“พนันก็พนันสิ”
หลี่อวี้จือโพล่งขึ้นด้วยความโมโห ที่ปรึกษาซุนและคุณครูที่ปรึกษาของห้องสอง หลินซิ่วต่างตกตะลึง
คุณครูที่ปรึกษาที่จบการศึกษาสูง เหตุใดจึงมาโต้เถียงกับนักเรียนเพื่อพนันกันเช่นนี้ ยังมีความเป็ครูอยู่หรือเปล่า
ในความเป็จริง ภายหลังหลี่อวี้จือเริ่มรู้สึกเสียใจ แต่เธอพูดออกไปแล้ว ขึ้นหลังเสือแล้วไม่อาจลงได้ง่ายๆ
มีเพียงซูอินที่เผยยิ้มมุมปาก หากเป็ในยามปกติหลี่อวี้จือไม่มีทางรับคำเช่นนี้แน่ แต่ใครใช้ให้ซุนเจี้ยนมาชนเธอก่อน อีกทั้งยังถูกพูดจาต่อต้าน การถูกโจมตีจากภายในและภายนอกโดยไม่มีจุดบอด ตัวเธอในยามนี้โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
เมื่อก้าวผ่านสิ่งที่ยากที่สุดออกมาได้แล้ว เื่หลังจากนี้ก็สามารถจัดการง่ายขึ้น
“หากพนันกัน ก็ควรมีอะไรที่โชคดีสักหน่อย”
ซูอินหันไปมองหลี่อวี้จือ “ถ้าฉันแพ้ ฉันจะขอโทษสำหรับคำพูดไม่เหมาะสมที่พูดกับเธอเมื่อครู่ อีกทั้งจะออกไปจากห้องนี้ด้วยตนเอง”
ความรู้สึกเสียใจภายหลังของหลี่อวี้จือกลายเป็ความรู้สึกมุ่งมั่น ไม่ว่าจะเป็ครั้งแรกที่มอบเข็มกลัดให้ หรือครั้งต่อมาที่รับประทานอาหารร่วมกัน สองสามีภรรยาตระกูลหลิงก็ไม่เคยเอ่ยถึงซูอิน ท่าทีที่แสดงออกบ่งบอกอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้คะแนนของเธอตกฮวบ หากอยู่ที่ห้องนี้ต่อไป มีแต่จะดึงเกรดเฉลี่ยในการสอบเข้าโรงเรียนชั้นมัธยมปลายให้ต่ำลง
“จำคำพูดของตัวเองด้วยล่ะ”
“มีคนมองอยู่ตั้งเยอะ ฉันไม่มีทางผิดคำพูดแน่ แต่กลับกัน หากเธอแพ้ เมื่อครู่ที่พูดว่าร้ายและหยาบคาย เธอจะต้องขอโทษฉัน”
คนเป็ครูอย่างเธอน่ะหรือจะต้องขอโทษนักเรียน หลี่อวี้จือรับไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงคำอธิบายของสองสามีภรรยาตระกูลหลิง เธอก็วางใจ
“ตกลง”
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอเรียนเชิญที่ปรึกษาซุน คุณครูหลิน และเพื่อนนักเรียนทุกคนเป็พยานให้พวกเราด้วยนะคะ”
“นี่…ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
หลินซิ่วเป็คนเอาใจใส่เื่การสอนมาโดยตลอด น้อยนักที่จะเข้ามายุ่งกับความขัดแย้งเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะมองไปทางซูอิน เด็กโง่คนนี้ทำไมถึงไม่เข้าใจ นักเรียนปะทะกับครู เว้นเสียแต่ว่าครอบครัวจะมีอำนาจ หากเป็นักเรียนธรรมดาทั่วไปมีแต่จะเสียเปรียบ
สู้ไม่ได้อย่างแน่นอน!
