ฉินหล่างเที่ยวเล่นอยู่ที่เมืองผิงเป็เวลาราวๆ หนึ่งสัปดาห์แล้ว
ใน่นี้เขาได้รับข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสาวน้อยคนนั้นมาไม่น้อย
อย่างเช่น เมื่อเธออายุครบหนึ่งเดือนก็ถูกส่งไปยังบ้านเกิด อยู่ในความดูแลของคุณปู่คุณย่า จนเมื่อขึ้นชั้นประถมศึกษาจึงได้กลับมาในตัวเมือง
นอกจากนั้น ใน่ที่ร้อนสุดของปี ่ที่ฝนตกหนักที่สุดของปี ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวเพียงใด เธอจะต้องหิ้วปิ่นโตไปส่งที่โรงพยาบาลโดยที่ลมฝนก็ไม่อาจหยุดยั้ง
และยิ่งไปกว่านั้น ่สัปดาห์นี้ตระกูลหลิงไม่ได้พาเธอออกไปร่วมรับประทานอาหารค่ำข้างนอกด้วยหลายต่อหลายครั้ง
เื่สุดท้ายคือการถูกใส่ร้ายในโรงเรียนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้
ฉินหล่างมิใช่คนหยาบกระด้าง พบเห็นผู้มีทำนองคลองธรรมมากมาย จึงเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี เด็กที่รับเลี้ยงกับเด็กที่เป็บุตรแท้ๆ ย่อมต่างกัน ถือเป็เื่ธรรมดา
ตระกูลหลิงปฏิบัติต่อบุตรสาวแท้ๆ ของตนเองดีกว่าถือเป็เื่ปกติ ทว่าเมื่อเชื่อมโยมเื่เลวร้ายต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าการลำเอียงในระดับนี้ไม่ปกติ
หลังจากตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ในที่สุดฉินหล่างก็มั่นใจว่า สิ่งที่เขาได้ยินบนรถโดยสารประจำทางนั้นเป็เื่จริง
เกือบไปแล้ว…เกือบจะกลายเป็การทำคุณบูชาโทษ สิ่งนี้ทำให้เขาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
หากมีความผิดพลาดก็จะต้องแก้ไข
เวลาไม่คอยท่า ฉินหล่างเริ่มทำการติดต่อทันที เพื่อดึงโควตาในการเข้าอบรมสำหรับอู๋อู๋คืน ส่วนเื่โครงการบริษัทของหลิงจื้อเฉิง ก็คงปล่อยไว้เช่นนั้น จะผ่านหรือไม่ถือเสียว่าขึ้นอยู่กับความสามารถของอีกฝ่าย เพราะอย่างไรเขาจะไม่ให้การดูแลพิเศษใดๆ อย่างแน่นอน
ดูๆ ไปแล้วฉินหล่างก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร เขาแค่ “ออกคำสั่ง” เพียงประโยคเดียวก็พอสำหรับสามีภรรยาตระกูลหลิง
พนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับเบื้องบนของพวกเขาหรือเปล่า มิเช่นนั้นเบื้องบนคงไม่แจ้งมาว่า ห้ามดูแลพวกเขาเป็อย่างดีเช่นนี้
เนื่องด้วยในวันนี้เป็วันหยุดสุดสัปดาห์ คนที่เกี่ยวข้องไม่ได้เข้างาน ในขณะนี้จึงยังไม่เกิดผลกระทบ
แสงแดดเจิดจ้าจากด้านนอก จึงคิดว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวย สองสามีภรรยาตระกูลหลิงพาบุตรสาวสุดที่รักไปพายเรือในสวนสาธารณะ และสั่งอาหารกลางวันที่ร้านอาหารตะวันตกที่เพิ่งเปิดใหม่
ตระกูลหลิงทั้งสามคนกำลังเตรียมออกไปข้างนอกโดยไม่รู้เลยว่า ก้อนเมฆปรากฏเหนือศีรษะ พ้นสุดสัปดาห์นี้ไปแล้ว พายุก็จะโหมกระหน่ำเข้ามา
การออกมาเที่ยวนอกบ้านในครั้งนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับซูอิน ก่อนออกมาอู๋อู๋ได้กำชับเธอให้เฝ้าบ้านดีๆ
หลิงเมิ่งยืนอยู่ตรงกลาง มือซ้ายและมือขวาจับมือของผู้เป็บิดามารดา ใน่เวลาที่บิดามารดามองไม่เห็น เธอมองไปทางซูอินด้วยความภาคภูมิใจ
“ค่ะ”
ซูอินเข้าใจความหมายของสองแม่ลูก แต่เธอไม่ใส่ใจสักนิด อีกทั้งยังมีความสุขมาก เธอพยักหน้าและตอบด้วยท่าทีราบเรียบ
ความรู้สึกต่อยหนักเท่าไรก็ไม่เกิดผลเช่นนี้…อู๋อู๋หันไปสบตาหลิงเมิ่ง ทั้งคู่ต่างเห็นความหดหู่ในแววตาของอีกฝ่าย
แน่นอนว่าซูอินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของทั้งคู่ เธอเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยออกไปอีกหนึ่งประโยค “เที่ยวให้สนุกนะคะ”
สองแม่ลูก : ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้น จะทำอย่างไรดี
เธอไม่สนว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร จากนั้นกลับเข้าห้องตัวเองและอ่านหนังสือในตอนเช้าเหมือนปกติ เธออ่านวิชาประวัติศาสตร์อยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปร้านชานม
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ตกลงกันไว้แล้วว่าเธอจะมาช่วยหลังอาหารกลางวันและหลังเลิกเรียน แต่วันจันทร์ตอนกลางวัน เธอรีบมาให้ทันเวลา แต่ยังไม่ทันจะลงมือทำงานก็ถูกพี่หงไล่กลับไป
“ใกล้สอบขึ้นชั้นมัธยมปลายแล้ว ่พักกลางวันจะต้องตั้งใจทบทวน มิเช่นนั้นตอนบ่ายจะไม่มีเรี่ยวแรงเรียน กลับไปเถอะ ไปนอนพักผ่อน”
ซูอินรับความหวังดีของพี่หง จึงมาที่ร้านแค่ตอนเลิกเรียน ตอนแรกคิดว่าค่าแรงคงจะถูกหักไปครึ่งหนึ่ง แต่ทุกเย็นเธอก็ยังคงได้รับค่าแรงสิบหยวนเหมือนเช่นเคย ไม่ลดลงเลยสักนิด
เธอเคยปฏิเสธไปแล้ว แต่ทุกครั้งก็ถูกพี่หงดันเงินกลับมา
“ฉันให้เธอก็รับไปเถอะ ในโลกนี้ใครกันที่ชอบให้เงินขาดแคลน มีคนชอบให้เงินเยอะๆ ทั้งนั้นแหละ เด็กโง่คนนี้”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้ พี่หงมองเธอด้วยแววตาดูแคลน ในตอนนี้ซูอินค้นพบว่าท่าทีอ่อนโยนดุจเบญจมาศนั้นเป็เพียงภาพลวงตา พี่หงเป็คนกระตือรือร้นมุ่งมั่น และเป็พี่สาวที่ไม่ใจแคบ
เธอได้รับการดูแลจากพี่สาวคนนี้เสียแล้ว…
โชคดีจริงๆ!
ได้มาใช้ชีวิตอีกครั้ง สิ่งที่ซูอินเข้าใจมากที่สุดคือการตอบแทนผู้มีพระคุณ คนที่ปฏิบัติดีต่อเธอ เธอจะต้องทดแทนบุญคุณ ในทางกลับกัน คนที่ปฏิบัติไม่ดีต่อเธอ ไม่จำเป็ต้องนำความหวังดีของตนไปแลกกับความอัปยศของคนไม่ดี
พี่หงคิดถึงเธอเสมอ ซูอินล้วนจดจำเอาไว้ในใจ เธอเป็เพียงนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถพิเศษ แค่เป็คนทำอะไรคล่องแคล่วว่องไว
ดังนั้นเมื่ออ่านหนังสือตอนเช้าเสร็จ เธอก็รีบเดินทางมาที่นี่
ในตอนที่มาถึง พี่หงเพิ่งจะเปิดประตู ความร้อนที่สะสมมาชั่วข้ามคืนยังไม่หมดไป ในร้านยังคงร้อนอบอ้าว
พี่หงยืนอยู่หน้าประตูร้าน ในมือถือพัดขึ้นมาพัดไม่หยุด เธอสวมกี่เพ้าเข้ากับหุ่นอวบอิ่มมีน้ำมีนวลแต่ไม่อ้วน สวยไม่แพ้หญิงสาวที่เดินอยู่ในภาพยนตร์จีน
ซูอินมองเหม่อไปชั่วขณะ
“ทำไมมาเร็วนักล่ะ”
น้ำเสียงของพี่หงดึงเธอออกมาจากภวังค์ ซูอินก้มศีรษะด้วยท่าทีเขินอาย เมื่อเห็นหน้าอกแบนราบของตนเอง ในสมองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงร่างอวบอิ่มเมื่อครู่
คนเราชอบเปรียบเทียบตนเองกับใครต่อใคร…
“อืม วันนี้เป็วันหยุด อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ มาช่วยงานที่นี่ดีกว่าค่ะ”
เธอเงยหน้า มองพี่หงด้วยความอิจฉา “วันนี้คุณสวยมากเลยค่ะ”
คำชมที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้อวี๋อ้ายหงอดยิ้มไม่ได้ งดงามราวกับดอกโบตั๋นในเทศกาลดอกโบตั๋นแห่งนครลั่วหยาง
“แม่เด็กคนนี้”
“มาแล้วก็ดี วันนี้ฉันมีธุระนิดหน่อย เธอรับผิดชอบดูแลร้านที หากตอนกลางวันหิวก็ไปสั่งอาหารมาไว้สักสองอย่าง เข้าบัญชีของฉัน”
“ค่ะ” ซูอินพยักหน้าด้วยท่าทีเหม่อ
อวี๋อ้ายหงเข้าไปหยิบกระเป๋าในร้าน ก่อนไปก็อดไม่ได้ที่จะกำชับอีกครั้ง “ในร้านไม่ยุ่งอะไร ถ้ามีเวลาก็อ่านหนังสือเยอะๆ”
คำพูดคุ้นเคยของพี่หงที่เธอรู้จัก
สุดท้ายซูอินจึงดึงสติกลับมา เธอมองสตรีเบื้องหน้าที่มากด้วยเสน่ห์ ทันใดนั้นก็หายประหม่า คิ้วโค้งพร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจ
“ค่ะ หนูเอาหนังสือมาด้วย หากเก็บของเสร็จ หนูจะทบทวนหนังสือค่ะ พี่หงมีนัดตอนกี่โมงคะ”
มีนัดหรือ
อวี๋อ้ายหงชะงัก แววตาเธอเผยความสับสน แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร เธอยกกระเป๋าก่อนจะเร่งฝีเท้าจากไป เมื่อมองจากเื้ัเห็นถึงความกล้าหาญดั่งเช่น “ลมโชยชายฝั่งแม่น้ำอี้จนรู้สึกหนาวเหน็บ” อย่างไรอย่างนั้น
ซูอินหลับตา เมื่อลืมตาอีกครั้งก็พบว่าพี่หงขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว เห็นเพียงด้านหลังศีรษะของเธอผ่านกระจกด้านหลังรถ
คงเป็เพราะเธอคิดมากไป
เมื่อสลัดความคิดที่อธิบายไม่ได้ออกไป เธอก็ทิ้งกระเป๋าหนังสือลงบนโซฟาด้านหลังเคาน์เตอร์ สวมผ้ากันเปื้อนแล้วเริ่มทำความสะอาด ด้านหลังมีสุนัขปอมเมอเรเนียนที่มีชีวิตชีวาคอยเดินตาม
เมื่อคืนก่อนเธอทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว เครื่องมือทุกอย่างผ่านการฆ่าเชื้อเรียบร้อย พร้อมใช้งาน ซูอินทำความสะอาดเสร็จอย่างรวดเร็ว นำป้าย “อยู่ในระหว่างพัก” ขึ้นมาแขวน จากนั้นอุ้มหรงหรงมานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าร้าน เปิดพัดลมและเริ่มอ่านหนังสือ
ฉินหล่างตื่นแต่เช้า เขาวิ่งรอบๆ ที่พักเป็ระยะทางประมาณห้ากิโลเมตรตามความเคยชิน จากนั้นกลับไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายที่ห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมารับประทานอาหารเช้า
ที่พักอยู่ใกล้ตัวเมือง รอบๆ มีร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะทำอะไรก็สะดวกสบาย
ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะอยู่นานนัก จึงใส่แค่เสื้อยืดลายพรางมา หลายวันเข้าก็ไม่สามารถสวมชุดนั้นต่อ ฉินหล่างจึงซื้อเสื้อผ้าเพิ่มอีกสองชุด เสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์เรียบง่าย เพื่อความสะดวกมากขึ้น
เมื่อออกมาจากที่พัก เดินมาด้านหน้าเพียงสองก้าวก็ถึงถนน เพิ่งจะเลยแปดโมงเช้ามาไม่นาน ร้านค้าสองข้างทางเริ่มเปิดแล้ว ฉินหล่างกวาดสายตามอง เขารู้สึกว่าถนนในวันนี้ค่อนข้างแตกต่างจากทุกวัน
เขาเคยผ่านการฝึกฝนพิเศษ จึงรับรู้ได้เร็วถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
ไม่นานเขาก็พบสิ่งผิดปกติ ร้านตรงหัวมุมที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก บนเก้าอี้เอนกายหน้าร้านซึ่งมีหญิงวัยกลางคนเป็เ้าของ วันนี้กลับถูกแทนที่ด้วยเด็กสาวรูปร่างเพรียวบาง
สาวน้อยคนนั้นสวมเดรสผ้าฝ้ายแขนกุดสีฟ้าอ่อน เผยให้เห็นแขนบางขาวผ่อง ในอ้อมแขนอุ้มเ้าสุนัขตัวน้อย ผมสีดำรวบมัดไว้ด้านหลัง เห็นแล้วสดชื่นราวกับกำลังฝึกภาคสนามอยู่ในป่า มีดอกลิลลี่ป่าบานสะพรั่งอยู่กลางหุบเขาในยามรุ่งอรุณ
เธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ เพราะกำลังก้มทำให้เห็นหน้าเธอไม่ชัด
สุนัขตัวน้อยในอ้อมแขนส่งเสียงดัง ทำให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมา ในที่สุดฉินหล่างก็ได้เห็นหน้าเธออย่างชัดเจน
เป็เธอนั่นเอง!