ตอนที่ 2:ท่านย่ามหาภัย
เสียงแผดหวีดร้องอย่างเสียสติของย่าหลี่ดังกัมปนาททะลุผ่านม่านหมอก นกแสรกที่เกาะอยู่บนต้นไม้แห้งกรอบรอบหมู่บ้านต่างใกระพือปีกหนี แสงแดดรำไรที่ลอดผ่านยอดเขาเทียนซานไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศในหมู่บ้านซานชุนดูอบอุ่นขึ้นเลย
กลับยิ่งเน้นให้เห็นรอยร้าวบนผนังดินและหลังคาฟางผุๆ ของกระท่อมท้ายเรือนใหญ่ตระกูลหลี่ชัดเจนยิ่งขึ้น
สภาพของหญิงชราผู้เคยถืออำนาจเบ็ดเสร็จในตระกูลหลี่บัดนี้ดูน่าสมเพช ใบหน้าด้านหนึ่งบวมเป่งเป็สีม่วงคล้ำจากการหกล้มกระแทกพื้นเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน เืกำเดาไหลเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าหนาเตอะ นางยืนสั่นเทาอยู่หน้ากระท่อมที่เปรียบเสมือนรูหนูของบ้านรอง พลางชี้นิ้วที่เล็บดำขลับใส่ประตูที่สั่นคลอนและตระโกนด่าทอคนด้านใน
“อีนังเด็กผี! มันแช่งข้า!มันน่าจะตายไปแล้ว มันคือตัวกาลกิณีที่กลับมาจากนรก!”
ชาวบ้านที่กำลังแบกจอบเสียมเตรียมตัวไปไร่ต่างหยุดชะงักและเริ่มกรูมามุงดู แววตาที่มองเข้ามามีทั้งความอยากรู้อยากเห็นและความหวาดระแวง ในยุคที่ความแร้นแค้นบีบคั้นหัวใจ ความเชื่อเื่ลี้ลับคือสิ่งเดียวที่ผู้คนใช้ยึดเหนี่ยว คำว่า ‘เด็กผีสิง’ จึงรุนแรงประดุจคำพิพากษาปะาชีวิต
ขณะที่ภายนอกกำลังวุ่นวาย หลี่อันอัน ในร่างเด็กน้อยวัยห้าขวบกลับนั่งนิ่งอยู่บนแคร่ไม้ที่สั่นโยกทุกครั้งที่ขยับตัว ดวงตาของนางสงบนิ่งดุจผิวน้ำที่ไร้กระเพื่อม ลมหายใจแ่เบาแต่สม่ำเสมอ ร่างกายที่ซูบผอมจนเห็นซี่โครงกำลังเร่งกระบวนการบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ
‘ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป... ระบบย่อยอาหารเกือบจะล้มเหลว’
อันอันหลับตาลง เชื่อมต่อจิติญญาเข้ากับ ‘มิติิญญา’ ในห้วงสำนึก ข้อมือขวาที่พาดอยู่บนผ้าห่มขาดวิ่นเริ่มแผ่ความร้อนสายหนึ่งออกมา รอยปานแดงรูปมีดผ่าตัดเรืองแสงจางๆ ภายใต้แขนเสื้อ
‘กลูโคสเข้มข้น และวิตามินรวม... ฉัน้าสารอาหารอย่างเร่งด่วน’
เพียงชั่วอึดใจ ขวดแก้วขนาดจิ๋วที่บรรจุของเหลวใสก็ปรากฏขึ้นในอุ้งมือเล็กที่ซุกไว้ใต้ผ้าห่ม นางรีบกระดกมันลงคออย่างรวดเร็ว ความเย็นวาบซ่านไปทั่วร่าง ปลุกเร้าเซลล์ที่เกือบจะตายให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แววตาที่เคยหม่นหมองพลันเปล่งประกายความเฉียบคมของแพทย์สนามหน่วยรบพิเศษออกมาอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันที่ริมลำธารท้ายหมู่บ้าน ซึ่งน้ำเย็นเยือกจนแทบจะกลายเป็น้ำแข็ง หลี่ฮ่าว เด็กชายวัยสิบขวบที่มีใบหน้าคมเข้มแต่ซูบผอม กำลังถือฉมวกไม้ไผ่จ้องมองไปที่ซอกหินอย่างมุ่งมั่น โดยมี หลี่ิ น้องชายวัยแปดขวบคอยถือชะลอมไม้ไผ่อยู่ข้างๆ เมื่อรู้ว่าน้องเริ่มฟื้นพวกเขาออกจากบ้านมาแต่เช้าตรู่เพื่อหาปลาในลำคลองเล็กๆ แห่งนี้
“พี่ใหญ่! ได้ปลาตั้งสี่ตัวแล้ว!” หลี่ิร้องออกมาด้วยความดีใจ แววตาที่หิวโหยเปล่งประกาย “วันนี้ข้าจะเสียบไม้ย่างให้อันอันกิน นางเพิ่งฟื้น... นางต้องได้กินเนื้อปลาถึงจะมีแรง” รอยยิ้มแห่งความสุขเปื้อนใบหน้าพี่ชายอย่างหลี่ฮ่าวทันที
“อืม...สี่ตัวก็น่าจะพอแล้วเรากลับกันเถอะ ป่านนี้นางคงจะหิวแล้ว” หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงหนักแน่น เขาปาดหยดน้ำที่กระเดนบนหน้าผากออก แม้เสื้อผ้าจะบางจนลมหนาวบาดผิว แต่หน้าที่ ‘พี่ใหญ่’ ทำให้เขาทิ้งความอ่อนแอไม่ได้ ทว่าเมื่อทั้งสองก้าวเข้าเขตหมู่บ้าน หัวใจของพวกเขากลับหล่นวูบ เมื่อเห็นชาวบ้านล้อมรอบกระท่อมของตนและเสียงด่าทอของย่าหลี่ที่ดังระงมไปทั่ว
“หลีกไป! พวกเ้ามายืนดูอะไรกัน!” หลี่ฮ่าวะโก้อง เสียงของเด็กชายวัยสิบขวบที่ผ่านงานหนักในไร่นาดูทรงพลังจนชาวบ้านยอมเปิดทางให้
เขาวิ่งพรวดเข้าไปขวางหน้าประตูเรือนพัก แผ่นหลังที่ยังไม่กว้างนักพยายามเหยียดตรงเพื่อกำบังน้องสาวที่อยู่ในห้อง ส่วนหลี่ิรีบวางชะลอมปลาแล้วถลาเข้าไปกอดขาของย่าหลี่ไว้ด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา
“ท่านย่า! ได้โปรดอย่าว่าอันอันเลย นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา นางไม่ใช่เด็กผีนะขอรับ!” หลี่ิร้องอ้อนวอน
“ปล่อยข้า! อีนังเด็กนั่นมันทำข้าเืตกยางออก พวกเ้าก็เหมือนกันระวังไว้เถอะอย่าไปยุ่งกับมันมาก สักวันข้าจะเอามันไปถ่วงน้ำให้รู้แล้วรู้รอด!” ย่าหลี่สะบัดขาอย่างแรงจนหลี่ิกระเด็นไปกระแทกพื้นดิน
หลี่ฮ่าวกำหมัดแน่น แววตาของเขาฉายแววดุดันเกินวัย “ใครกล้าแตะต้องน้องสาวข้า ก็ข้ามศพข้าไปก่อน! ท่านย่า... ท่านเป็ผู้ใหญ่แท้ๆ แต่กลับมาหาเื่เด็กห้าขวบที่ยังลุกเดินไม่ได้ ไม่กลัวฟ้าดินจะลงทัณฑ์บ้างหรือ!”
“แก! ไอ้เด็กเวร!” ย่าหลี่เงื้อมือหมายจะตบหน้าหลี่ฮ่าว
“หยุดมือเถิดเ้าค่ะท่านย่า...”
เสียงเล็กๆ ทว่าเย็นเยือกดังมาจากภายในห้องพักที่มืดสลัว หลี่อันอันค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากเงามืด แม้จะยังดูอ่อนแรงแต่นางกลับยืนหยัดได้อย่างมั่นคง แววตาสีเข้มของนางจ้องลึกเข้าไปในตาของย่าหลี่จนหญิงชราถึงกับมือสั่น
“ท่านย่าอยากพิสูจน์หรือเ้าคะว่าข้าเป็เด็กผีจริงหรือไม่... ถ้าข้าเป็ผีจริง ก้าวต่อไปที่ท่านจะเดินเข้าหาข้า... ิญญาของท่านอาจจะถูกฉุดลงหลุมไปพร้อมกับคำสาปแช่งของข้าก็ได้นะเ้าคะ”
ท่ามกลางความเงียบงันและอากาศที่เย็นะเื คำพูดของอันอันทำให้ชาวบ้านที่มุงอยู่ต่างขนลุกซู่ พี่ชายทั้งสองมองน้องสาวด้วยความตะลึง... ความรู้สึกปลอดภัยบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากร่างเล็กๆ นั้น ราวกับว่านางไม่ใช่ภาระที่พวกเขาต้องปกป้องอีกต่อไป แต่เป็ ‘ที่พึ่ง’ หนึ่งเดียวของบ้านรองในยามนี้
ในขณะเดียวกันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น"ใครว่าลูกข้าเป็เด็กผี!" เสียงทุ้มต่ำทว่าแหบพร่าดังกังวานมาจากหน้าประตูรั้ว
ฝูงชนหลีกทางออกทันที ร่างสูงโปร่งทว่าซูบผอมของชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในบ้าน เขาสวมชุดนายทหารระดับล่างที่ขาดรุ่งริ่ง ตามตัวเต็มไปด้วยคราบโคลนและรอยเืแห้งกรัง ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้ซีดเผือดจนเกือบเป็สีเทา เขาคือ หลี่เฉิงไห่ บิดาของหลี่อันอัน และบุตรชายคนที่สอง ที่ย่า หลี่ชังน้ำหน้ามากที่สุด
"เฉิงไห่! เ้ากลับมาก็ดีแล้ว! ดูลูกสาวตัวดีของเ้าสิ มันแช่งแม่จนหน้าแหกเยี่ยงนี้!" ย่าหลี่ถลาเข้าไปหาบุตรชาย พยายามจะฟ้องเอาความ
แต่หลี่เฉิงไห่กลับไม่ได้สนใจฟังเสียงนกเสียงกา แววตาที่อิดโรยของเขาจับจ้องไปที่บุตรสาวตัวน้อยที่เขานึกว่าสิ้นใจไปแล้ว เมื่อเห็นหลี่อันอันลืมตาอยู่ เขาก็ทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้น แรงกระแทกนั้นทำให้เขาไอออกมาเป็เืคำโต
"ท่านพี่!" จางซื่อหวีดร้องถลาเข้าไปประคองสามีแต่เขาไม่สนใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย
"อันอัน... ลูกพ่อ...ลูกฟื้นแล้ว"
วิ้ง! ทันใดนั้นเอง ประสาทััของหลี่อันอันก็ทำงานอีกครั้ง เนตร์เบิกภพ ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นบิดาในระยะใกล้!
ภาพที่นางเห็นไม่ใช่เพียงชายที่ได้รับาเ็ธรรมดา แต่เหนือศีรษะของหลี่เฉิงไห่กลับมี 'เส้นด้ายสีดำมรณะ' พาดผ่านลำคอ มันขดม้วนรัดรึงแน่นราวกับงูพิษที่กำลังจะสูบิญญา และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ 'ออร่าแห่งความตาย' ที่แผ่ออกมาจากทรวงอกซ้ายของเขา มันเป็สีม่วงคล้ำปนดำสนิท... สัญญาณของยาพิษ!
'ไม่ใช่อาการาเ็จากการรบ... นี่มันคือการถูกวางยาพิษร้ายแรงที่ออกฤทธิ์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต!' หลี่อันอันในฐานะแพทย์สนามวิเคราะห์ในเสี้ยววินาที ดวงตาของนางขยายกว้าง นางเห็น 'ตัวเลขถอยหลัง' ลอยอยู่เหนือหน้าผากของบิดา
[00 : 29 : 59]
อีกเพียง 30 นาที... ท่านพ่อจะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน!
