จบแล้วหรือ?
เซียวเจวี๋ยยืนอยู่ใต้ชายคามองท้องฟ้าอันสว่างไสว
ฉู่สือที่ยืนอยู่ไม่ไกล มีสีหน้าท่าทางซับซ้อนและกังวล
เร็วๆ นี้ าากับหญิงสาวผู้นั้นใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ มองแล้วเขาก็กังวลใจ
ความบาดหมางระหว่างปรโลกกับยมโลกไม่อาจแก้ไขได้ หากาาทรงรักหญิงสาวผู้นั้นจริงๆ ทหารของยมโลกจะไม่ปวดใจกันหรือไร?
ฉู่สือกัดริมฝีปากอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า ทว่า ยามเขาเดินผ่านไป โดยยังไม่ทันได้พูดอะไร เซียวเจวี๋ยก็มอบป้ายอาญาสิทธิ์มาให้
“รอให้นางกลับมา เ้าค่อยไปส่งนางกลับวัง”
ฉู่สือได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจมาก จนตอบกลับโดยพลันว่า “เช่นนั้นกระหม่อมจะเฝ้าประตูนะพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเจวี๋ยหันกลับมามองในห้องหนังสือ เศษกระดาษยังคงอยู่ในโถข้างโต๊ะ เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วเอนตัวไปหยิบมันมาคลี่ออกดู เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ ภาพวาดเลอะเทอะเพียงนี้แล้วยังวาดต่อได้หรือไม่?
ภายในห้อง มีเพียงเสียงถอนหายใจยาว
ฝีเท้าของฉู่สือเร็วอย่างไม่เคยเป็ ยามที่เขาจะข้ามทางเดินก็มีเงาสีขาวเดินเข้ามาหา
แม้ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ทว่า ฉู่สือยังสร้างเกราะเวทเอาไว้ เขาเอ่ยว่า “ไม่ได้ไปอวดฉลาดต่อพระพักตร์าาล่ะ เ้าจะมากับข้าทำไม?”
เสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาด้วยท่าทางอันซับซ้อน “เหล่าฉู่ ท่านช่วยสุภาพกับผู้หญิงคนนั้นได้หรือไม่?”
พอได้ยินดังนั้น ฉู่สือที่กำลังอารมณ์ดีก็อารมณ์เสียทันใด พร้อมจ้องมันด้วยใบหน้าเ็า “หลิงเฟิงยังไม่ได้ฟื้นความทรงจำ เป็ไปได้ไหมว่าความทรงจำของเ้าก็ถูกสุนัขกินไปแล้วเหมือนกัน? เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ถูกเ้ากินไปเองใช่ไหมล่ะ?”
เสี่ยวไป๋ทำเพียงมองอย่างสงบ โดยที่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
“ข้ารู้ว่าทำไมท่านถึงเกลียดนางถึงขนาดนี้ ไม่เพียงเพราะเหล่าพี่น้องจำนวนมากที่ตายในาสระหยิน แต่ประเด็นสำคัญคือเย่เหยียน”
ราวกับว่ามันแทงถูกจุด สีหน้าของฉู่สือแย่มากๆ จนต้องปิดปากทันที
เสี่ยวไป๋ไม่ได้สนใจสีหน้าของฉู่สือ มันเอ่ยต่อว่า “ตอนนั้น าาทรงเป็แนวหน้าที่สระหยิน ท่านได้รับคำสั่งให้ป้องกันแท่นเพลิงบริสุทธิ์ิญญา แต่สุดท้ายก็ถูกเย่เหยียนขโมยไป นี่คือความชิงชังและอัปยศในใจท่าน ซึ่งไม่อาจกำจัดมันได้ตลอดมา ดังนั้น เวลาหลายพันปีที่ท่านติดตามาาผ่านวัฏสงสาร ทุกครั้งที่ตายจะไม่มีหลุมฝังศพให้ตัวเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลงโทษตัวเอง”
“พอได้แล้ว”
เสี่ยวไป๋ยังคงไม่หยุดพูด “ทว่า นอกเหนือจากความผิดพลาดของตัวเองและความรู้สึกผิดต่อาาล่ะ?”
มันเงยหน้าขึ้นมองฉู่สือ “ครั้งอดีต ในบรรดาาาผดุงธรรมทั้งสี่ เป็ท่านที่สนิทกับเย่เหยียนที่สุด ตอนนั้น หญิงสาวผู้นั้นยังไม่เติบโต ท่านก็อยู่เป็เพื่อนกับเย่เหยียนในอเวจีอันกว้างใหญ่ อดทนต่อลมมารและิญญาชั่วร้าย พวกท่านอบรมสั่งสอนหญิงสาวคนนั้นด้วยกัน แล้วพวกท่าน...”
“พอแล้ว หุบปากเสียที!” ฉู่สือตะคอกอย่างเดือดดาล ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาเดินหนีไป
เสี่ยวไป๋มองแผ่นหลังของเขา มันไม่ได้ตามไป แต่ทำเพียงก้มหน้าบ่นว่า
“ไม่ว่าาาหรือท่านก็ไม่ควรยึดติดกับอดีต...”
“หลังจากการเวียนว่ายตายเกิดมาหลายครั้ง มันยากนักที่จะระลึกชาติได้ ข้าไม่อยากเห็นพวกท่านติดอยู่ในความเกลียดชังอย่างไม่รู้จบ”
“ข้าเองก็ยังไม่อยากจะปักใจเชื่อเลยว่าเย่เหยียนเป็คนขโมยเพลิงบริสุทธิ์ิญญาไป...”
“บางทีความจริงจะกระจ่างก็ต่อเมื่อพบเย่เหยียนเท่านั้น...”
...
รถม้าหยุดที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง
ชิงอีลงจากรถม้าอย่างเกียจคร้าน แล้วก็เห็นว่าฉู่สือเป็ผู้ต้อนรับนางอยู่หน้าประตู นางเลิกคิ้วข้างหนึ่ง โอ้ พรุ่งนี้ดวงอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ๆ องครักษ์ฉู่สือเต็มใจมาต้อนรับนางจริงๆ หรือ?
เหตุใดไม่ทำหน้าบึ้งใส่ล่ะ?
ชิงอีเดินทอดน่องมาอยู่ตรงหน้าฉู่สือ แต่เขากลับมองนางด้วยสายตาแปลกๆ
ถึงไม่ได้เฉียบคมเหมือนปกติ แต่ในดวงตานั้นเหมือนจะมี...ความเมตตา?
ชิงอียื่นมือออกโบกตรงหน้าฉู่สือ “เ้าละเมอหรือไร?”
ดวงตาเหม่อลอยของฉู่สือกลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องนางอย่างดุดัน
ชิงอีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นแบบนี้ นางตบอกตัวเอง “ข้าใแทบตาย สายตาของเ้าเมื่อครู่เหมือนผ่านเื่ร้ายๆ มา ข้าคิดว่าเ้าจะฆ่าตัวตายแล้วเสียอีก! ถ้าเ้าตายไป หนุ่มน้อยนั่นจะไม่มาโทษข้าหรือไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉู่สือร้องฮึออกมาอย่างเ็า พอเห็นแววตาของนางก็เริ่มรังเกียจขึ้นมาอีกรอบ เขาเอ่ยอย่างเ็าว่า “กระหม่อมได้รับคำสั่งให้ไปส่งองค์หญิงกลับวังพ่ะย่ะค่ะ เชิญองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”
รอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าชิงอีค่อยๆ จางหายไป และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเ็า นางมองป้ายอาญาสิทธิ์ของเซ่อเจิ้งอ๋องที่อยู่ในมือของฉู่สือ แล้วรู้สึกโกรธเคืองเป็ที่สุด
“บ้านซอมซ่อเช่นนี้ คิดว่าข้าอยากอยู่กับเ้านักหรือไร!”
พูดจบนางก็รีบขึ้นรถม้า “ชิวอวี่! กลับวัง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิวอวี่ไม่รอช้า เขารีบขับรถม้าออกไปพร้อมกับสีหน้าไม่สบายใจ
เมื่อวานยังดีกันอยู่เลย ไฉนวันนี้เซ่อเจิ้งอ๋องถึงกลายเป็เช่นนี้เสียได้ ดึกดื่นขนาดนี้ทรงจะไล่องค์หญิงอีก ไม่เข้าใจคำว่ารักหยกถนอมบุปผา[1]เอาเสียเลย!
ชิงอีที่โกรธจนแทบะเิ นางนั่งในรถม้าไปพลางกัดฟันไป ทั้งยังสาปแช่งบรรดาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปไม่หยุดหย่อน โดยขอให้เขาไม่ได้เจอกับความโชคดีใดๆ!
หลังจากด่าไปพอสมควร แต่นางก็ไม่หายโกรธ จึงยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง และด่าทอฉู่สือ
คำพูดหยาบพวกนั้นผสมคำสแลงของภาษาถิ่น รวมถึงคำผีของปรโลกก็ออกมาทั้งหมด ทำเอาฉู่สือตกตะลึงกับการด่าทอ สีหน้าของเขาดูว่างเปล่าไป ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็ไม่อาจหาช่องที่จะโต้กลับได้
นางไปเรียนรู้คำหยาบคายเหล่านี้มาจากไหนกัน?
ฉู่สือโกรธจนแทบะเิเช่นกัน หากนางคือน้องสาวของเขาจริงๆ เขาคงได้ตีนางตายแน่ๆ!
ขนาดพวกกุ๊ยในตลาดบนโลกมนุษย์ยังไม่พูดจาไร้ยางอายเท่านางเลย
ฉู่สือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “องค์หญิงตรัสไปก็เปล่าประโยชน์ กระหม่อมจะรอให้ท่านเสด็จเข้าประตูวัง กระหม่อมจึงจะออกไป”
ชิงอีหัวเราะเยาะออกมา “ทำไมล่ะ องครักษ์ฉู่สืออยากจะดูแลข้าให้กลับงั้นหรือ?!”
“กระหม่อมทำตามพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
คำสั่งบ้านเ้าสิ!
“คำสั่งเหรอ เหอะ ชิวอวี่!”
สิ้นเสียงของชิงอี รถม้าก็หยุดทันที
สีหน้าของฉู่สือก็ดูไม่ดีนักเช่นกัน “องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้ดึกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“จะดึกดื่นมืดค่ำอย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้าล่ะ? ข้าจะไปหรือไม่ไป เ้าบังคับข้าได้ด้วยหรือ?” ชิงอีที่ยื่นหน้าออกมานอกหน้าต่าง นางกลอกตามองฉู่สืออย่างหงุดหงิด
ฉู่สือทนมาตลอดทางแต่ตอนนี้ไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนการควบคุมอารมณ์กับาามาดีขนาดนั้น อีกทั้งก่อนออกมายังถูกเสี่ยวไป๋ยั่วโมโหอีก แถมตลอดการเดินทางก็ถูกชิงอีโมโหใส่อีก เขาเลยะเิอารมณ์ใส่ “กระหม่อมจะไปบังคับท่านได้อย่างไร ถึงท่านจะเป็องค์หญิงใหญ่ ทว่า จวนเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ใช่สถานที่ที่ท่านสามารถก่อความวุ่นวายและวางอำนาจ หากองค์หญิงทรงอยากวางอำนาจก็เสด็จกลับวังของท่านไป!”
ความจริงแล้ว ฉู่สืออยากจะบอกว่ากลับปรโลกไปซะ!
“ฉู่สือ เ้าบังอาจนัก!” ชิวอวี่ะโลงจากรถม้าเอ่ยอย่างโกรธเคือง เขาวางมือบนฝักดาบรอเพียงคำสั่งของชิงอีเท่านั้น
เมื่อฉู่สือเห็นแล้วก็ร้องฮึอย่างดูแคลน ชิวอวี่ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา
แววตาของชิงอีมีลุกโชนด้วยความโกรธครู่หนึ่งก่อนจะดับมอด ทว่า นางกลับไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวใดๆ ทั้งยังยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ดูเหมือนว่า องครักษ์ฉู่จะร้อนรนอยากให้ข้าไปจากจวนอ๋องเสียเหลือเกินนะ”
“ฉู่สือมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ” ชิงอีเบะปาก ท่าทางของเขาไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย
“แต่ข้ากับท่านอ๋องของเ้ามีสัญญาสมรสต่อกัน หากในภายภาคหน้าข้าแต่งงานกับเขา เ้าก็จะได้เจอข้าทุกวันแน่...” ชิงอีพูดเสียงเบาๆ
สีหน้าของฉู่สือแย่ลงทันตา เขาหัวเราะฮึอย่างน่าขนลุกและเอ่ยว่า “สมรส? ท่านอ๋องทรงไม่มีทางสมรสกับท่านเด็ดขาด”
สีหน้าของชิวอวี่หมองลง เ้าฉู่สือไม่ใช่ว่าบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้พูดกับองค์หญิงด้วยความยินดีปรีดาเช่นนั้น
ทันใดนั้น ฉู่สือก็สะดุ้งเฮือก
เมื่อได้สบตาเข้ากับดวงตากลมโตอันมีเสน่ห์ เ้าเล่ห์แฝงความชั่วร้ายของชิงอี คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมองเขาด้วยสายตาเ้าเล่ห์เช่นนั้น!
ถูกนางกวนอารมณ์ตลอดทาง ครั้งนี้ก็ถูกนางล่อให้ติดกับอีก! โชคดีที่เขายังพอมีสติอยู่บ้าง จึงไม่ได้โต้กลับอะไรไป
เพียงแต่...
ทำไมนางถึงยิ้มแปลกๆ ล่ะ!
ฉู่สือรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“ชิวอวี่กลับรถม้า เรากลับไปที่จวนอ๋องกันเถอะ!” ริมฝีปากสีแดงของชิงอีแย้มยิ้ม
สีหน้าฉู่สือเปลี่ยนไปอย่างมาก “องค์หญิงใหญ่!”
“ข้าโกรธง่าย ใครทำให้ข้าไม่มีความสุข เ้าบอกว่าเซียวเจวี๋ยไม่มีทางแต่งงานกับข้าใช่ไหม?” ชิงอียิ้มอย่างมีเสน่ห์และซุกซน นางพูดกับฉู่สือ พร้อมกับขยิบตาให้ทีหนึ่ง “เช่นนั้นทำอย่างไรดี จู่ๆ ข้าก็อยากสมรสขึ้นมาแล้วสิ”
ฉู่สือถึงกับขนหัวลุก!
รถม้าที่วิ่งออกไป เหลือเพียงแค่เสียงหัวเราะบ้าคลั่งของชิงอีผู้มีสติฟั่นเฟือนนั่นก้องอยู่ในหูเขา
นี่ไม่ใช่ว่าเขากำลังทำเื่ดีให้กลายเป็เื่แย่งั้นหรือ?
ทำไมสาวน้อยผู้นี้ถึงได้ชอบทำเื่ไร้ยางอายเช่นนี้นะ?!
เย่เหยียน เ้านี่เลี้ยงน้องสาวมาดีจริงๆ!
ให้ตายสิ!
ฉู่สือกัดฟันและรีบวิ่งไล่ตามรถม้าไป!
***********************
[1] รักหยกถนอมบุปผา (怜香惜玉) เป็สำนวนจีนหมายถึง บุรุษควรทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี
