามเหนือธรรมชาติราวกับผีูเา
เฉิงชิงเอ่ยอย่างเ็า “อ้อ ที่แท้ก็เป็ซื่อจื่อที่มา ทหารกองเกียรติยศของซื่อจื่อไม่ได้ปรากฏตัว ขออภัยที่เฉิงชิงไม่ได้ออกมาต้อนรับขอรับ”
เซียวอวิ๋นถิงไม่โผล่หน้า นางยังสามารถแสร้งโง่ด่าได้เต็มที่ ในเมื่อเซียวอวิ๋นถิงไม่ได้อำพรางร่องรอยแล้ว นางก็ไม่อาจด่าได้แล้ว
ชุยเยี่ยนเอาก้อนดินเหนียวออกจากในปากโดยไม่ง่ายนัก เมื่อได้ยินเฉิงชิงเรียกอีกฝ่ายว่าซื่อจื่อ ชุยเยี่ยนก็พลันหดหู่
เขาถูกคนใช้ก้อนดินเหนียวอุดปากั้แ่เมื่อไรกัน?
แต่เขายังอดกลั้นริมฝีปากที่แตกนี้ไว้อย่างไม่เต็มใจ
บัดนี้ ‘ซื่อจื่อ’ ที่สามารถปรากฏตัวในอาณาเขตหนานอี๋ได้ก็มีเพียงผู้เดียว ข้าหลวงใหญ่ที่มาประกาศราชโองการที่หนานอี๋ เยี่ยอ๋องซื่อจื่อเซียวอวิ๋นถิง!
สถานะของเซียวอวิ๋นถิงสูงส่ง สามารถทำตามอำเภอใจในอำเภอหนานอี๋ ตระกูลชุยเป็ตระกูลพ่อค้า ความโกรธนี้ชุยเยี่ยนไม่ทนก็ต้องทน
เซียวอวิ๋นถิงไม่มีเจตนาจะขออภัยอย่างที่คิด แววตาของเขาเพียงตกอยู่บนร่างของเฉิงชิง
“ข้าเพียงมาจุดธูปให้ใต้เท้าเฉิง แต่ได้ยินพวกเ้าเอ่ยถึงเมิ่งไหวจิ่น… เมิ่งไหวจิ่นไม่ใช่บัณฑิตฮุ่ยหยวน”
อะไรนะ?!
ชุยเยี่ยนไม่มีเวลาพอจะโกรธ ข่าวนี้หดหู่เกินไปแล้ว
“ศิษย์พี่เมิ่งควรจะเป็บัณฑิตฮุ่ยหยวนสิ!”
การสอบระดับเมืองหลวงของปีนี้มีปีศาจอะไรโผล่มากันแน่ ถึงสามารถกดหัวศิษย์พี่เมิ่งได้?
ชุยเยี่ยนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เฉิงชิงเองก็เสียดายอย่างมาก
นางไม่สงสัยว่าข่าวนี้จะเป็ข่าวปลอม
รายชื่อของผู้ที่สอบผ่านการสอบระดับมณฑลยังไม่ส่งกลับมายังหนานอี๋ เซียวอวิ๋นถิงรู้ล่วงหน้าแล้วก็ไม่แปลก ด้วยสถานะของเขา ช่องทางการรับข่าวสารย่อมเร็วกว่าผู้อื่น
เซียวอวิ๋นถิงสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าเองก็อยากรู้ เหตุใดบัณฑิตฮุ่ยหยวนคนใหม่ของการสอบเข้ารับราชการจึงไม่ใช่เมิ่งไหวจิ่น”
ความสามารถด้านการเล่าเรียนของเมิ่งไหวจิ่นไม่มีปัญหา ทั้งยังศึกษาความชอบของผู้คุมสอบเป็พิเศษ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ได้คุณวุฒิฮุ่ยหยวน
ไม่ได้ฮุ่ยหยวนแล้ว ถึงจะได้รับแต่งตั้งให้เป็บัณฑิตจ้วงหยวนในการสอบหน้าพระที่นั่งก็พลาดมุก ‘สอบได้หกอันดับหนึ่งติดต่อกัน’ เื่ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้การจัดการมากมายของเซียวอวิ๋นถิงยุ่งเหยิง ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก!
เซียวอวิ๋นถิงคล้ายไม่มีอารมณ์จะสนทนาแล้ว จุดธูปให้เฉิงจือหย่วนแล้วก็้าจะจากไป
“ข้าต้องไปจากหนานอี๋แล้ว เฉิงชิง ช้าเร็วอย่างไรเ้าก็ต้องมาเมืองหลวง… เ้า้าสิ่งใดก็ต้องใคร่ครวญให้ดี”
คนผู้นี้รูปร่างสูง พลังอำนาจกดดันคน แม้ไม่รู้สถานะซื่อจื่อของเขา แต่คนธรรมดาก็ไม่กล้าหุนหันต่อหน้าเขา
รอจนเงาของพวกเซียวอวิ๋นถิงหายออกไปจากในป่า ชุยเยี่ยนถึงปล่อยสองไหล่ลู่ลง
“เซียวซื่อจื่อผู้นี้เผด็จการนัก… ์ ศิษย์พี่เมิ่งไม่ใช่บัณฑิตฮุ่ยหยวน!”
การสอบเข้ารับราชการมีปัจจัยไม่แน่นอนมากมาย ผู้ที่มีความสามารถด้านการเรียนดีที่สุดก็ไม่แน่ว่าจะคว้าอันดับหนึ่งมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถด้านการเรียนก็ไม่มีหน่วยชี้วัดที่เป็มาตรฐาน ผู้ใดสูงผู้ใดต่ำ เมื่อมาถึงการสอบระดับเมืองหลวงนี้ก็ยากที่จะแยกแยะแล้ว
การสอบระดับเมืองหลวงก็คือสถานที่ให้บัณฑิตจวี่เหรินจากทั่วทั้งแคว้นมาประชันกัน แต่ละคนล้วนเป็หัวกะทิของการสอบเข้ารับราชการ ผ่านการคัดเลือกจนเรียกได้ว่าเยี่ยมยอด
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ก่อนหน้านี้เฉิงชิงและชุยเยี่ยนต่างยอมรับแล้วว่าเมิ่งไหวจิ่นสามารถคว้าตำแหน่งบัณฑิตฮุ่ยหยวนได้ ยามนี้เมื่อได้ยินว่าเมิ่งไหวจิ่นพลาดตำแหน่งบัณฑิตฮุ่ยหยวนไปต่อหน้าต่อตา ทั้งสองคนต่างก็ผิดหวังอย่างหาใดเปรียบ!
