“ช้าก่อน!” เฟิ่งเฉี่ยนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงตวาดองครักษ์ที่กำลังจะนำตัวคนออกไป มุมปากของนางยกขึ้นน้อยๆ เมื่อกล่าวกับไทเฮา “หม่อมฉันขอบังอาจถามเสด็จแม่ว่าพระองค์ยังทรงจำคำพูดที่ทรงเคยตรัสกับลูกในวันที่ลูกแต่งเข้ามาได้หรือไม่เพคะ”
ไทเฮาตกตะลึง ด้วยไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของนาง
“หม่อมฉันจำได้ว่าเวลานั้น เสด็จแม่จับมือของหม่อมฉันเอาไว้แล้วพูดกับหม่อมฉันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า...” เฟิ่งเฉี่ยนพูดพร้อมกับจับมือของไทเฮาเอาไว้ขณะที่กำลังเลียนแบบท่าทีของไทเฮา “เฉียนเฉี่ยน นับั้แ่วันนี้ไป เ้าก็คือฮองเฮาของเป่ยเยียน เ้าและฮ่องเต้ คนหนึ่งดูแลจัดการเื่ภายใน คนหนึ่งดูแลจัดการเื่ภายนอก เมื่อรับตราประทับหงส์ในมือของอายเจียไปแล้ว เื่ทุกเื่ คนทุกคนภายในตำหนักในล้วนต้องฟังคำสั่งของเ้า อายเจียก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ตราประทับหงส์อยู่ในมือหนึ่งวัน เ้าก็ต้องเป็ผู้ดูแลเื่ราวภายในตำหนักในหนึ่งวัน อย่าได้ละเลยหน้าที่เป็อันขาด อย่าได้ทำให้อายเจียผิดหวังในตัวเ้า!”
หนังตาไทเฮากระตุก ลางสังหรณ์ไม่ดีชนิดหนึ่งเกิดขึ้น นางดึงมือกลับราวกับถูกกระแสไฟช็อต
เป็ไปตามคาด มือเรียวของเฟิ่งเฉี่ยนล้วงตราประทับหงส์ในแขนเสื้อออกมาวางกลางฝ่ามือ
“เวลานี้ ตราประทับหงส์ยังอยู่ในมือของลูก...” นางยิ้มกริ่ม รอยยิ้มนั้นสดใสเจิดจ้าราวกับบุปผาบนเทือกเขาและงดงามราวกับเทพเซียนบริสุทธิ์บนสรวง์ “เื่ทั้งหมดและคนทั้งหมดในตำหนักใน ล้วนต้องฟังคำสั่งของเปิ่นกง...”
หากเป็คนที่ตั้งใจฟังสักหน่อยจะพบว่า คำพูดที่นางเรียกแทนตนเองได้เปลี่ยนไปแล้ว นางไม่เรียกตัวเองว่าลูกอีกต่อไป แต่เป็ เปิ่นกง
นาทีถัดมานางเก็บงำรอยยิ้มของนางเสียสิ้น สายตาเ็าประดุจน้ำแข็งนั้นราวกับพญามัจจุราช คำพูดแต่ละคำที่เอ่ยออกมานั้นฉาดฉานและชัดเจน “เปิ่นกงบอกว่าผู้ใดสมควรถูกตบตี คนผู้นั้นย่อมสมควรถูกตบตี เปิ่นกงบอกว่าผู้ใดไม่สมควรถูกตี คนผู้นั้นย่อมไม่ควรถูกตี! พวกเ้า...คนใดมีความเห็นเป็อื่น”
ไทเฮามีโทสะเสียจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะเหลือกขาว หายใจก็ยังหายใจไม่ทัน นางชี้นิ้วสั่นระริกมาที่เฟิ่งเฉี่ยนภายใต้การประคับประคองของนางกำนัลสองนาง “กำเริบเสิบสาน! เ้า...ในสายตาเ้ายังมีอายเจียอยู่อีกหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มจนดวงตาโค้งลง นางพูดด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบอย่างที่สุด “เสด็จแม่ ลูกเพียงแต่ทำตามคำสอนของเสด็จแม่อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามคำสั่งของเสด็จแม่ราวกับเป็ราชโองการ ไฉนในสายตาของลูกจะไม่มีท่านเล่า”
“เ้า...เ้า...เ้าทำให้อายเจียโมโหแทบตายอยู่แล้ว” ร่างของไทเฮาสั่นเทิ้มโอนเอนไปด้านหลัง เกือบจะกระอักเืออกมา นางได้แต่ะโด้วยความโมโหทว่าไร้เรี่ยวแรง “เด็กๆ ประคองอายเจียกลับวัง”
เฟิ่งเฉี่ยนยอบกายถวายพระพร “น้อมส่งเสด็จแม่เพคะ! ขอให้เสด็จแม่ทรงพระเกษมสำราญเพคะ!”
ไทเฮาที่กำลังก้าวผ่านธรณีประตูถึงกับเดินสะดุดเท้าตนเองแทบจะกระอักออกมาเป็เื ยังจะมาทรงพระเกษมสำราญอันใดอีก ไม่ถูกเ้าทำให้โมโหตายตรงหน้าก็ต้อง อมิตตาพุทธแล้ว!
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะอย่างจนใจ นางเองไม่คิดจะงัดข้อกับไทเฮาเช่นกัน ทว่าไทเฮาแสดงออกชัดเจนว่า้าเชือดไก่ให้ลิงดู หากนางไม่ลุกขึ้นสู้ สาวใช้ของนางต้องสิ้นชีพแน่นอน
สาวใช้คนนี้จงรักภักดีต่อนางมาโดยตลอด ในเมื่อนางมอบลูกท้อมาให้ เฟิ่งเฉี่ยนย่อมต้องมอบลูกหลี่ให้นางเป็การตอบแทน เฟิ่งเฉี่ยนปกป้องสาวใช้ให้มาอยู่ใต้ปีกของนางมาเนิ่นนานแล้ว นางไม่เคยเปลี่ยนแปลงกฎของตนเอง...
ปฏิบัติต่อศัตรูเยี่ยงสายลมในฤดูสารทที่กวาดใบไม้ให้หลุดร่วงอย่างไร้ปราณี ปฏิบัติต่อสหายเยี่ยงสายลมอันอบอุ่นในฤดูวสันต์! ไม่ทอดทิ้งไม่ละเลย ต่อให้ต้องเป็ศัตรูกับคนทั้งใต้หล้า นางก็จะไม่ยอมทำผิดเช่นนี้!
“ไทเฮาเหนียงเหนียง...” หลี่หมัวมัวนั่งแปะลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว นางรู้ดีว่าครั้งนี้แม้แต่ไทเฮาก็มิอาจปกป้องนางได้
เฟิ่งเฉี่ยนกวาดสายตามองไป “จื่อซู ยังไม่ลงมืออีก”
หลี่หมัวมัวโบกมือไปมาด้วยความหวาดหวั่น “เ้า...เ้าจะตบตีข้าไม่ได้นะ ข้า...ข้าเป็แม่นมของฝ่าา!”
เฟิ่งเฉี่ยนร้องฮึเสียงเย็น “แม่นมนับเป็อะไรได้ ต่อให้เป็ย่าข้าก็จะตี!”
มีูเาเช่นเฟิ่งเฉี่ยนเป็ที่พึ่งพิง ผนวกกับประสบการณ์ที่เพิ่งจะรอดจากความตายมาหมาดๆ แววตาอ่อนโยนของจื่อซูเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็คนฮึดสู้ขึ้นมา นางขบฟันเงื้อมือขึ้น เพียะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
เสียงตบหน้าสิบฉาดดังขึ้นราวกับเสียงประทัด ดังก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณห้องเครื่อง!
ดวงตาทั้งคู่ของหลี่หมัวมัวเหลือกขาว หมดสติทันที ไม่รู้ว่าโมโหจนสลบหรือเจ็บจนสลบ
“กลับเถิด!” เฟิ่งเฉี่ยนพาจื่อซูเดินกลับออกไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงตาค้างของคนทั้งหมด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ต่อไปล่วงเกินผู้ใดก็ได้แต่ห้ามล่วงเกินฮองเฮา นางถือเป็ปีศาจที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์โดยแท้ ไม่ยี่หระแม้กระทั่งไทเฮา!
ทว่ามีบางคนเช่นกันที่แอบลอบส่ายหน้า ด้วยนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบใครของฮองเฮา ช้าเร็วก็ต้องมีวันที่ทำให้ภัยมาถึงตัว เกรงว่าชีวิตจะไม่ยืนยาว
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง พลันมีคนร้องเสียงดังขึ้นว่า “แย่แล้ว บะหมี่ของฝ่าาหายไป...”
สีหน้าของคนทั้งหมดเปลี่ยนไปทันที
“รีบช่วยกันหา!”
“บะหมี่ของฝ่าานั้น ใต้เท้าซุนซึ่งเป็พ่อครัวขั้นสามลงมือทำด้วยตนเองเชียว ล้วนใช้วัตถุดิบที่รวบรวมจากฟ้าและดินทั้งสิ้น หลังจากเสวยแล้วไม่เพียงแต่เพิ่มพูนกำลังให้ร่างกาย แต่ยังทำให้เพิ่มพละกำลังการสู้รบอีกด้วย! หากหาไม่พบ ฝ่าาจะต้องกล่าวโทษพวกเราเป็แน่!”
ทั้งหมดต่างพากันแยกย้าย แทบจะพลิกห้องเครื่องเพื่อตามหา