“หลี่หมัวมัว ไฉนท่านจึงกล้าตบตีสาวใช้คนสนิทของฮองเฮาเล่า ด้วยนิสัยมีแค้นต้องชำระเช่นฮองเฮา นางจะต้องไม่ละเว้นเ้าแน่นอน”
“กลัวอันใดกัน ฮองเฮาถูกฝ่าาส่งตัวเข้าตำหนักเย็นแล้ว สตรีที่เดินเข้าไปในตำหนักเย็น ข้ายังต้องเกรงกลัวนางอีกหรือ”
“นั่นก็ใช่! หลี่หมัวมัวเป็ถึงแม่นมของฝ่าา ซ้ำยังเป็คนโปรดของไทเฮา ไทเฮาทรงโปรดเสวยน้ำแกงฝูหรงที่หลี่หมัวมัวปรุง ขาดท่านไม่ได้แม้แต่วันเดียว”
“ฮึ ไทเฮาเห็นฮองเฮาขัดหูขัดตามานานแล้ว เพียงแต่ยังเห็นแก่หน้าของใต้เท้าอัครเสนาบดี จึงไม่กล้าตำหนิฮองเฮาซึ่งหน้า ข้าทำเช่นนี้เป็การระบายโทสะเพื่อไทเฮาเหนียงเหนียง!”
เฟิ่งเฉียนเดินมาถึงห้องเครื่องด้วยการนำทางของจื่อซู เพิ่งจะก้าวเข้าประตูมาก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างหมัวมัวทั้งสองคน นางมีโทสะจนต้องหัวเราะออกมา
“เป็เ้าที่ตบตีคนของเปิ่นกง”
หมัวมัวทั้งสองหันกลับมาพร้อมกันด้วยความใจนหน้าถอดสี
“อย่างไรเล่า อยู่ต่อหน้าเปิ่นกงกลับไม่กล้ายอมรับเสียแล้ว”
หลี่หมัวมัวยืดอกเมื่อคิดได้ว่าตนเองมีไทเฮาหนุนหลังอยู่ จึงไร้ซึ่งความเกรงกลัว “บ่าวเป็คนตีเองเพคะ! แต่บ่าวทำตามกฎระเบียบของวังหลวง! สตรีที่เข้ามาในตำหนักเย็นกินได้แค่ข้าวเหลือและอาหารเหลือเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์กินอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ นี่เป็กฎระเบียบที่บรรพบุรุษกำหนดไว้ สาวใช้คนนี้ไม่ฟังเหตุผลซ้ำยังโต้เถียงกับบ่าว บ่าวจึงอบรมสั่งสอนนางแทนฮองเฮาเพคะ!”
ไม่เสียแรงที่เป็คนเก่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ในวังหลวงมานาน คำพูดคำจาล้วนหาช่องโหว่ไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็คนอื่นเกรงว่าต้องเสียเปรียบเป็แน่ ทว่าน่าเสียดายที่วันนี้นางพบกับเฟิ่งเฉี่ยน เฟิ่งเฉี่ยนยกมือขึ้นก็ตบเข้าให้ที่ใบหน้าสองฉาดทันที ตามมาด้วยเท้าที่ถีบเข้าไปที่ท้องของหลี่หมัวมัวส่งผลให้นางนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
“ต่อให้เปิ่นกงเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นก็ยังคงเป็ฮองเฮา เ้าผู้ซึ่งเป็เพียงแค่บ่าวคนหนึ่งถึงกับกล้าล่วงเกินเปิ่นกงต่อหน้า หากเปิ่นกงไม่อบรมสั่งสอนเ้าแทนไทเฮาเหนียงเหนียง เกรงว่าจะเป็การไม่กตัญญูต่อไทเฮาเหนียงเหนียง!”
ฮึ ให้เปิ่นกงกินข้าวเหลืออาหารเหลือ ช่างเป็การรนหาที่ตายโดยแท้!
คนทั้งหมดในห้องเครื่องต่างคุกเข่าลงในทันที พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ด้วยซ้ำ
หลี่หมัวมัวล้มลงบนพื้นมือกุมใบหน้าด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ “เ้า...เ้าตบตีข้า”
“ยังมีเรี่ยวแรงพูดจา” สายตาเยียบเย็นของเฟิ่งเฉียนหันไปมองสาวใช้ปราดหนึ่งพร้อมกับสั่งว่า “จื่อซู ไป! ตบนางสิบฉาด!”
ไม่พอใจใช่หรือไม่ ตีจนเ้าพอใจก็แล้วกัน!
หลี่หมัวมัวเบิกตากว้าง นางถลึงตามองจื่อซู “เ้ากล้าหรือ หากไทเฮาเหนียงเหนียงล่วงรู้ ไม่มีทางละเว้นเ้าเด็ดขาด!”
จื่อซูลังเลใจด้วยรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง “เหนียงเหนียง...”
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ดวงตาเ็าลงครึ่งหนึ่งและแค่นเสียงฮึพร้อมกับพูดเสียงต่ำ “ต่อให้ไทเฮาเสด็จมา ข้าก็จะยังตบตีนางเหมือนเดิม!”