ซูอินสังเกตเห็นสายตาของเธอ ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
อันที่จริงบนโลกนี้มีคุณครูอีกมากที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบในหน้าที่ และคุณครูหลินซิ่วก็เป็ครูท่านหนึ่งที่มีความรับผิดชอบมาก ในตอนแรกที่มีการแบ่งห้องเรียนของชั้นมัธยมต้น คนแรกที่จับฉลากคือหลี่อวี้จือ สุดท้ายเมื่อทุกคนเลือกกันหมดแล้ว จึงจะถึงคราวของหลินซิ่ว
และด้วยเหตุนั้น หลินซิ่วจึงเป็คุณครูที่ดูแลห้องสอง หลายปีมานี้คะแนนของนักเรียนไม่ต่างจากคะแนนห้องหนึ่งของหลี่อวี้จือเท่าไร
น่าเสียดายที่ผู้อุทิศตนให้กับการสอนเท่านั้นอย่างหลินซิ่ว เมื่อประเมินหลายๆ อย่างแล้ว เธอเทียบไม่ได้กับแขนที่ยาวย่อมเต้นระบำสวย[1]อย่างหลี่อวี้จือ
่เวลาแห่งการต่อสู้อย่างดุเดือด ซูอินเข้าใจเื่ต่างๆ มากขึ้น เมื่อหันมาอีกครั้ง หลี่อวี้จือซึ่งได้รับความสนใจได้เชิญให้ที่ปรึกษาซุนมาร่วมเป็พยานในครั้งนี้
แม้จะรู้สึกว่ามันเป็แค่เื่ไร้สาระ แต่เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของหลี่อวี้จือและผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ปรึกษาซุนก็เลือกที่จะตอบตกลง
บนโพเดียม หลี่อวี้จือยืนกอดอก มองซูอินด้วยสายตาดูถูกก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “หลักฐานล่ะ”
“รีบร้อนไปทำไม ใกล้แล้วละ”
ซูอินกลับมายังที่นั่งของตนเอง เธอส่งสายตาบอกให้สวีเหวินเหวินที่เป็กังวลสงบลง จากนั้นเปิดลิ้นชัก ล้วงเข้าไปในกระเป๋าหนังสือ เธอควบคุมทุกสิ่งอย่างมีสติ หยิบเทปออกมา
หน้าห้องมีเครื่องเล่นเทปสำหรับใช้ในวิชาภาษาอังกฤษ ซูอินหมุนปรับเสียงให้ดังที่สุด เมื่อใส่เทปลงไปแล้วก็กดปุ่มเล่น
“surprise~”
ท่องศัพท์ออกเสียงชัดเจนตามมาตรฐาน
สีหน้าของหลี่อวี้จือเริ่มทนไม่ไหว “นี่เป็ชั่วโมงคณิตศาสตร์ แต่เธอเปิดเทปภาษาอังกฤษ…”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เสียงเทปภาษาอังกฤษก็หายไป มีเสียงของอู๋อู๋ดังขึ้นแทน “เป็เธอ…ที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วน ถึงได้ตัดกระโปรงแบบนั้น เธอเองก็เสียใจเช่นกัน”
หากประโยคนี้ยังไม่ชัดเจนว่าคนที่ “ตัดกระโปรง” คือใคร ประโยคต่อไปก็จะทำให้ความจริงกระจ่างขึ้น
“แต่การที่เธอตั้งใจทำให้เมิ่งเมิ่งขายหน้าต่อหน้าเพื่อนใหม่ แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ”
เมื่อสี่วันก่อนในวันจันทร์ สถานที่แห่งนี้ทุกคนได้เห็นฉากกระโปรงหลุดกันถ้วนหน้า แม้จะผ่านไปสี่วันแล้ว แต่เนื่องจากเป็สิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ในระหว่างนี้ นักเรียนทั้งห้องจึงยังคงจำได้
ในเวลานั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล หลายคนคิดว่ามันเป็เพียงเื่บังเอิญ เพราะชุดนักเรียนถูกผลิตออกมาอย่างไม่ประณีต ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น
ในวันนี้เมื่อมีเทปเสียงมายืนยัน ทำให้ทุกคนรู้แจ้งทันที
นักเรียนทั้งห้องรวมไปถึงที่ปรึกษาซุนและคุณครูหลินซิ่วตกตะลึงเป็อย่างมาก
เป็ความตั้งใจจริงๆ หรือ แต่เด็กสาวที่ขายหน้าคือคนที่ลงมือ และได้รับผลกรรมของตนเองอย่างนั้นหรือ
เป็ไปได้ว่านี่อาจเป็ดั่งตำนานที่ถูกเล่าขานว่า เมื่อฟ้ากระจ่าง ความชั่วย่อมตอบแทนคนชั่ว ความดีย่อมตอบแทนคนดี
ที่ปรึกษาซุนยังไม่เท่าไร แต่นักเรียนคนอื่นๆ กลับชะงัก เพื่อนร่วมชั้นหลายคนรู้สึกไม่ประทับใจนักกับหลิงเมิ่ง แววตาของพวกเขามองซูอินด้วยความเห็นอกเห็นใจ เธอเกือบถูกหลอก ทั้งที่เป็เหยื่อ แต่กลับถูกประณาม แบบนี้มันไม่น่าสงสารไปหน่อยหรือ
หลี่อวี้จือที่ยืนอยู่บนโพเดียมตกตะลึง นี่…ไม่เหมือนกับที่เธอได้ยินมาเลย
ในห้องเรียนเงียบสนิท ซูอินมองหน้าที่คร่ำเครียดของหลี่อวี้จือ เธอกดปุ่มกรอกลับและเล่นซ้ำอีกสามครั้ง
“สี่รอบแล้ว ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม”
“นี่…นี่มันเป็ไปได้ยังไง”
ซูอินยิ้มบาง “ฟังจากน้ำเสียงเธอ เหมือนกับจะรู้อยู่แล้วสินะว่าเกิดอะไรขึ้น”
แววตาของหลี่อวี้จือตื่นตระหนก พร้อมเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่แข็งแกร่ง แต่จิตใจกลับขี้ขลาดตาขาว “นี่คือท่าทีที่สมควรพูดกับคนเป็ครูหรือ”
“ก่อนหน้านี้ฉันพูดชัดเจนแล้ว หากเป็ครูที่รับผิดชอบหน้าที่ของคนเป็ครูได้ดีเหมือนกับคุณครูหลิน ถึงจะควรค่าแก่การอาชีพที่มีเกียรติเช่นนี้”
หยุดไปครู่หนึ่ง สายตาของซูอินมองไปที่เข็มกลัดคริสตัลซึ่งติดอยู่บนหน้าอกของอีกฝ่ายก่อนจะพูดช้าๆ “แต่เธอ ไม่เหมาะสม!”
“เอาละ อินอิน ทำไมโต้เถียงคุณครูเช่นนี้ล่ะ เด็กดี ฟังคำพูดของลุงซุนนะ ใจเย็นๆ”
ที่ปรึกษาซุนที่มองอยู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเมตตาของผู้สูงอายุ แต่สายตากลับแฝงด้วยคำตักเตือนและไม่พอใจ
ซูอินเข้าใจว่าการกระทำของเธอในตอนนี้ หากจะพูดให้ดูเป็เื่ใหญ่ก็เท่ากับว่า เป็การท้าทายประเพณีจีนในการเคารพและให้คุณค่าครูบาอาจารย์มาอย่างยาวนานเป็เวลาหลายพันปี หากจะพูดให้ดูเป็เื่เล็ก ก็อาจทำให้คุณครูส่วนใหญ่ในโรงเรียนไม่สบายใจนักกับเื่นี้
ในด้านเหตุผล เธอควรปฏิบัติตามคำพูดของที่ปรึกษาซุน ปล่อยเื่นี้ไปโดยไม่ถือสา
แต่ในด้านความรู้สึก…ชาติก่อนเธอถูกหลี่อวี้จือคุกคามตั้งนาน ในชาตินี้ก็มาถูกเธอพูดให้ร้ายและตำหนิติเตียนอีก
พระเ้าให้โอกาสเธอกลับมาเกิดใหม่ ไม่ใช่เพื่อให้เธอมาทำตัวหดหู่ไร้ประโยชน์ สถานการณ์ที่แย่ที่สุดใช่ว่าเธอไม่ได้เรียนต่อหรือ แล้วเธอยังจะกลัวอะไรอีกล่ะ
ทันใดนั้นพันธนาการที่ถูกเรียกว่า “เหตุผล” ก็ถูกบีบให้จนมุม เธอหรี่ตา มุมปากเผยรอยยิ้มเ็า
“เป็เพราะหลี่อวี้จือพูดให้ร้ายหนูก่อน ตำหนิโดยไม่แยกแยะถูกผิด ข้ามเื่ที่จะต้องขอโทษในความผิดนี้กันไปก่อน ลองสลับกัน หากในตอนนี้หลี่อวี้จือเป็ฝ่ายชนะ เธอจะร้องขอให้เห็นใจหรือคะ พวกคุณจะโน้มน้าวไม่ให้เธอไม่โต้เถียง และยอมปล่อยหนูไปไหมคะ”
กล่าวจบเธอมองไปทางเพื่อนร่วมห้อง “ครูเป็คน นักเรียนอย่างพวกเราก็เป็คน ครูมีเกียรติในตนเอง แล้วนักเรียนอย่างพวกเราไม่มีเกียรติในตนเองหรือคะ ศักดิ์ศรี เกียรติของนักเรียนสามารถยอมให้ครูเหยียบย่ำได้ตามอำเภอใจหรือคะ”
สุดท้าย เธอมองไปทางหลี่อวี้จือ
“แพ้พนันแล้ว เหตุผลแบบนี้แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังรู้ เธอ จะขอโทษไหม”
อันที่จริงหลี่อวี้จือไม่ได้ใส่ใจหน้าที่ครูที่ปรึกษาประจำห้องสักเท่าไร ่สามปีที่ผ่านมาสำหรับชั้นมัธยมต้น เธอมักจะประจบสอพลอคนที่สูงส่ง และกดขี่ข่มเหงผู้ต้อยต่ำ ปฏิบัติต่อบรรดาผู้ปกครองของนักเรียนที่มีอำนาจด้วยสิทธิพิเศษมากมาย ปฏิบัติต่อครอบครัวที่ทำงานทั่วไปโดยปล่อยปละละเลย ตำหนิ และทารุณ
เนื่องจากใน่เวลาปกติผู้เป็ครูที่ปรึกษาใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้นักเรียนหลายคนไม่กล้าต่อต้าน
วันนี้เมื่อซูอินพูดมีเหตุผล จึงกระตุ้นความโกรธที่นักเรียนอดทนมาตลอดสามปีได้สำเร็จ ่อายุสิบห้าสิบหกปีถือเป็วัยต่อต้าน เมื่อมีผู้นำ ในที่สุดพวกเขาก็กล้าที่จะระบายออกมา
“ขอโทษ!”
ไม่รู้ว่าใคระโนำ คำเรียกร้องของพวกเขาโถมขึ้นมาราวกับคลื่นั์สึนามิ “ขอโทษ! ขอโทษ!”
เสียงที่ะโเพื่อ้าให้เธอ “ขอโทษ” ราวกับฝ่ามือที่ตบหน้าหลี่อวี้จือ แก้มสองข้างร้อนผ่าว เธอโกรธจนสามารถเจาะพื้นให้เป็ร่องหนีออกไปได้ ไม่ไหวแล้ว เธอยกมือปิดปาก ก่อนจะวิ่งออกจากห้องเรียน
-----------------------------------------------------------------------------
[1] แขนที่ยาวย่อมเต้นระบำสวย หมายถึง ผู้ที่มีคุณสมบัติดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปเสียหมด