เจินจูตามอยู่ข้างหลังเสี่ยวเฮย เดินเลียบเลาะไปตามทางูเาอย่างกระฉับกระเฉง ป่าเขาเงียบสงบและสวยงาม มีเสียงนกร้องเป็บางครั้งคราว ฝีเท้าของเสี่ยวเฮยเงียบเชียบไร้เสียงดั่งใบไม้ร่วง มันก้าวเข้าไปในป่าบนูเาดูมีอำนาจน่าเกรงขาม ท่าทางเคร่งขรึมอยู่บนตัวที่บางเบา ภาพลักษณ์แมวน้อยที่น่ารักออดอ้อนเปลี่ยนไปเป็าาแห่งการป้องกันที่เ็าและหยิ่งผยอง?
ฮะ... าาแห่งการป้องกัน? เ้าตัวนี้เป็าาอะไร? าาแมว?
เจินจูครุ่นคิดแล้วอดหัวเราะไม่ได้ บางทีอาจเป็าาแมวก็ได้นะ แต่ป่าเขาผืนนี้จะมีแมวป่าได้กี่ตัวกัน? ฮ่าๆ เสี่ยวเฮยเอ๋ย น้องๆ ตระกูลของเ้าเกรงว่าจะไม่มากแล้วล่ะ
เสี่ยวเฮยหันหัวกลับมา ดวงตาเข้มวาวจ้องมาที่นาง ราวกับประหลาดใจว่านางกำลังมีความสุขดีใจอะไรกัน
แค่กๆ เจินจูไอสองที “เสี่ยวเฮย เ้าพาข้าไปไหนเนี่ย? อย่าวิ่งไปไกลนักนะ ตอนกลางวันต้องกลับแล้ว”
เสี่ยวเฮยเพียงหันมาจ้องนางแวบหนึ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็วิ่งออกไป หยุดอยู่ที่หินไม่ไกลนักและรอนางอย่างเงียบสงบ
เอาเถอะ เป็นางเองที่ถ่วงแข้งถ่วงขา เจินจูจึงเพิ่มความเร็วเท้าตามไปข้างหน้า
ผ่านใต้ต้นไม้ต่ำเตี้ยหนึ่งต้น กิ่งก้านกีดขวางสายตาไว้ นางกำลังยื่นมือออกไปปัดออกให้พ้นทาง กลับเห็นบนกิ่งราวกับมีเงาเคลื่อนไหว พอเขม่นตามอง ทันใดนั้นก็หัวใจเต้นรัว มารดาเถอะ... ลายวงสีดำสลับทองนั่น ไม่ใช่ว่าเป็งูสามเหลี่ยม [1] ที่เห็นในโทรทัศน์หรือ! มีพิษรุนแรงเลยด้วย!
งูสามเหลี่ยมตัวยาวขดอยู่บนกิ่งไม้ มองเจินจูด้วยสายตาเย็นเยือก พ่นลิ้นออกมาจากปากไม่หยุด ลำตัวเลื้อยขยุกขยิกเหมือนกับว่าสามารถพุ่งมาข้างหน้าฉกนางได้ทุกเมื่อ
เจินจูใสะดุ้งโหยง คิดจะหลบเข้าไปในมิติช่องว่างทันที
เสี่ยวเฮยที่อยู่ไม่ไกลเริ่มขยับ และะโขึ้นไปบนกิ่งไม้ กางเล็บเท้าหน้าวาววับออกมา เสียงข่วนอยู่บนหัวของงูดังหนึ่งที “สวบ” งูสามเหลี่ยมจึงตกลงมาบนพื้นอย่างโเี้ าแบางเบาที่ข่วนไว้ครึ่งหัวมีเืออกเล็กน้อย มันขยับขดต่อสู้ดิ้นรนไม่กี่ทีก็ค่อยๆ แน่นิ่งไป
“…”
เจินจูงงงวยอ้าปากค้าง เสี่ยวเฮยร้ายกาจเพียงนี้เลย? ตะปบทีเดียวก็ทำให้หัวงูมีรอยแยกแล้ว?
เสี่ยวเฮยที่อยู่บนกิ่งต้นไม้กำลังเลียเท้า การแสดงออกนั่นเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังรังเกียจสิ่งที่ทำให้เท้าของมันสกปรก
เจินจูอุ้มมันลงมาจากบนกิ่งไม้ คว้าขาหน้าของมันขึ้นดูอย่างละเอียด ยามปกติเ้าเพื่อนตัวน้อยนี่ลับกรงเล็บให้คมหรือ? เมื่อก่อนตอนอาบน้ำให้มันไม่เห็นว่าเล็บของมันจะแหลมคมเช่นนี้เลยนี่?
ใช้มือเขี่ยเท้าแมวตรวจดูอย่างละเอียด ถึงพบว่ากรงเล็บแหลมคมนี้เก็บอยู่ในอุ้งเท้าใต้ขนนุ่มของมัน เจินจูพลิกขึ้นลงมองอย่างประหลาดใจ “เสี่ยวเฮย เ้ากางกรงเล็บออกให้ข้าดูหน่อยสิ”
เสี่ยวเฮยมองนางแวบหนึ่งอย่างเฉยเมย ครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงใช้แรงแผ่กรงเล็บออกอย่างเชื่องช้า
“ว้าว อุ้งเท้าเล็กอ้วนกลมของเ้านี่ไม่นึกเลยว่าจะซ่อนอาวุธที่แหลมคมไว้เช่นนี้ มิน่าล่ะเ้าถึงตบหัวของงูนั่นทีเดียวหัวก็มีรอยแยกแล้ว เ้าแอบกลายพันธุ์เลื่อนขั้นแล้วหรือ มหัศจรรย์เพียงนี้” เจินจูมองกรงเล็กแหลมคมของมันที่ดำมันวาวด้วยความอิจฉา ลูบคลำหลังอุ้งเท้าอย่างระมัดระวัง แล้วยิ้มพร้อมกล่าวด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ เ้าเก็บไปได้แล้ว ระวังอย่าเผลอทำให้ตัวเองมีาแได้ล่ะ”
เสี่ยวเฮยมองนางแวบหนึ่ง ต้องโง่เพียงใดถึงทำตัวเองาเ็
“ฮิๆ เอาล่ะ ในเมื่อเ้าร้ายกาจเพียงนั้น เื่ความปลอดภัยของเจ้ในูเาลูกนี้คงต้องอาศัยเ้าแล้ว” เจินจูแกล้งไม่เข้าใจในท่าทางของมัน พร้อมกับเกาใต้คางด้วยรอยยิ้มแล้ววางมันลงบนพื้น
ที่จริงแล้วความสามารถในการฟังกับสายตาของนางตอนนี้ ตราบใดที่ตั้งสมาธิและจดจ่อ สถานการณ์บริเวณใกล้เคียงมีมากเท่าไรนางล้วนสังเกตบางอย่างได้ อย่างเช่นตอนนี้บนต้นไม้ใหญ่สูงหนึ่งร้อยกว่าเมตรทางด้านขวา มีงูหลามั์เกือบจะพลางตัวเข้ากับกิ่งไม้แล้ว และในพุ่มไม้ที่ห่างออกไปทางด้ายซ้าย มีไก่ฟ้าส่งเสียงร้องดังจ้อกแจ้กขึ้นมา บนต้นไม้สูงใหญ่ข้างหน้ามีลิงที่ไม่แน่ชัดว่าสายพันธุ์อะไรอยู่
นางถูกงูทำให้ใเป็เพราะเมื่อก่อนนางเคยชินกับการไม่มีระเบียบวินัยและอิสระ ไม่มีสติเตรียมป้องกันตัวอย่างตาเจอถนนมาแล้วสี่สาย หูฟังมาแล้วแปดทิศ [2] เลยสักนิด การขาดสำนึกในสถานการณ์วิกฤต คงจะเป็วิกฤตที่ใหญ่ที่สุดของนางในขณะนี้เลยกระมัง
เจินจูตบแก้มตัวเองเบาๆ เรียกสติกลับมา ติดตามเสี่ยวเฮยมุ่งเข้าป่าต่อไป
ข้ามผ่านูเาสองลูกที่ใกล้หมู่บ้านที่สุด ต้นไม้ใบหญ้าในป่าเขายิ่งอุดมสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ อากาศเปียกชื้นและอบอุ่น เจินจูเดินจนเหงื่อโชกทั่วทั้งกายอยู่นานแล้ว นางจึงถอดเสื้อกันหนาวมีซับในตัวบางออก เหลือเพียงเสื้อบางสีฟ้าอมเขียว ความร้อนที่ระอุทั่วทั้งกายจึงคลายไปได้หลายส่วน ไม่มีเส้นทางบนูเาที่เฉพาะเจาะจง เสี่ยวเฮยเดินไปข้างหน้าพุ่งไปทางขวาะโไปทางซ้าย หันกลับมามองนางเป็ระยะ สายตารังเกียจทิ่มแทงออกมาอย่างไม่ปิดบัง เหมียว... พวกมนุษย์อ่อนแอเกินไปแล้ว ทางแค่นี้เสียเวลาไปตั้งมากมาย หากเป็ตอนปกติ มันถึงสถานที่นั้นไปนานแล้ว
“…”
เจินจูพยุงเอวแล้วหอบหายใจ ยิ้มขมขื่นอย่างจนปัญญา นี่นางนับว่าเดินเร็วแล้วไหมเล่า ทางขรุขระสูงต่ำไม่เรียบ ร่างกายของนางเตี้ย สูงไม่ถึงร้อยห้าสิบเิเ เสี่ยวเฮยะโหนึ่งทีได้ตามที่ใจ้า ส่วนนางต้องก้าวออกไปสิบกว่าก้าว ขาสองข้างจะเปรียบเทียบกับขาสี่ข้างได้หรือ?
“โอ๊ย เจ้เหนื่อยจะตายแล้ว!” เจินจูเช็ดหน้าผากหนึ่งที และนั่งลงบนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ “เสี่ยวเฮย นี่เ้าจะไปที่ไหนกัน เข้าไปต่อไม่ได้แล้ว ตอนกลางวันต้องรีบกลับไป”
“เหมียว” เสี่ยวเฮยมองไปข้างหน้าสองที วิ่งพรวดขึ้นไปบนเนินลาด ส่งเสียงร้องเล็กน้อยแล้วหายเข้าไปหลังป่าทึบ
“นี่... เสี่ยวเฮย” เท่านี้ก็มากพอแล้ว แต่นางยังก้าวเท้าตามไปอย่างเชื่อฟัง เพื่อนตัวน้อยนี่เวลาเข้าป่าเขา เหมือนเป็หลังบ้านตนเองก็ไม่ปาน ยังจะฟังคำของนางเสียที่ไหนเล่า
ปัดกิ่งไม้ใบไม้ที่ปิดบังสายตาด้วยความระมัดระวัง เจินจูถูกภาพตรงหน้าทำให้ใ ผ่านเข้าไปอีกสิบกว่าเมตรก็เป็หน้าผาสูงชัน ที่เนินเขามีโขดหินสูงและอันตราย
ร่างของเสี่ยวเฮยดำจนเป็มันวาว กำลังนั่งตัวตรงอยู่บนผาหิน
เจินจูเดินอ้อมก้อนหินไปถึงข้างกายมันด้วยความระมัดระวัง กล่าวเสียงเบา “เสี่ยวเฮย เ้าวิ่งมานี่ทำไม? นี่เป็หน้าผาสูงชันมากเลยนะ หากไม่ระวังแล้วตกลงไป ต่อให้เ้ามีเก้าชีวิตก็จะไปพบพญายมได้”
เสี่ยวเฮยจ้องนางแวบหนึ่ง แสดงสีหน้าเหยียดหยาม และทำท่าทางเหมือนคุณปู่ที่ทรงอำนาจ
ชิ เ้าลืมความรู้สึกเ็ปจากรอยแผลไปแล้วล่ะสิ “ก็ไม่รู้ว่าผีโชคร้ายที่ไหนถูกกิ่งไม้ทับไว้แล้วขยับไม่ได้ แล้วยังขาข้างหนึ่งหักอีกด้วย”
สีหน้าเสี่ยวเฮยแข็งค้าง มองนางแวบหนึ่งเงียบๆ หมุนตัวไปแล้วะโขึ้นอย่างว่องไวไม่กี่ที ก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่เกือบแห้งเหี่ยวหนึ่งต้นบนผาสูงชัน
“…” เอะอะก็ขึ้นต้นไม้ เราเป็เพื่อนกันไม่ได้หรือ
มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังก็ไม่พบว่ามีอะไร เจินจูจึงเดินเข้าไป “เสี่ยวเฮย เ้าขึ้นไปบนนั้นทำไมกัน? อย่าทะเลาะกันเลย ตรงนั้นข้าขึ้นไปไม่ได้ รีบลงมาเร็ว”
“เหมียวๆ” เสี่ยวเฮยยืนขึ้นและเดินไปยังกิ่งก้านบนต้นไม้ที่ตายแล้ว ทำให้ใบไม้ร่วงหล่นกองสุมอยู่ตรงโคนต้น อุ้งเท้าเล็กกวัดแกว่งใบไม้บนกิ่งให้กระจัดกระจายไปด้านข้าง เผยให้เห็นสิ่งที่เป็รูปวงรีอันหนึ่ง
เอ๋? เจินจูเบิกตากว้าง ของที่เห็นเป็สีม่วงจนเกือบดำนั่นคือ… เห็ดหลินจือกระมัง? นางไม่แน่ใจเล็กน้อย
ยกเท้าปีนขึ้นไปบนเนินหินที่ใกล้กับต้นไม้ เขย่งปลายเท้ามองแล้วมองอีกให้ละเอียด รอยยิ้มบนใบหน้าหุบไม่ลง เป็เห็ดหลินจือจริงๆ แล้วยังต้นใหญ่อีกด้วย ดูแล้วใหญ่ขนาดสองฝ่ามือของนางเลย แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าอายุกี่ปีแต่น่าจะมากอยู่กระมัง
ฮ่าๆ เยี่ยมเหลือเกิน!
่นี้ที่บ้านใช้เงินมากเกินไป สามร้อยสี่ร้อยเหลียงนั่นใช้จ่ายไปไม่เท่าไรก็หมดแล้ว วัสดุแต่ละอย่างของบ้านใหม่รวมกับแรงงานคนอีก เกือบจะจ่ายไปร้อยเหลียงแล้วกระมัง ทุกครั้งที่หูฉางกุ้ยจ่ายเงินล้วนเ็ปใจอย่างมาก ต่อมาจึงให้หลี่ซื่อรับผิดชอบเงินทั้งหมดแทน เขาจัดการเพียงแบกจอบทำงานเท่านั้น ตาไม่เห็นใจก็จะไม่เ็ป
เห็ดหลินจือเลยนะ! อย่างไรก็ต้องมีค่าสักร้อยหรือสองร้อยเหลียงกระมัง
เจินจูกลอกตาไปมา อืม... นางกำลังคิดจะสะสมเงินอย่างลับๆ แม้หลี่ซื่อกับหูฉางกุ้ยจะค่อนข้างตามใจนาง แต่นางเป็ผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะนานแล้วผู้หนึ่ง ยังต้องเอ่ยปากขอเงินบิดามารดา จะคิดอย่างไรก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เห็ดหลินจือนี้นางใส่ไว้ในมิติช่องว่างก่อนแล้วกัน รอมีเวลาแล้วค่อยเข้าไปในเมืองแอบขายให้หลิวผิง
มีสุภาษิตกล่าวได้ดีนักว่าในมือมีเงิน ในใจไม่ลุกลี้ลุกลน [3]
เงินลับนี่ต้องสะสม! ดวงตาสองข้างของนางมองเห็ดหลินจือต้นสีม่วงจนมันวาวอย่างทอประกาย
แต่ต้นไม้ทั้งสูงทั้งลาดชันเพียงนี้ นางปีนขึ้นไปไม่ได้เลย เจินจูมองพื้นที่สูงและชัน สายตาเลื่อนลอยเล็กน้อย
หากให้เสี่ยวเฮยเอาลงมาให้ กรงเล็บแหลมคมนั่นของมันจะข่วนแหลกจนเป็หลายชิ้นหรือไม่?
“เสี่ยวเฮย เ้าใช้กรงเล็บแซะขอบมุมของเห็ดหลินจือนั่น... ได้กระมัง? ระวังหน่อย อย่าให้ตอเสียหาย หากทำมันเป็รอยแล้วราคาจะตกเอาได้ เ้าคาบเห็ดหลินจืออย่างสมบูรณ์แบบลงมาได้หรือไม่? แต่อย่าทิ้งรอยฟันไว้บนเห็ดนะ? หากเ้าขุดเห็ดหลินจือลงมาดีๆ ข้าจะมอบก้านผักกวางตุ้งหนึ่งอันให้เ้าเป็รางวัล” เจินจูตัดสินใจให้เสี่ยวเฮยจัดการนำลงมาแล้วกัน แม้ตนเองจะปีนขึ้นไปได้ แต่ไม่รู้ว่าสิ้นเปลืองเวลามากเท่าไร นางไม่สามารถอยู่ในเขานานเกินไปได้ หากให้ที่บ้านรู้เข้า ครั้งหน้าคิดจะขึ้นเขาอีกก็คงไม่ง่ายแล้ว
เสี่ยวเฮยจิตใจสั่นไหว ทันใดนั้นใต้เท้าก็เกิดลม “ฟุ่บๆ” เศษดินกระจายร่วงลงมาพักหนึ่ง
“นี่ ช้าหน่อยๆ ข่วนเป็รอยไม่ได้นะ ข่วนเป็รอยจะหักก้านผักกวางตุ้งของเ้าครึ่งหนึ่ง” เจินจูมองละอองดินปลิวฟุ้ง ร้อนใจจนต้องะโออกมา
คำพูดเพิ่งจบลง เสี่ยวเฮยะโว่องไวหนึ่งที “ผลุบ” เงาร่างดำวาววับลงมาหยุดอยู่บนพื้นดินแล้ว พร้อมกับปล่อยเห็ดหลินจือที่คาบไว้ลง
“…”
เจินจูะโลงจากหินทันที ประคองเห็ดหลินจือขึ้นมาสำรวจดูอย่างประคบประหงม โห... เห็ดหลินจือดูท่าทางแข็งแรงมากเลย มิน่าเล่าที่เสี่ยวเฮยใช้ปากคาบลงมาแล้วไม่มีรอยสักนิด
ฮิๆ เจินจูเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม ดีมาก ชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง จึงเก็บมันเข้าไปในมิติช่องว่าง
“เหมียวๆ” เสี่ยวเฮยพันอยู่ข้างขาของนาง ร้องอย่างไม่พอใจ ก้านผักกวางตุ้งของมันเล่า? สำหรับมันแล้ว พลังเหนือธรรมชาติของเห็นหลินจือนั่นไม่เข้มข้น ยังเป็ก้านผักกวางตุ้งที่ปลูกในมิติช่องว่างดึงดูดใจมันได้มากกว่า
“มา ให้เ้า วันนี้บันทึกหนึ่งผลงานเ้าไว้ ต่อไปค้นพบพืชดอกไม้ล้ำค่าและสมุนไพรอะไรที่หาได้ยากแปลกประหลาดก็ต้องบอกเจ้ด้วยเล่า” เจินจูยื่นก้านผักกวางตุ้งส่งให้มันอย่างยิ้มตาหยี มองมันกินอย่างเอร็ดอร่อย “กรวบๆ”
กลุ่มเทือกเขาไท่หางติดต่อกันยาวเหยียด ยิ่งเข้ามาในูเาลึกงูพิษและสัตว์ที่ดุร้ายยิ่งมาก ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าและพุ่มไม้เตี้ยอุดมสมบูรณ์ติดต่อกันไม่ขาดสาย หากไม่มีความสามารถจดจำเส้นทางและรู้ทางเพียงเล็กน้อยคงจะเดินออกไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าป่าเขาที่อยู่ลึกเข้าไปมีสมุนไพรที่มีค่าหาได้ยากชนิดต่างๆ แต่จะมีไม่กี่คนที่กล้ามุ่งเข้าไปค้นหาในป่าที่อยู่ลึกจริงๆ อย่างไรเสียขุดของที่มีค่ามาได้ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อได้สิถึงจะถูก
ั้แ่ออกมาจากขอบผาสูงชัน เจินจูมองดูโดยรอบจากที่สูง ตำแหน่งที่อยู่ของนางในตอนนี้น่าจะยังอยู่รอบนอกเทือกเขา
ร่องรอยของสัตว์ป่าและแมลงมีพิษค่อนข้างน้อย บางครั้งบางคราวยังมีชาวบ้านเข้ามาล่าสัตว์และเก็บสมุนไพรยา หากเข้าไปอีกูเาลูกหนึ่งก็ไม่สบายเช่นนั้นแล้ว เมื่อมองไปไกลๆ ป่าผืนใหญ่สุดลูกหูลูกตามีเมฆหมอกปกคลุมพร่ามัวเป็ระลอกไม่แน่นอน ป่าเขาทั้งผืนดูเหมือนลึกลับซับซ้อนและอันตรายมากมาย เงี่ยหูตั้งใจฟังมีเสียงของสัตว์ป่ากรีดร้องระงมซ่อนอยู่
พอลมูเาเยือกเย็นและเงียบเหงาพัดมา เจินจูตัวสั่นเทา โธ่เอ๋ยแม่คุณ เจ้กลับบ้านไปทำไร่ไถนาดีๆ ดีกว่ากระมัง ’ไม่มีปริมาณสุราร้อยห้าสิบกรัม จะกล้าขึ้นูเาเหลียงได้อย่างไร’ [4] หนึ่งไม่เป็การต่อสู้ สองไม่มีอาวุธวิเศษ เข้าไปก็เป็การสร้างความลำบากให้ตัวเอง
เชิงอรรถ
[1] งูสามเหลี่ยม หรืองูทับทางเหลือง มีหัวกลม ลำตัวเรียวยาว ปลายหางมักทู่ บางตัวหัวแบนเล็กน้อย ลำตัวเป็สันสามเหลี่ยมชัดเจน เลื้อยช้าแต่ว่ายน้ำได้เร็ว สีของลำตัวเป็ปล้องดำสลับเหลืองทั้งตัว เวลากัดไม่มีการแผ่แม่เบี้ยเหมือนงูเห่า หรืองูจงอาง ชอบนอนขดตามโคนกอไผ่ ละเมาะไม้ พงหญ้าริมน้ำ ออกหากินในเวลาพลบค่ำจนถึงกลางคืนตามลำน้ำ ปกติกลางวันซึมเซา กลางคืนว่องไว เป็งูพิษ มีพิษทำลายระบบประสาทและโลหิตรวมกัน เมื่อถูกกัดจะมีอาการชักกระตุก ปวดช่องท้อง มีเืออกเป็จุดๆ ใต้ิั มีเืออกตามไรฟันและไอเป็เื
[2] ตาเจอถนนมาแล้วสี่สาย หูฟังมาแล้วแปดทิศ หมายถึง รู้เห็นมามาก มีประสบการณ์มาก
[3] ในมือมีเงิน ในใจไม่ลุกลี้ลุกลน หมายถึง การมีเงินในมือทำให้ในใจมั่นคง ไม่กลัวการเกิดเื่อะไรขึ้น
[4] ไม่มีปริมาณสุราร้อยห้าสิบกรัม จะกล้าขึ้นูเาเหลียงได้อย่างไร [没有三两三,哪敢上梁山] หมายถึง คนที่ไม่มีความกล้ามากพอก็ไม่สามารถไปที่นั่นได้ เป็การเปรียบเปรย โดยใช้ปริมาณของสุราที่ดื่มให้พอกรึ่มๆ และไม่เมาจนหลับไปเพื่อเรียกความกล้าหาญ ส่วนูเาเหลียงมาจากชื่อของสุภาพบุรุษเหลียงซานในซ้องกั๋ง เป็พื้นที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ และเนื่องจากส่วนใหญ่เป็พื้นที่รกร้างบนพรมแดนที่ไร้ทางการเข้ามาควบคุม ทำให้มีกลุ่มโจรที่อยู่เหนือกฎหมายมากมาย