คนจากกองคลังมาที่จวนของที่มาส่งคือเงินสองหีบกับชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับคู่รัก
เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ซูจิ่นซีกับฮั่วอวี้เจียวได้วางเดิมพันกันนั้นเยี่ยโยวเหยาได้วางเดิมพันข้างซูจิ่นซีไปสองล้านตำลึง หีบสองหีบนั้นรวมเป็สี่ร้อยสามสิบสองตำลึงซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการเดิมพันชนะของเยี่ยโยวเหยา
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับคู่รักได้รับการปรับแต่งเป็พิเศษจากเตาเผาอิฐจวินของเจียงหนานมอบให้แก่เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีเพื่อขอบคุณเยี่ยโยวเหยาที่เข้าร่วม
มิน่าเล่า!
ซูจิ่นซีรู้สึกว่าผู้ที่สามารถใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยที่บ่อนพนันได้เช่นนี้อีกทั้งยังมีไม่กี่คนที่ให้เกียรติซูจิ่นซี ที่แท้ก็เป็เยี่ยโยวเหยา!
ซูจิ่นซีมองดูของทั้งสองสิ่งนี้ ภายในใจก่อเกิดความสุขเล็กน้อย ทั้งยังมีความแปลกใจและความสับสนอยู่บ้างเช่นกัน
ซูจิ่นซีพบว่าเยี่ยโยวเหยาเป็เหมือนดั่งปริศนาอย่างไรอย่างนั้นนางมองอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
เยี่ยโยวเหยายังไม่กลับมา ซูจิ่นซีจึงไม่ได้แตะต้องสิ่งของเ่าั้ นางสั่งให้คนย้ายของไปที่ตำหนักฝูอวิ๋นทั้งหมด
วันที่แปด วันที่เก้า และวันที่สิบ ก็ยังไม่มีข่าวคราวของเยี่ยโยวเหยาเลยสักนิด
ทว่าในวันที่สิบเอ็ด แม่นมฮวารีบร้อนเข้ามาในเรือนอวิ๋นไค
“แม่นมฮวา ใช่ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีเห็นการแสดงออกของแม่นมฮวา นางจึงะโลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที
“พระชายา ท่านอ๋องไม่ได้กลับมาเพคะ ทว่าในวังหลวงส่งคนมาอีกแล้วเพคะ”
“ไม่พบ! ”
ซูจิ่นซีปฏิเสธไปตามตรง
“พระชายา ครั้งนี้ที่มาเป็คนของตำหนักจ้งหวา เื่ที่ประตูเจิ้นเป่ยของเมืองตี้จิงก่อนหน้านั้นฮ่องเต้และฮองเฮาไม่อาจฉวยรับผลประโยชน์อันใดได้เลย ในพระทัยคงเต็มไปด้วยความโกรธ! ตอนนี้ท่านอ๋องก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่น้อยข้าน้อยคิดว่าความสัมพันธ์กับวังหลวงใน่เวลานี้ พระชายาไม่ควรแข็งกระด้างเกินไปเป็การชั่วคราวจะดีกว่านะเพคะ”
แม่นมฮวาเป็หญิงชราผู้เคยอยู่ในวังหลวงมาก่อน เื่ราวบางอย่างจึงมองได้ทะลุปรุโปร่งกว่าผู้อื่นไม่น้อย
ทว่าซูจิ่นซีไม่อยากไปจริงๆ ตอนนี้นอกจากเื่ของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีก็ไม่มีความสนใจในเื่อื่นเลยแม้แต่น้อย
ทว่าที่แม่นมฮวากล่าวก็มีเหตุผลเช่นกัน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ช่างเถิด เ้าให้พวกนางรอก่อน ข้าเก็บของเสร็จแล้วจะออกไป”
“อ่า! เพคะ! ”
แม่นมฮวาส่งเสียงตอบ นางสั่งให้ลวี่หลีแต่งตัวให้กับซูจิ่นซี ก่อนจะรีบออกไปต้อนรับคนจากในวังหลวง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ซูจิ่นซีแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว นางนั่งบนรถม้าอย่างดีที่พ่อบ้านจัดเตรียมไว้ให้และออกเดินทางไปพร้อมกับคนจากในวังเมื่อรถม้าหยุดอยู่หน้าประตูวังหลวง ซูจิ่นซีก็ถูกพาตรงไปยังตำหนักจ้งหวา
ตอนแรกซูจิ่นซีคิดว่านี่คงเป็การเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลแน่นอนฮ่องเต้และเยี่ยเซิน พวกเขาคงจะอยู่ที่นี่ ทว่าคิดไม่ถึงว่าในตำหนักจ้งหวานั้นจะมีเพียงฮองเฮาผู้เดียว
เมื่อเห็นซูจิ่นซีแล้ว ฮองเฮาก็ทำราวกับเื่ทั้งหมดที่ประตูเจิ้นเป่ยก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้นพระองค์จับมือของซูจิ่นซีแล้วกล่าวว่า “พระชายาโยวอ๋อง! เ้ามาแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเ้าป่วย ร่างกายสบายขึ้นบ้างแล้วหรือไม่? ”
ให้ตายเถิด!
เลวจริงๆ เสแสร้งเกินไปแล้วกระมัง?
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ฮองเฮาตระบัดสัตย์เื่ของสกุลฮั่ว อีกทั้งยังทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกลำบากใจเดิมทีซูจิ่นซียังคงคิดว่าฮองเฮาเป็ผู้ที่อ่อนโยนและสง่างามใจกว้างดั่งพระโพธิสัตว์ และเป็ผู้ที่ใจดีกับนางมากผู้หนึ่ง
ทว่าตอนนี้เพียงมองไปที่พระพักตร์ของฮองเฮา ซูจิ่นซีก็รู้สึกอยากจะอาเจียนเสียให้ได้
ยังมีเื่ของหวาหรงจวิ้นจู่ ฮองเฮาไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนางแล้วหรือ?
เป็ไปไม่ได้!
“พระชายาโยวอ๋อง? ”
เมื่อฮองเฮาเห็นว่าซูจิ่นซีจ้องมองนางโดยที่ไม่พูดจาอันใด พระองค์จึงยื่นนิ้วมือออกมาจากแขนเสื้อยาวและโบกไปมาตรงหน้าของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียิ้มอย่างเ็าที่มุมปาก “ไม่มีอันใดเพคะ! กระหม่อมยังป่วยอยู่ ทว่าวันนี้ฮองเฮา้าให้เข้าเฝ้า กระหม่อมจึงดั้นด้นมาเพคะ”
คำทักทายธรรมดาที่แสดงถึงความจริงใจนั้น มิควรกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่หรือ แม้ว่าเ้าจะเจ็บป่วยร้ายแรงทว่าก็ควรแสร้งทำว่าไม่เป็อันใดสักประโยคหรือไม่?
ซูจิ่นซีไม่ยอมไว้หน้าฮองเฮาเลยสักนิด!
ฮองเฮาเกิดความอับอายขึ้นในทันใด พระองค์ทรงพระสรวลแห้งๆ สองครั้ง ก่อนจะดึงมือของซูจิ่นซีไปที่ห้องโถงด้านในของตำหนักจ้งหวา “เช่นนั้นก็เร็วเข้าเถิด อย่ายืนต้องลมเช่นนี้เลย หากถูกลมพัดจนป่วย ข้าคงไม่อาจอธิบายกับโยวอ๋องได้”
เมื่อกล่าวถึงเยี่ยโยวเหยา ภายในใจของซูจิ่นซีก็รู้สึกเ็ปขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮองเฮาเพคะ พระองค์กล่าวมาตามตรงเถิด! ที่วันนี้เรียกหม่อมฉันเข้าเฝ้าพระองค์มีเื่อันใดหรือ? ”
ฮองเฮาให้เหล่านางกำนัลนำขนมมาให้ซูจิ่นซีทั้งยังขอให้พวกนางยกน้ำชาเข้ามาและรินให้ ซูจิ่นซีไม่มีอารมณ์อยู่ต่อนานนักดังนั้นนางจึงถามขึ้นมาตรงๆ
รอยยิ้มของฮองเฮามองอย่างไรก็ไม่เห็นถึงความจริงใจ “คืออย่างนี้นะพระชายาโยวอ๋อง ก่อนหน้านี้เ้าไม่ได้บอกว่าร่างกายของข้านั้นถูกพิษอีกครั้งหรอกหรือ?ข้าขอให้หมอหลวงมาตรวจดูแล้ว ทว่าพวกเขาต่างก็ตรวจไม่พบอันใด ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเ้าให้ข้ากล่าวขอร้องให้กับสกุลฮั่วหรอกหรือ? คำพูดข้าก็กล่าวแล้ว ฝ่าาก็ทรงอภัยให้สกุลฮั่วแล้ว เ้าลองดูสิว่า... ”
ฮองเฮาจงใจเหลือบมองไปยังชีพจรบนข้อพระหัตถ์ของพระองค์
อ้อ ที่แท้ก็้าให้ซูจิ่นซีมาถอนพิษนี่เอง?
ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าเหล่าหมอหลวงของสำนักหมอหลวงไม่มีความสามารถจึงตรวจไม่พบหรอกทว่าเดิมทีบนพระวรกายของฮองเฮาก็ไม่ได้ถูกพิษอยู่แล้ว
ตอนอยู่ที่ประตูเจิ้นเป่ยนั้น เพื่อที่จะช่วยสกุลฮั่ว ซูจิ่นซีจึงจงใจกล่าวเท็จให้ฮองเฮาใกลัว
ทว่าฮองเฮาก็ร้ายกาจถึงเพียงนั้น ในเมื่อซูจิ่นซีมาหาถึงที่แล้ว หากไม่ดูแลฮองเฮาให้ดีซูจิ่นซีก็คงไม่สามารถจัดการกับความคิดอาฆาตภายในใจได้กระมัง?
“เพคะ! ”
มุมปากของซูจิ่นซีคว่ำเป็ตะขอ นางหลับตาลง แกล้งทำเป็ตรวจชีพจรบนข้อพระหัตถ์ของฮองเฮา
ซูจิ่นซีอยู่ในท่าเดิมเป็เวลานานโดยไม่พูดอันใด ในพระทัยของฮองเฮาจึงเกิดความรู้สึกกังวลและหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ “พระชายาโยวอ๋อง เป็อย่างไรบ้าง? ร้ายแรง...มากใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีลืมตาและพยักหน้า “ร้ายแรงมากเพคะอีกเพียงนิดเดียว พิษก็เกือบจะเข้ากระดูกแล้วเพคะ”
“หา? เป็ไปได้อย่างไรกัน? ”
ฮองเฮาตกพระทัยจนะโขึ้นมาจากพระที่นั่งในทันที “ทว่าข้าไม่รู้สึกถึงอาการของโรคเลยแม้แต่น้อย! ไม่รู้สึกว่าเจ็บป่วยที่ใดเลย”
ซูจิ่นซีจิบชาอย่างสงบแล้วส่ายศีรษะ “หากรอให้พระองค์รู้สึกก็สายเกินไปเสียแล้วถึงเวลานั้นเซียนต้าหลัวลงมาก็คงช่วยอันใดไม่ได้”
“แล้วจะทำอย่างไร? พระชายาโยวอ๋อง เ้าต้องมีวิธีใช่หรือไม่?เ้ารีบรักษาให้ข้าสิ! ”
“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยในเมื่อหม่อมฉันบอกว่าอีกเพียงนิดเดียวก็แสดงว่ายังสามารถรักษาได้ โชคดีที่พระองค์ขอให้หม่อมฉันมาพบแต่เนิ่นๆตอนนี้ยังไม่สายเกินไปเพคะ” พูดจบแล้วนางก็ขยิบตาให้ฮองเฮาอย่างซุกซนพลางส่งสัญญาณให้ฮองเฮาพักผ่อน ไม่ต้องกังวลและเชื่อใจนาง
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! ”
ภายในพระทัยของฮองเฮายังคงว้าวุ่น ทว่าก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว พระองค์ประทับอย่างใจลอยบนพระที่นั่ง
ทว่าเมื่อทอดพระเนตรซูจิ่นซีที่กำลังทานขนมและดื่มชาอยู่ตลอด โดยไม่กระทำการรักษาอันใดเลยพระองค์จึงตรัสถามขึ้นว่า “พระชายาโยวอ๋องเช่นนั้นเมื่อใดเ้าจะเริ่มรักษาให้ข้าเล่า? ้าสิ่งของอันใดข้าจะให้คนไปเตรียมให้”
ซูจิ่นซีทานขนมสองสามชิ้นอย่างไม่รีบร้อน ดื่มชาอีกสองถ้วย เมื่อทานจนอิ่มดื่มจนพอแล้วจึงกล่าวว่า “หม่อมฉัน้าอ่างน้ำที่สามารถจุดไฟด้านล่างได้ และยัง้าสมุนไพรอีกสองสามชนิดหม่อมฉันจะเขียนเทียบยาให้ รบกวนพระองค์ส่งคนไปที่สำนักหมอหลวง เพื่อให้หมอหลวงอวิ๋นจัดการหาให้เพคะ”
“ได้ ดีดีดี! ”
ฮองเฮารีบสั่งคนให้นำพู่กันและหมึกมาให้พร้อมทั้งยังสั่งให้คนไปเตรียมอ่างน้ำ
ซูจิ่นซีเขียนเทียบยาเสร็จอย่างรวดเร็ว นางยื่นให้กับนางกำนัลในราชสำนักที่ฮองเฮาเรียกตัวมาทั้งยังสั่งอีกว่า “จำไว้ ไปหาหมอหลวงอวิ๋นเท่านั้นผู้อื่นข้าไม่วางใจ”
“เพคะ พระชายา ข้าน้อยจำได้เพคะ”
ทว่าเมื่ออวิ๋นจิ่นเห็นเทียบยาของซูจิ่นซีแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น เขาเอ่ยถามนางกำนัลอย่างไม่แน่ใจว่า “เ้าแน่ใจหรือว่านี่เป็เทียบยาที่พระชายาโยวอ๋อง้าใช้กับพระวรกายของฮองเฮา? ”
“เ้าค่ะหมอหลวงอวิ๋นพระชายาโยวอ๋องยังกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าให้ข้ามาหาท่านเ้าค่ะ”
“ได้ รอสักครู่! ”
อวิ๋นจิ่นกล่าว เขาเดินไปยังห้องยาหลวงเพื่อหยิบยา ทว่าหลังจากที่หันกลับมาและจ้องมองไปยังเทียบยานั้นแล้วเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้