“นายหญิงอย่าเศร้าไปเลย ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเ้าค่ะ” แม่เฒ่าฉินปลอบใจนายหญิง
“นายหญิงท่านเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะเ้าคะ” แม่เฒ่าซุนออกมาส่ง นางเห็นนายหญิงเ็ปใจเช่นนี้ ก็พยายามปลอบใจ
“ข้าคิดเพียงว่าบุตรสาวแต่งเข้าตระกูลเชื้อพระวงศ์แล้วจะมีความสุข แต่ความจริงกลับไม่เป็เช่นนั้นเลย” เมื่อคิดถึงสภาพของบุตรสาว เว่ยซื่อก็มีสีหน้าเ็ป
“คุณหนูสามยังมีนายหญิง นายท่าน และยังมีคุณหนูใหญ่ บ่าวเองก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณหนูสามเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเอ่ย
“พูดถึงเจิงเอ๋อร์ เด็กคนนี้เหนือความคาดหมายนัก” เว่ยซื่อยิ้ม “อิ๋งเอ๋อร์เล่าถึงสิ่งที่เจิงเอ๋อร์ทำในคืนนั้นให้ข้าฟัง”
“พวกเ้าว่า สิ่งที่ข้าสั่งสอนเหยาเอ๋อร์กับอิ๋งเอ๋อร์ไปนั้นผิดหรือเปล่า?” เว่ยซื่อเริ่มคิดทบทวน นางตั้งใจสอนบุตรสาวทั้งสองคนให้เป็สตรีสูงศักดิ์ กระทั่งให้พระสนมซูรับอิ๋งเอ๋อร์เข้าวังไปอบรมั้แ่เด็ก เห็นนางค่อยๆ กลายเป็สตรีสูงศักดิ์ นางก็ภูมิใจนัก
“นายหญิงทำเพื่อคุณหนูทั้งสอง พวกคุณหนูต้องรับรู้ได้แน่เ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเอ่ย
“นายหญิง ท่านอ๋องตรงมาทางนี้เ้าค่ะ” แม่เฒ่าฉินเห็นเงาร่างของท่านอ๋องเดินเข้าประตูมาก็รีบเตือน
จ้าวหยวนเช่อก้าวยาวๆ ตรงมาทางนี้ เขาสวมชุดเฉาฝู คิ้วคมเข้มดวงตาเป็ประกาย ใบหน้าคมคายฉายแววหม่นหมองมาหลายวัน เมื่อเขาเห็นเว่ยซื่อก็รีบทำความเคารพ “ท่านแม่ยาย”
เว่ยซื่อพยักหน้ารับ
พ่อบ้านว่านและองครักษ์ฉางหลิ่วที่ติดตามตวนอ๋องมาก็ทำความเคารพเว่ยซื่อด้วย
“หลายวันมานี้ ต้องขอบคุณท่านแม่ยายที่มาอยู่ข้างๆ อิ๋งเอ๋อร์”
“ลูกสาวของข้าเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ข้าก็ต้องมาดูแลเป็ธรรมดา อิ๋งเอ๋อร์บอกว่า่นี้ท่านอ๋องยุ่งอยู่กับงานราชการ แต่ท่านจะเจียดเวลามาอยู่เป็เพื่อนนางสักนิดไม่ได้เลยหรือเพคะ” เว่ยซื่อเอ่ยถามเสียงเรียบ
คำพูดนี้แทงเข้าใจดำของเขานัก ภรรยาเกิดเื่แบบนี้ขึ้น แต่เขาเอาแต่สนใจกับงานราชการ จ้าวหยวนเช่อเอ่ยเพียงว่า “ข้าจะพยายาม”
หลังจากเว่ยซื่อจากไปแล้ว สีหน้าของจ้าวหยวนเช่อก็ยิ่งทะมึน บุตรชายของเขาน่าจะได้เกิดในปีนี้ เด็กที่เป็บุตรของเขา
“ท่านอ๋อง?” พ่อบ้านว่านเรียกเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของท่านอ๋องแปลกๆ ไป
จ้าวหยวนเช่อหลับตาลง เขาเดินตรงไปยังเขตเรือนชั้นใน
ภายในห้องของเรือนอิ๋งจวง
กู้เจิงเล่าเื่ตลกให้กู้อิ๋งฟัง พอเห็นนางอารมณ์ดีขึ้นมากก็เบาใจ
“พอได้คุยกับพี่ใหญ่ ข้าอารมณ์ดีขึ้นมากเลยเ้าค่ะ” กู้อิ๋งบอก “ที่จริงข้าเข้าใจเหตุผลดี แต่แค่เดินออกมาไม่ได้”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องใช้ชีวิตให้ดี อดีตที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป สิ่งที่พวกเราต้องรอคือหลังจากนี้” กู้เจิงพูดยิ้มๆ
“หลังจากนี้ไปพี่ใหญ่จะคอยยืนอยู่ข้างข้าจริงๆ น่ะหรือเ้าคะ?”
กู้เจิงเงียบ นางครุ่นคิดอยู่นาน
“ท่านยังต้องคิดอีกหรือเ้าคะ?” กู้อิ๋งบุ้ยหน้า
“เ้าจะไม่ให้ข้าคิดเลยหรือไง?”
ขณะนั้นเอง ชิวจื้อก็เดินเข้ามาขัดจังหวะสองพี่น้องที่กำลังหยอกล้อกัน “พระชายา คุณหนูใหญ่ ท่านอ๋องเสด็จมาเ้าค่ะ”
จ้าวหยวนเช่อเดินเข้ามาในห้อง พอเห็นกู้เจิง ใบหน้าของเขาก็แข็งขึ้น “เ้าก็อยู่ด้วยสินะ”
“คารวะตวนอ๋องเพคะ” กู้เจิงย่อกายคารวะ
จ้าวหยวนเช่อเมินนาง เขาเดินไปหาภรรยา “วันนี้ดีขึ้นบ้างไหม?”
“ขอบพระทัยในความห่วงใยของท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เป็ไรแล้วเพคะ” กู้อิ๋งยิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็ไรก็ดี ดูแลตัวเองให้ดี แล้วค่อยให้กำเนิดบุตรให้เปิ่นหวัง” ลูกชายผู้ฉลาดหลักแหลมของเขาจะต้องกลับมา “เมื่อเขาโตขึ้น เปิ่นหวังจะสอนเขาขี่ม้าล่าสัตว์”
พอจ้าวหยวนเช่อพูดจบ ดวงตาของกู้อิงก็แดงก่ำอีกครั้ง
กู้เจิงที่อยากจะกลอกตา แต่เวลาที่เขาพูดถึงบุตร เขาดูอ่อนโยนมากอย่างที่นางไม่เคยเห็น
“เพคะ” กู้อิ๋งพยักหน้า “หม่อมฉันจะให้กำเนิดบุตรชายให้ท่านอ๋องแน่นอน” นางได้แต่รับคำ
“ท่านอ๋อง” ชิวจื้อย่อตัวก่อนถามว่า “จะทานอาหารกลางวันที่นี่ไหมเพคะ?”
จ้าวหยวนเช่อส่งเสียงอืมเบาๆ
“บ่าวจะลงไปเตรียมเดี๋ยวนี้เพคะ” ชิวจื้อออกไปจากห้อง
“ท่านอ๋องกับพระชายาพูดคุยกันเถิด หม่อมฉันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกเพคะ” กู้เจิงพูดพลางถอยออกไป
“คุณหนูใหญ่” แม่เฒ่าซุนกลับมาจากการไปส่งเว่ยซื่อ จึงเห็นคุณหนูใหญ่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวน
“ท่านแม่กลับไปแล้วหรือ?”
“เ้าค่ะ ท่านอ๋องคุยกับพระชายาอยู่ในห้องหรือเ้าคะ?”
กู้เจิงพยักหน้าเบาๆ “ข้าไม่สะดวกที่จะอยู่ เลยออกมาเดินเล่นน่ะ”
“บ่าวไปเดินเล่นเป็เพื่อนคุณหนูใหญ่เองเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง พอหมุนตัวกลับไปก็เห็นปาเม่ยกำลังถือขนมเซียง* ร้อนๆ มาด้วย
(*เป็ขนมโบราณชนิดหนึ่ง ใช้แป้งข้าวเหนียวผสมน้ำตาลบดละเอียดในการทำ โดยจะอัดใส่ในแม่พิมพ์เพื่อให้ได้รูปร่างตาม้าแล้วนำไปนึ่ง)
“พี่สะใภ้ แม่เฒ่าซุน บ่าวซื้อขนมที่พระชายาชอบกินมาให้เ้าค่ะ” ปาเม่ยกล่าวอย่างมีความสุข
“ลำบากเ้าแล้ว ข้าจะเอาเข้าไปเอง” แม่เฒ่าซุนกำลังจะรับขนมจากนาง แต่ปาเม่ยกลับเบี่ยงตัวหลบ นางพูดยิ้มๆ ว่า “แม่เฒ่าซุนอยู่เป็เพื่อนพี่สะใภ้เถอะ บ่าวเอาเข้าไปให้เองเ้าค่ะ”
“ก็ได้” แม่เฒ่าซุนพยักหน้า
“น้องสามชอบกินขนมหวานั้แ่เมื่อไหร่กัน?” ในความทรงจำของกู้เจิง กู้อิ๋งเกลียดกลิ่นพวกขนมเซียงนี้มาก
“เมื่อ่ไม่กี่วันก่อน จู่ๆ คุณหนูสามก็บอกว่าอยากกินขนมเซียง ตอนนั้นบ่าวเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่ตอนนี้ลองคิดๆ ดูแล้ว อาจเป็เพราะคุณหนูสามตั้งครรภ์ถึงได้เปลี่ยนไปชอบเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนพูดแล้วก็รู้สึกเสียใจ “ทั้งหมดต้องโทษบ่าว หากบ่าวรอบคอบสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะรักษาบุตรในท้องของคุณหนูสามไว้ได้เ้าค่ะ”
“นี่ไม่เกี่ยวกับแม่เฒ่าซุนเลย” ทุกคนต่างกำลังโทษตัวเอง ทั้งที่จริงๆ แล้วมีเพียงเขาคนนั้นที่ควรถูกตำหนิมากที่สุด
ทั้งสองเดินเล่นกันอยู่ในสวน แม่เฒ่าซุนก็ชวนคุยเื่ไปเรื่อย เพื่อที่คุณหนูใหญ่จะได้ไม่เบื่อ จนกระทั่งนางเห็นคุณหนูใหญ่เอาแต่จ้องกำแพงอย่างสนใจ
“ได้ยินปาเม่ยบอกว่าด้านหลังกำแพงนั้นเป็สวนอันสวยงาม แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ท่านอ๋องจึงปิดเรือนนั้นไว้เ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเอ่ย
กู้เจิงรู้ว่าเพราะเหตุใด นางนึกถึงคืนนั้นที่ถูกตวนอ๋องบังคับให้เข้าไปด้านใน
เมื่อได้เวลาอาหารเที่ยง ก็มีบ่าวมาเชิญกู้เจิงไปร่วมมื้ออาหาร
ชิวจื้อกับปาเม่ยยืนจัดสำรับอาหารของกู้เจิง พวกนางจัดที่ให้กู้เจิงอยู่ข้างๆ ตวนอ๋องกับพระชายา กู้
บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความตึงเครียด บรรยากาศแบบนี้ต่อให้เป็อาหารที่ดีแค่ไหนกู้เจิงก็กินอย่างเอร็ดอร่อยไม่ได้
จ้าวหยวนเช่อมองหญิงสาวสองคนที่อยู่ข้างๆ สายตาของเขาเหม่อลอยไปชั่วขณะ ในโลกที่เขาจากมานั้น บางครั้งพวกเขาก็นั่งกินข้าวด้วยกันเช่นนี้ แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ กู้อิ๋งมักจะมองกู้เจิงด้วยสายตาเหยียดหยาม ส่วนกู้เจิงก็จะมองกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อต้องสบตาดูถูกดูแคลน
“อาหารพวกนี้ เหมือนจะทำเป็ครั้งแรกสินะ” กู้อิ๋งถามปาเม่ย
“เรียนพระชายา อาหารเหล่านี้ท่านอ๋องสั่งมาเองเพคะ” ปาเม่ยเอ่ยตอบ
“ท่านอ๋องไม่ชอบปลาไม่ใช่หรือเพคะ?” กู้อิ๋งมองปลาทอดกรอบตรงหน้า และยังมีนกพิราบตุ๋นที่พร่องไปไม่น้อย แต่ทั้งหมดล้วนเป็อาหารที่พี่ใหญ่กิน
“จู่ๆ ข้าก็อยากกินน่ะ” จ้าวหยวนเช่อเอ่ยเสียงเย็น เขาพูดพลางคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งมากิน
มือที่ถือตะเกียบของกู้เจิงแข็งค้าง อาหารพวกนี้คงจะไม่ใช่อาหารที่นางชอบกินในโลกนั้นของเขาหรอกกระมัง?
“ข้าจะไปที่ห้องหนังสือ” จ้าวหยวนเช่อบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป