ตำหนักเย็น ไม่เสียชื่อของตำหนักเย็น ภายในนั้นทั้งหนาวและชื้น
สาวใช้เดินน้ำตาตกมาตลอดทาง “เหนียงเหนียง ท่านสูงศักดิ์เยี่ยงนี้ ไฉนจะมาพำนักอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้เพคะ หรือท่านจะลองอ้อนวอนฝ่าาอีกสักครั้ง ใช้ไม้อ่อนกับฝ่าา ฝ่าาต้องเห็นแก่หน้าใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีย่อมไม่ทำอันใดกับท่านแน่นอนเพคะ...”
สาวใช้นางนี้มีนามว่า จื่อซู เป็สาวใช้คนสนิทที่ครอบครัวเฟิ่งเฉี่ยนส่งตัวมา ซื่อสัตย์จงรักภักดีกับนางอย่างมาก มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือขี้บ่นเกินไป
“ข้าเห็นว่าที่นี่ก็ดี ทั้งกว้างขวางและเงียบสงบ นี่เป็คฤหาสน์ชัดๆ” เฟิ่นเฉี่ยนเดินไปหยุดอยู่ริมเตียงที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม เมื่อนางเลิกมุมผ้าห่มขึ้นกลับประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีเขียวคู่หนึ่ง นางถึงกับชะงักงันอยู่กับที่!
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงก้าวเข้ามาเมียงมองก่อนจะใจนหน้าขาวซีด นางร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว “อ๊าก! งู—“
งูเห่าที่ขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นพลันใ มันจึงยืดคอขึ้นมาป้องกันตนเองพร้อมกับส่งเสียงข่มขู่ดังฟู่ๆ ทั้งยังแลบลิ้นสีแดงดั่งเปลวเพลิงออกมา ราวกับจะพ่นเปลวไฟออกมาเพื่อชำระแค้นอย่างไรอย่างนั้น
“หุบปาก!” เฟิ่งเฉี่ยนตวาดเสียงเบาพร้อมกับดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาอันหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่จ้องงูเห่าเขม็ง งูเห่าจ้องนางแน่นิ่งเช่นกัน หนึ่งคน หนึ่งงูประสานสายตาหยั่งเชิงกันอยู่เนิ่นนาน!
สาวใช้ยกมือทั้งคู่ปิดปากของตน นางหวาดกลัวเสียจนดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายยืนอยู่กับที่สั่นเทิ้มไม่หยุด
เวลานี้เอง งูเห่าเป็ฝ่ายโจมตีก่อน มันยืดตัวขึ้นราวๆ สองเมตร หมายจะฉกั์ตาของเฟิ่งเฉี่ยน!
วินาทีนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งนัก ข้อมือของเฟิ่งเฉี่ยนสะบัดออกไป ปิ่นปักผมหลุดออกจากมือ ด้านที่แหลมคมของปิ่นปักผมส่องประกายสีเงินขณะแทงเข้าไปบริเวณเจ็ดชุ่นของงูเห่าอย่างแม่นยำ
ไม่มากไม่น้อย เหมาะเหม็งที่ตำแหน่งเจ็ดชุ่น
ทั้งเด็ดขาดและแม่นยำ!
งูเห่าที่เหินกายอยู่กลางอากาศร่วงลงบนพื้นดังตุบ ส่วนหัวของมันที่เป็ทรงกลมนั้นตกลงบนพื้นขาดใจตายทันที!
ตำหนักเย็นอันกว้างใหญ่เงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มตกลงบนพื้น สาวใช้ปิดดวงตาทั้งคู่ลงในวินาทีสุดท้าย เมื่อเวลาล่วงไปเนิ่นนานไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ นางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อแอบดู ทว่ากลับเห็นฮองเฮายืนปลอดภัยดี ส่วนงูเห่ากลับขาดใจตาย
นางใิญญาแทบหลุดจากร่าง ดวงตากลมเบิกกว้าง “เหนียงเหนียง ท่านไม่เป็อะไรนะเพคะ ท่าน...ท่านทำได้อย่างไรกันเพคะ” ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้อธิบาย แต่กลับถามนางว่า “เ้ามีตะบันไฟติดตัวมาหรือไม่”
สาวใช้ตะลึงงันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
เฟิ่งเฉี่ยนหยิบตะบันไฟแล้วมองหาท่อนไม้จากด้านนอก นางทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อนำท่อนไม้มาเป็เชื้อเพลิง นางก็จุดไฟลงบนท่อนไม้ทำเป็คบไฟเพื่อตรวจสอบภายนอกและภายในตำหนักเย็น งู แมลง หนู และมดล้วนกลัวไฟ พวกมันพากันหนีตายกันอย่างลนลาน หลังจากเวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม จึงพอจะนับได้ว่าขับไล่งู แมลง หนู มดออกไปได้เจ็ดแปดส่วน
ไม่แปลกที่บรรดาสนมชายาล้วนกลัวการเข้ามาอยู่ในตำหนักเย็น สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ให้คนอยู่จริงๆ!
ทว่าในฐานะมือสังหารอันดับหนึ่งของโลกใต้ดิน เฟิ่งเฉี่ยนดำเนินชีวิตเยี่ยงคนไร้บ้านมาโดยตลอด ในสภาพป่า ในภูมิอากาศร้อน ทะเลทรายอันแห้งแล้ง ูเาหิมะสูงลิบ ป้อมปราการโบราณของกลางศตวรรษ...นางล้วนเคยอยู่มาแล้วทั้งสิ้น
นางเป็คนปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนอยู่ได้อย่างเป็สุข ดังนั้นตำหนักเย็นสำหรับนางแล้วนั้นไม่นับเป็อะไรได้ ในทางตรงกันข้ามนางกลับััได้ถึงความสงบ!
“ข้าหิวแล้ว ไปทำบะหมี่ให้ข้ากินสักถ้วนเถิด”
“บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ”
ในฐานะนักฆ่าที่เปี่ยมไปด้วยทักษะการลอบสังหาร การแปลงโฉม การสะกดรอยตาม และการหลบหนี เฟิ่งเฉี่ยนแตกฉานในทุกสิ่งอย่าง จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของนางก็คือ...เื่กิน!
นางเป็นักฆ่าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลเื่ ความตะกละ!
ถึงขั้นที่ทั้งๆ รู้อยู่แก่ใจว่าบะหมี่ที่ปรุงออกมาจากห้องเครื่องชามนั้นถูกวางยาพิษ นางก็ยังใจกล้ากินจนหมดชาม แล้วลากสังขารที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปหารุ่นพี่เพื่อให้เขาช่วยนางถอนพิษ
จะกละที่ไม่สนใจกระทั่งชีวิตของตนเอง นอกจากนางแล้ว บนโลกนี้ยังหาใครอื่นไม่ได้
ดังนั้นรุ่นพี่ของนางมักจะพูดว่า หากมีวันใดวันหนึ่งที่นางต้องเอาชีวิตเล็กๆ มาทิ้ง ย่อมต้องมีสาเหตุมาจากปากของนางเป็แน่ ปรากฏว่าคำพูดของรุ่นพี่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็ความจริง เพียงแต่นางมิได้ถูกวางยาพิษจนถึงแก่ความตาย และยังไม่จุกตาย ทว่านางกลับพบกับภัยทางอากาศเมื่อเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงของรัฐภูฐานส่งผลให้ิญญาเกือบหลุดออกจากร่าง
เวลาเพียงชั่วพริบตา นางได้มาถึงวังหลวงของแคว้นเป่ยเยียน กลายเป็ฮองเฮาของที่นี่ โชคชะตาช่างเป็สิ่งมหัศจรรย์ยิ่งนัก!
จะกล่าวว่าแคว้นเป่ยเยียนเป็แคว้นใหญ่ก็ไม่ใหญ่เล็กก็ไม่เล็ก มีหัวเมืองสิบกว่าเมือง ล้อมรอบ เป่ยเยียนถือเป็มณฑลหนึ่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของต้าเยียนเท่านั้น เบื้องบนแคว้นต้าเยียนยังมีอาณาจักรซิงฮั่น หลิงอวิ๋นต้าลู่ สามอาณาจักรที่รวมอยู่ด้วยกัน หาก้าค้นหาอาณาจักรของเป่ยเยียนบนแผนที่ของหลิงอวิ๋นต้าลู่แล้วละก็ เป่ยเยียนมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง เล็กเสียจนน่าสงสาร
ทว่าสำหรับเฟิ่งเฉี่ยนแล้วนั้น ที่นี่เป็โลกแปลกใหม่สำหรับนาง ลำพังเพียงแค่วังหลวงของแคว้นเป่ยเยียนก็เป็อุปสรรคสำหรับนางแล้ว
ตามสถานการณ์ในตอนนี้ของนาง คิดจะปลีกตัวให้หลุดพ้นจากความยุ่งยากในวังหลวงของแคว้นเป่ยเยียนยังเป็เื่ยาก
แต่นางเชื่อว่าต้องมีสักวันหนึ่งที่นางจะไปจากวังหลวงของแคว้นเป่ยเยียนสำเร็จ นางปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอิสระเสรีอย่างที่นาง้า!
ฮองเฮาอันใด บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีอันใด เป็เื่ไร้สาระทั้งสิ้น! นาง เฟิ่งเฉี่ยนไม่เคยเป็อย่างที่ใคร้า นางเป็เพียงตัวนางเองเท่านั้น!
จื่อซูกลับมาหลังจากเวลาผ่านไปไม่นานนัก นางกลับมามือเปล่าและก้มหน้าต่ำ
“เหนียงเหนียง บ่าวกลับมาแล้วเพคะ”
แสงตาของเฟิ่งเฉี่ยนหม่นวูบ นางเดินเข้าใกล้จื่อซูแล้วใช้ปลายนิ้วเชยคางของจื่อซูขึ้นมา บังคับให้นางเงยหน้าขึ้นประสานสายตา แล้วถามด้วยน้ำเสียงเน้นหนักทีละคำ “เป็ฝีมือใคร”
รัศมีเข่นฆ่าอันรุนแรงราวกับูเาลูกใหญ่นั้นกดดันลงมา จื่อซูกระพริบตาด้วยความหวาดกลัว รอยฝ่ามือบนลำคอด้านขวาค่อยๆเปลี่ยน รูปบิดเบี้ยวเล็กน้อย
เหนียงเหนียง นาง...ไฉนจึงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน น่ากลัวเหลือเกิน...
“พูด ใครตี”
จื่อซูกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ ไม่มีใครเพคะ”
หลังจากมองนางนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งเฟิ่งเฉี่ยนจึงคลายมือแล้วส่งเสียงร้องฮึ “ผู้อื่นรังแกข้า เ้าก็รังแกข้าเช่นกัน”
“บ่าวมิกล้าเพคะ!” จื่อซูคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก “เป็...เป็หลี่หมัวมัวในห้องเครื่องเพคะ! บ่าวไปแจ้งห้องเครื่องว่า้าบะหมี่ชามหนึ่ง หลี่หมัวมัวกลับพูดว่าเวลานี้ฮองเฮาพำนักอยู่ในตำหนักเย็น ย่อมสมควรกินเพียงข้าวเหลือและอาหารที่เหลือเท่านั้น บ่าวโต้เถียงกับนาง นางจึงตบหน้าบ่าวฉาดหนึ่งเพคะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นหัวเราะ “ใจกล้าไม่เบา! พูดว่าเปิ่นกงมีสิทธิ์กินได้แค่ข้าวเหลืออาหารเหลือเท่านั้น”
การต้องมาพำนักอาศัยอยู่ในรังงูรังมดของตำหนักเย็น นางอดทนอดกลั้นได้ แต่ไม่ให้นางกิน นี่เป็เื่ที่นางอดทนอดกลั้นไม่ได้!
แขนเสื้อสะบัดออกไปดังพรึ่บ เฟิ่งเฉี่ยนเดินออกไปจากตำหนักเย็น จื่อซูคว้าแขนของนางเอาไว้อย่างร้อนใจ “ไม่ได้เพคะ เหนียงเหนียง! เวลานี้ท่านถูกฝ่าากักบริเวณไว้ในตำหนักเย็น ไม่อาจออกไปด้านนอกตามอำเภอใจได้เพคะ”
เฟิ่นเฉี่ยนหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ “หากข้าออกไปแล้วจะเป็อย่างไร เขาจะสังหารข้าหรือไม่”
จื่อซูตะลึงงัน “โอ๊ะ...คงไม่เพคะ!”
เฟิ่นเฉี่ยนตวัดสายตา “ยังไม่นำทางอีก”