เจียงหงหย่วนหยิบน้ำมันกระดูกเสือออกมา ตอนอยู่ในป่า กระดูกเสือจะเสียถ้าไม่รีบจัดการ ด้วยเหตุนี้ตอนนั้นเจียงหงหย่วนจึงลงแรงทำน้ำมันกระดูกเสือออกมา
เถ้าแก่รับกระปุกมาเปิดฝาดูและดม ประกายดีใจปรากฏบนใบหน้าทันที
เขารีบสั่งให้คนไปเอาอุปกรณ์ของเขามา ใช้ช้อนคันเล็กตักขึ้นมาบี้ในมือเล็กน้อยก่อนที่จะใส่เข้าปากชิม
“น้ำมันกระดูกเสือ!” เขาไม่เจอน้ำมันกระดูกเสือคุณภาพดีเช่นนี้มานานมากแล้ว ไม่ต้องคุณภาพเช่นนี้ก็ได้ เพราะลำพังแค่น้ำมันกระดูกเสือคุณภาพธรรมดายังไม่มี
มีกระดูกเสือมาขายให้เป็ครั้งคราวแต่คุณภาพไม่ดีนัก เวลานายพรานโชคดีล่าเสือได้ก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะนำกระดูกมาขาย คุณภาพดีสิแปลก
“หายากยิ่งนัก ยากนักที่เ้าจะผลิตเองเป็” เถ้าแก่พูดเสริมอีกประโยค จริงอยู่ที่นายพรานหาของดีเป็ แต่น้อยนักที่จะผลิตเป็
“ข้ามีนามว่าเถาอวิ๋นจิ้ง ไม่ทราบว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้มีนามว่ากระไร?” ตรวจสอบสินค้าเสร็จสิ้น เถ้าแก่เถาเริ่มคิดจะผูกมิตร
เขาหวังว่าหากวันหน้าเจียงหงหย่วนมีของดีเช่นนี้อีกจะนำมาขายให้เขา
“เจียงหงหย่วน นี่ภรรยาข้า หลินหวั่นชิว”
สถานะของสตรีในยุคนี้ต่ำเตี้ยจมดิน การที่เจียงหงหย่วนแนะนำภรรยาตัวเองเช่นนี้จึงทำให้เถ้าแก่แปลกใจ ขณะเดียวกันก็อดมองไปทางหลินหวั่นชิวไม่ได้
หน้าตาไม่โดดเด่นแต่กลับมีชีวิตชีวา
หายากนักที่จะไม่กลัวบุรุษหน้าตาขี้เหร่ผู้เป็ดังปราการเหล็กผู้นี้
สายตาที่เจียงหงหย่วนมองหลินหวั่นชิวดูต่างออกไป มีความอ่อนโยนมากขึ้น ไม่ได้เ็าแบบที่มองเขา เถ้าแก่รู้สึกว่าคำว่าแข็งกร้าวกับผู้อื่นแต่อ่อนโยนกับคนรักคงเป็เช่นบุรุษผู้นี้
เถ้าแก่ไม่ได้ถามชื่อนางเสียหน่อย แต่เจียงหงหย่วนกลับแนะนำอย่างจริงจัง หลินหวั่นชิวรู้สึกแปลกใจ อดมองเจียงหงหย่วนไม่ได้เช่นกัน แต่ภาพที่ปรากฏสู่สายตายังคงเป็ใบหน้าที่ไม่ญาติดีกับผู้ใดทั้งสิ้น
ัักระไรไม่ได้ทั้งนั้น
“ข้าอายุมากกว่าพวกเ้า จะเรียกพวกเ้าว่าน้องเจียงกับน้องสะใภ้ก็แล้วกัน น้ำมันกระดูกเสือนี้คุณภาพไม่เลว หากยอมขายให้ที่นี่จะให้ราคาพวกเ้าแปดสิบตำลึงเงิน”
เจียงหงหย่วนไตร่ตรองสักพัก “ข้านำน้ำมันกระดูกเสือไปขายในเมืองเอกประจำมณฑลจะได้ราคาสูงกว่า ไม่ใช่แค่แปดสิบตำลึง แม้แต่ร้อยหกสิบตำลึงยังมีคนซื้อ ข้าจะขายให้เถ้าแก่ย่อมได้ แต่อยากรบกวนให้ท่านหมอฉู่ช่วยตรวจอาการให้น้องชายกับภรรยาข้าเสียหน่อย”
การค้าเกิดจากการเจรจาต่อรองทั้งนั้น ราคาแปดสิบตำลึงที่เถ้าแก่เสนอถือว่ากดราคาจริงๆ ราคาในใจที่เขาคิดมาคือร้อยยี่สิบตำลึง
แต่เถ้าแก่คิดไม่ถึงว่าเจียงหงหย่วนจะไม่ต่อรองราคา แต่เลือกยื่นเงื่อนไขเช่นนี้แทน
“น้องเจียงตรงไปตรงมายิ่งนัก เื่นี้ข้าพอช่วยได้อยู่ ท่านหมอฉู่แห่งโถงร้อยโอสถของพวกเราไม่ได้ออกนั่งตรวจคนไข้มานาน แต่ท่านหมอยังพอเห็นแก่หน้าข้าอยู่บ้าง เอาเช่นนี้ ไว้ประเดี๋ยวข้าจะไปหาท่านหมอ ตอนบ่ายพวกเ้าค่อยมาพบข้าก่อนกลับ ข้าจะบอกเวลานัดหมายให้ แต่หากวันหน้าน้องเจียงได้ยาดีมาอีก อย่าลืมมาหาข้าด้วยล่ะ!”
เจียงหงหย่วนตอบตกลง “แน่นอนขอรับ!”
เถ้าแก่เถาให้คนนำเงินมาแปดสิบตำลึง หนึ่งก้อนมีค่าเท่ากับสิบตำลึง ทั้งหมดแปดก้อน
เจียงหงหย่วนให้หลินหวั่นชิวเก็บเงิน จากนั้นจึงบอกลาและออกจากโถงร้อยโอสถ
ทั้งคู่รับเกวียนแล้วขี่ไปทางร้านขายหนังสัตว์ ตลอดทาง หลินหวั่นชิวอดจ้องเจียงหงหย่วนไม่ได้
บอกตามตรง นางคิดไม่ถึงว่าเจียงหงหย่วนจะมีมุมนี้ด้วย
เจียงหงหย่วนที่นางเคยเห็นเป็คนหยาบคาย หยาบกระด้างกับทุกคน ไม่ปลิ้นปล้อนอยู่เป็สักนิด
แต่ตอนที่เขาต่อรองกับเถ้าแก่เถาเมื่อครู่ การพูดการจาและอากัปกิริยาดูมีเสน่ห์อีกแบบ โต้ตอบเหมาะสม รู้จักเข้ารู้จักถอย ทั้งที่เป็ฝ่ายขายสินค้าแต่กลับทำให้อีกฝ่ายติดหนี้น้ำใจเขา
หลินหวั่นชิวพอจะรู้ได้จากบทสนทนาของทั้งคู่ว่าท่านหมอฉู่น่าจะเป็หมอที่เชิญตัวยาก แต่เื่นี้กลับถูกเจียงหงหย่วนจัดการเรียบร้อยภายในคำพูดไม่กี่ประโยค
“มองข้าเพราะเหตุใด?” สายตาของภรรยาตัวน้อยเอาแต่จ้องมาที่ตัวเอง เจียงหงหย่วนรู้สึกได้ใจเล็กน้อย ทว่าน้ำเสียงที่พูดยังคงปกติ เ็าและกระโชกโฮกฮาก
หลินหวั่นชิวรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็คนเช่นนี้ ไม่เก็บมาถือสาแต่อย่างใด
“คิดไม่ถึงว่าปกติท่านดูเป็คนหยาบคาย แต่เมื่อครู่กลับละเอียดรอบคอบขึ้นมาได้” หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าเขาที่ประณีตละเอียดให้ความรู้สึกเหมือนจางเฟยปักดอกไม้[1]
เจียงหงหย่วนชำเลืองตามองหลินหวั่นชิว สายตาเหล่ไปที่หน้าอกนาง พูดอย่างแฝงความหมายว่า “เป็ความจริงที่ข้าหยาบคาย ไม่เคยละเอียด สักวันเ้าจะได้รู้…”
หลินหวั่นชิว “…”
นางรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากอดใจคุยกับบุรุษผู้นี้ไม่ได้
หลินหวั่นชิวปิดปาก ไม่คิดจะคุยกับเจียงหงหย่วนอีก
นางพบว่าความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของเจียงหงหย่วนไม่ใช่การล่าสัตว์ แต่เป็การทำลายภาพลักษณ์อันงดงามที่เพิ่งก่อตัวในใจนางต่างหาก
ทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าเขาดี เขาจะคอยทำลายความรู้สึกนั้นด้วยหมัดเดียวเสมอ
ท่าทีที่ภรรยาตัวน้อยโมโหแก้มพองดูน่ารักมาก เม้มปากเป็เส้นตรงจนอยากงัดเปิด
งัดเปิดด้วยลิ้น
เขาอยากลองชิมรสชาติของปากภรรยาตัวน้อยเหลือเกิน
เจียงหงหย่วนจินตนาการฝันหวาน
แต่ตอนนี้ภรรยาตัวน้อยไม่มีทางยอม หรือค่อยลองตอนนางหลับคืนนี้ดี?
หึๆๆ…ทำคืนนี้นี่แหละ!
เสียแรงที่หลินหวั่นชิวอุตส่าห์คิดว่าเขาเป็คนรักษาคำพูด ไม่รู้สักนิดว่าชายข้างกายนางเป็หมาป่าหิวโหย คอยหาโอกาสลงมือทุกเมื่อ อยากกินนางให้เกลี้ยง
เจียงหงหย่วนสนิทกับร้านขายหนังสัตว์แห่งนี้ เขานำหนังสัตว์มาขายที่นี่ตลอดหลายปี แม้ราคาจะไม่ได้สูงที่สุดแต่เขาก็รู้สึกว่าเหมาะสมแล้ว
เสือที่เขาล่าได้เป็เสือตัวผู้โตเต็มวัย แข็งแรงกำยำ ขนเป็มันวาวและมีขนาดใหญ่
แม้จะไม่ใช่เสือที่ล่าได้ในฤดูหนาว แต่นี่ก็ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ขนเสือหนามากพอ
หนังเสือผืนนี้ขายได้สองร้อยสามสิบตำลึงเงิน
เจียงหงหย่วนรับเป็ตั๋วเงิน ให้หลินหวั่นชิวเป็คนเก็บทั้งหมดเช่นกัน
การมาขายของครั้งนี้ได้เงินมาสามร้อยสิบตำลึง ทำให้หลินหวั่นชิวได้เห็นความสามารถในการหาเงินของเจียงหงหย่วน
แต่นางก็รู้เช่นกันว่ากว่าจะล่าสัตว์ประเภทเสือได้สักตัวไม่ใช่ง่ายๆ อีกทั้งยังอันตรายมาก
ถึงปากเจียงหงหย่วนจะไม่ค่อยดี แต่นางย่อมไม่อยากให้เขาเป็กระไรไปเช่นกัน
ดังนั้น หลินหวั่นชิวตัดสินใจแล้วว่ากลับไปจะให้เขากินโอสถชำระไขกระดูกหนึ่งเม็ด
เชิงอรรถ
[1] จางเฟยปักดอกไม้(张飞绣花) จางเฟยเป็ตัวละครจากเื่สามก๊ก คนไทยรู้จักในชื่อเตียวหุย ตามเนื้อเื่แล้วจางเฟยเป็คนใจร้อน ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่การเย็บปักถักร้อยเป็งานของคนใจเย็น คำนี้จึงเป็การเปรียบเทียบถึงคนที่ภายนอกดูบุ่มบ่ามใจร้อน แต่กลับทำงานละเอียดรอบคอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้