หลังจากได้เบาะแสจากฝูเอ๋อร์ ฮั่วเยี่ยนไหวก็ส่งคนออกไปจัดการทันที
ดังสุภาษิตที่ว่า ถ้าให้รางวัลอย่างงามย่อมมีผู้กล้าทำงานให้
ส่งข้อความลับในความมืดมิด ตกรางวัลหมื่นตำลึง
ณ ตำหนักของไท่จื่อ
“เศษสวะ ล้วนเป็พวกเศษสวะทั้งสิ้น เปิ่นไท่จื่อเลี้ยงเศษสวะอย่างพวกเ้าไว้ได้อย่างไร?”
เบื้องหน้าของฮั่วิเชินมีองครักษ์สองสามคนคุกเข่าอยู่ รวมทั้งไป๋หว่านหนิงด้วย
ไป๋หว่านหนิงก้มหน้าคุกเข่าอย่างเงียบงัน ท่าทีเหมือนเชื่อฟัง ทว่าดวงตาที่หลุบลงของนางกลับทอประกายเกลียดชังและแผ่จิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
“แม้แต่สตรีนางเดียวยังจัดการไม่ได้ พวกเ้าจะยังมีประโยชน์อะไร?”
“ยังมีเ้าอีกคน เ้ารับรองกับเปิ่นไท่จื่อไม่ใช่หรือว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอย่างเด็ดขาด?”
ไป๋หว่านหนิงเงยหน้าขึ้น นางไม่คิดจะสนใจอีก บุรุษตรงหน้าทำให้ไท่จื่อเฟยอย่างนางเสื่อมเสียเกียรติต่อหน้าบ่าวรับใช้
ตอนที่เขาเสนอว่าหากนางอยากได้ตำแหน่งไท่จื่อเฟย ก็ให้เอาชีวิตของเด็กในครรภ์มาแลก ตอนนั้นระหว่างเขากับนางก็ไม่หลงเหลือความรู้สึกต่อกันอีกแล้ว
“ผู้ที่ทำผิดพลาดไม่ใช่คนของหม่อมฉัน แต่เป็คนของไท่จื่อ หากคนของไท่จื่อไม่ได้ถูกพบตอนทำลายหลักฐาน เหตุการณ์จะเป็เช่นนี้หรือเพคะ?”
ฮั่วิเชินสำลักทันที สตรีตรงหน้ายังคงงดงาม ทว่าไม่อ่อนโยนเช่นเคย กระทั่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจด้วย
“ตอนนี้พวกเขาหาตัวพยานพบ ทั้งยังรุดไปเข้าเฝ้าฝ่าาแล้วด้วย เ้าคิดเอาเองแล้วกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากคิดไม่ออก เปิ่นไท่จื่อก็ทำได้เพียงผลักเ้าออกไปรับโทษแทนแล้ว!”
ไป๋หว่านหนิงตัวสั่นทันที ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและเศร้าโศก
ชายตรงหน้าไม่ใช่พี่เชินที่อ่อนโยนและเอาใจใส่ ทว่าเป็หมาป่าที่ห่มหนังมนุษย์
นางกลับส่งตนเองไปที่ปากของหมาป่าเสียนี่!
ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหอถูกปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว
รถม้าค่อยๆ แล่นไปบนตามทาง
แม้ว่าภายนอกของรถม้าจะดูเรียบง่ายและไม่หรูหรา ทว่าภายในมีโต๊ะที่จัดวางกล่องอาหารเอาไว้ ด้านในเต็มไปด้วยของว่างที่ทำขึ้นอย่างประณีต
ถึงแม้จะถูกขังอยู่หลายวัน ทว่าไป๋เซี่ยเหอกลับไม่อยากอาหาร ถึงอย่างนั้นนางก็ฝืนบังคับตนเองให้ดื่มน้ำลงไปบ้าง
เพียงเพื่อให้ร่างกายมีแรงเท่านั้น
“ฮี้...”
ม้าร้องเสียงดังก่อนจะยกขาหน้าขึ้นสูง
ขนมดอกกุ้ยฮวาที่ยังกินไม่หมดในมือของไป๋เซี่ยเหอร่วงลงพื้น
รถม้าหยุดลง ข้างนอกไร้การเคลื่อนไหว กลิ่นอายของความตายลอยอบอวลไปทั่ว
ไม่ต้องลงจากรถม้าก็รู้ว่าคนขับรถม้าตายแล้ว
‘ฟิ้ว’
เสียงอะไรบางอย่างพุ่งแหวกอากาศดังขึ้น แสงสีดำลอยทะลุผ่านลม
ธนูดอกหนึ่งแทงทะลุรถม้าเข้ามา ไป๋เซี่ยเหอเอียงศีรษะหลบ ลูกธนูจึงพุ่งผ่านใบหูของนางก่อนจะปักลงที่ผนังด้านในของรถม้า โดยแทงลึกเข้าไปในเนื้อไม้ประมาณสามส่วน
หลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
ภายในรถม้าก็ไร้การเคลื่อนไหวเช่นกัน
ผู้ที่จะคว้าชัยชนะในครั้งนี้ย่อมเป็ผู้ที่ใจเย็นและอดทนกว่า
‘ปั้ก’
เสียงอู้อี้ดังขึ้น คนในรถม้ายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย บริเวณง่ามนิ้วปรากฏแสงสีเงิน
เรือนผมสีหมึกที่รวบสูง ตอนนี้ถูกปล่อยสยายอยู่กลางแผ่นหลัง เส้นผมปลิวไสวทั้งที่ปราศจากสายลม
ม่านรถม้าค่อยๆ เลิกขึ้น เมื่อชายชุดดำที่ปิดหน้ามิดชิดยกเว้นเพียงลูกตา มองเห็นสตรีที่กำลังหลับตา โดยข้างๆ ใบหูของนางมีลูกธนูปักอยู่ที่ผนังด้านในของรถม้า รูม่านตาของเขาก็พลันหดลง คิดจะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว
เกาทัณฑ์ของไป๋เซี่ยเหอพุ่งมาทันที มันแทงเข้าที่คอของเขาด้วยความลึกที่แทบทำให้คอขาด
เขาตายตาไม่หลับ และยังคงอยู่ในท่าโน้มตัว!
“เ้าสาม เกิดอะไรขึ้น? เวลาเช่นนี้ยังมีอารมณ์ชื่นชมโฉมงามอีกหรือ?”
เมื่อชายชุดดำอีกคนเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดไม่จา จึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ โดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ
“สตรีนางนั้นงดงามเพียงใดกัน บิดาขอดูทีสิ...”
“โอ๊ย...”
เสียงครวญครางด้วยความเ็ปดังขึ้น ดวงตาของเขาถูกปิ่นปักผมอันแหลมคมแทงทะลุ
องครักษ์เงาที่แข็งแกร่งของไท่จื่อถูกโจมตีถึงสองคน คนหนึ่งตาย ส่วนอีกคนตาบอด
ไป๋เซี่ยเหอฉวยโอกาสะโออกจากรถม้า ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนหลังม้า นางปล่อยบังเหียนโดยไม่ลังเล และควบม้าจากไป
เมื่อองครักษ์เงาที่ตาบอดได้ยินการเคลื่อนไหว พลันะโใส่องครักษ์เงาคนสุดท้ายที่ซ่อนตัวอยู่ “แจ้งนายท่านว่าให้ดำเนินการตามแผนสอง”
นอกประตูวัง
อิ๋งเฟิงรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอในชุดสีขาวเปื้อนเื คิ้วก็กระตุกอย่างรุนแรง
“พระชายา นี่...”
ไป๋เซี่ยเหอก้มมองกระโปรงของตนเองพลันส่ายหน้า “ไม่ใช่เืของข้า ไม่ต้องสนใจ”
อิ๋งเฟิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเดินนำไป๋เซี่ยเหอเข้าไปด้านในด้วยความเคารพ
นี่คือสตรีที่แม้แต่ท่านอ๋องยังยอมลงให้ถึงสามส่วน เขาจะไม่รับใช้นางอย่างระมัดระวังได้หรือ?
ณ ตำหนักไท่ิ หรือก็คือห้องทรงอักษรของฮ่องเต้
ฮ่องเต้กับฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์
เบื้องล่างมีฮั่วิเชินกับฮั่วเยี่ยนไหวนั่งกันอยู่คนละฝั่ง
แววตาของคนหนึ่งดูสงบนิ่ง ส่วนแววตาของอีกคนดูเย็นะเื
จิตสังหารปรากฏขึ้นในตำหนัก
“พระชายาเซ่อเจิ้งอ๋องมาถึงแล้ว”
เสียงของอิ๋งเฟิงดังขึ้นอย่างไม่ดังไม่เบา
ฮั่วเยี่ยนไหวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววอ่อนโยน
ทว่าแววตาของฮั่วิเชินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเผยความชั่วร้ายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เงาร่างของไป๋เซี่ยเหอ นางไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ยังคงดูเด็ดเดี่ยวและสงบนิ่ง
ฮั่วเยี่ยนไหวยิ่งมองก็ยิ่งพึงพอใจ เขากวักมือเรียกนาง “มานี่สิ”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเดินไปตรงหน้าฮั่วเยี่ยนไหว นางก็พึมพำเสียงเบา “เนื้อตัวของข้าสกปรก ย่อมมีกลิ่นเหม็น”
ฮั่วเยี่ยนไหวดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะบีบใบหน้ารูปไข่ที่ดูซูบตอบของนาง
“ไม่เหม็น หอม”
“...”
ทุกคนเงียบสนิท
แม้แต่ฮองเฮาที่นั่งอยู่้าก็ยังอ้าปากค้าง กระทั่งคิดจะเตือนสติฮั่วเยี่ยนไหวเล็กน้อย
มองไม่เห็นโคลนและคราบเืบนตัวนางหรือ?
โรครักความสะอาดเล่า?
“ขอฝ่าาตัดสินพระทัยแทนชายารักของเปิ่นหวังด้วย”
ฮั่วเยี่ยนไหวโอบภรรยาคนงามไว้ในอ้อมแขน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ ความอ่อนโยนในดวงตาพลันสลาย ความเฉยเมยปรากฏออกมาแทนที่
ชายสองคนที่ฮั่วเยี่ยนไหวพาเข้าวังมาด้วยได้ถูกหิ้วตัวเข้ามา ขณะเดียวกันก็ยังมีภาพเหมือนของฝูเอ๋อร์
อิ๋งเฟิงถือภาพเหมือนไว้ในมือ ก่อนจะเอ่ยถามชายสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
“เคยเห็นเด็กสาวนางนี้หรือไม่?”
“พวกข้าเคยเห็นนางที่หน้าประตูตำหนักของไท่จื่อ”
จากนั้นทั้งสองคนก็พยักหน้ารัวๆ
สีหน้าของฮั่วิเชินมืดครึ้มราวกับจะมีน้ำหมึกหยดออกมา “เปิ่นไท่จื่อแนะนำให้พวกเ้าคิดให้ดีก่อนตอบ โทษของการใส่ร้ายไท่จื่อคือถูกปะาชีวิต!”
ฮั่วเยี่ยนไหวมองฮั่วิเชินอย่างเ็า ราวกับมีดน้ำแข็งในเหมันตฤดูที่เฉือนผู้คนให้เ็ป
“ไท่จื่อกำลังข่มขู่พยานต่อหน้าเปิ่นหวังหรือ?”
“เฮอะ” ฮั่วิเชินตั้งสติได้แล้ว เขามองหน้าฮั่วเยี่ยนไหวก่อนจะแค่นเสียงเย็น “พยานหรือ? ผู้ใดจะแน่ใจได้ว่านี่ไม่ใช่คนที่เสด็จอาซื้อตัวมาเพื่อว่าร้ายข้า?”
“เฉ่าหมินมิกล้าว่าร้ายไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าจะถูกปะาชีวิต ชายทั้งสองก็ยิ่งร้อนรน
“เฉ่าหมินไม่เพียงแต่เห็นว่าแม่นางผู้นั้นสวมรองเท้าสีม่วงอมชมพู ทว่ายังเห็นองครักษ์ที่ลากตัวนางไปด้วย หลังมือของเขามีรอยแผลขนาดใหญ่จากการถูกไฟไหม้”
“ผู้ใดก็ได้ไปค้นหาตัวองครักษ์ผู้นี้ในตำหนักของไท่จื่อเสีย!”
ฮ่องเต้รับสั่งทันที
ครึ่งชั่วยามต่อมา
คนที่ไปค้นหากลับมาแล้ว ทว่าไม่ได้พาผู้ใดมาด้วย
“กราบทูลฝ่าา ตำหนักของไท่จื่อเกิดเื่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
บังเอิญปานนี้เชียว?
สองคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่างขมวดคิ้วมุ่น หลอดเืดำที่ขมับของฮ่องเต้เต้นตุบยิ่งกว่าเดิม
“มีเื่อันใด?”
“สาวใช้นางหนึ่งที่เคยถูกขายออกไปได้ลอบเข้าไปในตำหนักของไท่จื่อ นางทำร้ายไท่จื่อเฟย ทว่าตอนนี้ถูกจับตัวไปแล้ว มีคราบโลหิตมากมายบนร่างของนางพ่ะย่ะค่ะ”
“...”
นี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม
เมื่อฮั่วิเชินได้ยินว่าไท่จื่อเฟยได้รับาเ็สาหัส เขาเป็กังวลขึ้นมา ก่อนจะขอตัวกลับทันที
ทว่าฮั่วเยี่ยนไหวถูกฮ่องเต้รั้งให้อยู่ต่อ
เมื่อไป๋เซี่ยเหอมองพยานสองคนที่มีนิสัยซื่อสัตย์ นางก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขานับได้ว่าทำให้ไท่จื่อขุ่นเคือง ขอเพียงก้าวเท้าออกจากประตูวัง พวกเขาย่อมอายุไม่ยืนแน่
“พวกเ้าเต็มใจมาทำงานที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋องหรือไม่?”
เมื่อทั้งสองคนรับปาก ก็ถูกอิ๋งเฟิงพาตัวออกไป
ฮั่วเยี่ยนไหวที่ถูกฮ่องเต้รั้งไว้กล่าวกับไป๋เซี่ยเหอเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นไป๋เซี่ยเหอก็เดินออกมานอกประตูวังตามลำพัง เตรียมจะขึ้นไปรอฮั่วเยี่ยนไหวในรถม้าเพื่อกลับจวนเซ่อเจิ้งอ๋องด้วยกัน
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าหยุดอยู่ตรงนั้น!”
------------------------