ทันทีที่สิ้นเสียงพลันมีเสียงแหลมเล็กขานดังขึ้นจากด้านนอก “ไทเฮาเสด็จ—“
ช่างบังเอิญเหลือเกิน ไทเฮาเสด็จมาจริงๆ
“น้ำแกงขุยหรงของอายเจียทำเสร็จแล้วหรือไม่ ไฉนวันนี้จึงช้าเช่นนี้เล่า อายเจียรอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว”
คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงมาถึงก่อน เฟิ่งเฉี่ยนหันหน้ากลับไปมอง เห็นไทเฮากำลังเดินเข้ามาในห้องเครื่องภายใต้การประคับประคองของนางกำนัล
เมื่อเห็นหลี่หมัวมัว ไทเฮาถึงกับตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี “หลี่หมัวมัว ไฉนเ้าจึงลงไปนั่งบนพื้นเล่า ใบหน้าของเ้าเป็อะไร”
หลี่หมัวมัวเห็นไทเฮาประดุจเหมือนเห็นญาติสนิท นางล้มลุกคลุกคลานเข้ามากอดขาของไทเฮาเอาไว้แน่น ทั้งยังร่ำไห้คร่ำครวญ “ไทเฮาเหนียงเหนียง...ท่าน...ท่านจะต้องให้ความยุติธรรมบ่าวนะเพคะ!”
“เกิดเื่อันใดขึ้น” ไทเฮาคาดไม่ถึงอย่างยิ่งยวด เมื่อหันไปเห็นเฟิ่งเฉี่ยนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง คิ้วของไทเฮาคร่ำเคร่งลงทันที “ฮองเฮา ไฉนเ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“ถวายพระพรเสด็จแม่เพคะ” เฟิ่งเฉี่ยนยอบกายถวายพระพร คนอื่นๆ ล้วนคุกเข่าหมอบอยู่บนพื้นกล่าวถวายพระพรไทเฮาอายุยืนพันปี
ไทเฮาจ้องหน้าเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตาเคร่งเครียดก่อนจะถามว่า “ตกลงเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่”
เฟิ่งเฉี่ยนกำลังจะอ้าปากเพื่อพูดจา หลี่หมัวมัวชิงพูดขึ้นก่อน “ไทเฮาเหนียงเหนียง...บ่าวกำลังทำน้ำแกงขุยหรงให้พระองค์เพคะ ฮองเฮาทรงส่งสาวใช้เข้ามาบอกให้บ่าวทำบะหมี่ให้นาง บ่าวไม่กล้าเสียเวลาทำน้ำแกงให้พระองค์ จึงปฏิเสธไปเพคะ ผู้ใดจะรู้ว่าฮองเฮาจะถึงกับโกรธเกรี้ยวพุ่งเข้ามาในห้องเครื่องตบตีบ่าวโดยไม่พูดไม่จาเพคะ! ทั้งยังบอกอีกว่า...ยังบอกอีกว่า...” นางจงใจทำทีพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ
“ยังพูดว่าอะไรอีก” สีหน้าของไทเฮาดูย่ำแย่อยู่บ้าง
“ยังพูดอีกว่าต่อให้ไทเฮาเสด็จมา นางก็ยังคงจะตบตีบ่าวเหมือนเดิมเพคะ!” หลี่หมัวมัวโขกศีรษะลงกับพื้น “ไทเฮาเหนียงเหนียง สิ่งที่บ่าวทำลงไปทั้งหมด ล้วนทำเพื่อพระองค์ทั้งสิ้น พระองค์จะต้องคืนความเป็ธรรมให้บ่าวนะเพคะ...”
หลี่หมัวมัวพูดไปทั้งน้ำมูกน้ำตา ร่ำไห้เสียจนน่าเวทนา กระทั่งเฟิ่งเฉี่ยนเองยังแทบจะคิดว่าตนได้ทำเื่โหดร้ายกับนางเกินไป
“มีเื่เช่นนี้อย่างไรกัน!” ไทเฮาทรงพิโรธมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาเ็า ทั้งยังกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “ฮองเฮา เวลานี้เ้ามิใช่ควรอยู่ในตำหนักเย็นหรอกหรือ ไฉนจึงมาตบตีคนอยู่ในห้องเครื่อง ในสายตาเ้ายังมีกฎระเบียบของวังหลวงอยู่อีกหรือไม่”
ตุบ!
ไม่รอให้เฟิ่งเฉี่ยนตั้งตัวได้ สาวใช้คุกเข่าลงเบื้องหน้าไทเฮาพร้อมกับโขกศีรษะถี่ยิบและกล่าวเสียงสั่น “ขอไทเฮาทรงระงับโทสะเพคะ ความผิดทั้งหมดล้วนเป็ความผิดของบ่าว ขอพระองค์อย่าได้กล่าวโทษฮองเฮาเหนียงเหนียงเลยเพคะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนกุมขมับของตนอย่างจนปัญญา สาวใช้ของนางคนนี้ไม่ว่าอะไรล้วนดีทั้งสิ้น เสียตรงที่เอะอะก็จะคุกเข่าอยู่ร่ำไป ช่างเป็เื่ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจแต่ขันทีกลับร้อนใจมากกว่า
“เ้ากลับเป็คนรู้ความยิ่งนัก! ในเมื่อรู้ตัวว่าทำผิดก็สมควรที่จะได้รับการลงโทษ” คำพูดเหล่านี้ของไทเฮานั้นพูดกับจื่อซู ทว่าสายตากลับตกลงบนร่างของเฟิ่งเฉี่ยน แสดงให้เห็นว่านี่เป็การเชือดไก่ให้ลิงดู “เด็กๆ ลากตัวนางออกไป โบยหนึ่งร้อยไม้!”
“พ่ะย่ะค่ะไทเฮาเหนียงเหนียง” องครักษ์ที่ยืนอยู่นอกประตูกรูกันเข้ามา
คนทั้งหมดในห้องเครื่องล้วนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตื่นตระหนก
ห๊ะ! โบยหนึ่งร้อยไม้
นี่ไทเฮา้าให้ตีจนตาย!
องครักษ์ธรรมดาถูกโบยห้าสิบไม้ยังทนไม่ไหว แล้วนี่นางเป็เพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ใบหน้าของจื่อซูขาวปานกระดาษ นางนั่งลงกับพื้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง