“มู่เฟิง เ้าคิดจะทำอะไร ไสหัวลงมาได้แล้ว!”
“ถูกต้อง เ้าจะทำให้สำนักศึกษาเทียนอวิ๋นของเราต้องอับอายขายหน้าหรือ ลงมา!”
“ไสหัวลงมาได้แล้ว! ลงมา!”
บัณฑิตของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นต่างก็ร้องะโใส่มู่เฟิงทันที
ในบรรดาคนเ่าั้ส่วนใหญ่เป็คนของจวนเป่ยอ๋องและศิษย์จากตระกูลซั่งกวาน
“มู่เฟิง เ้าเป็เพียงศิษย์สายนอก มีคุณสมบัติอะไรมาเป็ตัวแทนของยอดฝีมือที่ถูกจัดอันดับ ไสหัวลงมา อย่าทำให้สำนักศึกษาเทียนอวิ่นของเราต้องขายหน้า”
กลุ่มคนของหนานหลิงจากจวนเป่ยอ๋องะโพูดจาเสียดสีมู่เฟิงเสียงดัง
“ข้าออกมาเป็ตัวแทนของพี่สาวข้า มันเกี่ยวอันใดกับพวกเ้ากัน?”
มู่เฟิงมองไปทางกลุ่มคนของหนานหลิงก่อนจะตอกกลับอย่างเ็า
“หึ หากว่าเ้าแพ้ ยิ่งจะทำให้สำนักศึกษาเทียนอวิ่นของพวกเราขายหน้าอย่างไรเล่า”
หนานหลิงกล่าวอย่างเ็า
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่ หากว่าข้าแพ้ ข้าจะมอบหนึ่งหมื่นคะแนนแก่ให้เ้า แต่หากข้าชนะ เ้าต้องมอบหนึ่งหมื่นคะแนนแก่ให้ข้า แบบนี้เป็อย่างไร?”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นขณะที่สายตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเ็า
“หนึ่งหมื่นคะแนน!”
“ช่างอวดดีเสียงจริง คิดไม่ถึงว่ามู่เฟิงจะมีความมั่นใจมากถึงเพียงนี้?”
“หมอนั่นมีคะแนนมากเสียจนใช้ไม่หมดเลยหรืออย่างไร?”
เสียงฮือฮาบังเกิดขึ้นในกลุ่มบัณฑิตของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นทันที พวกเขาต่างก็ใกับความมั่นใจของมู่เฟิง
“ว่าอย่างไรหนานหลิง เ้ากล้าพนันหรือไม่?”
มู่เฟิงถามอย่างเย้ยหยัน
สีหน้าของหนานหลิงพลันมืดครึ้มลงเล็กน้อย เหตุใดเ้าเดรัจฉานนี่ถึงได้มีความมั่นใจมากนัก หรือว่าเขาจะสามารถเอาชนะจางเจี้ยนซึ่งมีวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสามได้จริง?
ไม่มีทาง! เป็ไปไม่ได้ แม้ว่าเ้าเด็กนี่จะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ครุ่นคิดจากการต่อสู้ระหว่างพวกเขาครั้งล่าสุด อีกฝ่ายไม่มีทางเอาชนะจางเจี้ยนได้แน่
หนานหลิงครุ่นคิดกับตัวเอง ทุกคนกำลังจับจ้องมาทางเขา หากว่าเขาไม่ตอบตกลง เช่นนั้นก็หมายความว่าหนานหลิงผู้นี้ไม่มีความมั่นใจในคำพูดของตัวเอง
“ตกลง! ในเมื่อเ้าคิดจะมอบคะแนนหนึ่งหมื่นคะแนนให้แก่ข้าเอง เหตุใดข้าจะไม่เดิมพันเล่า”
หนานหลิงยิ้มเยาะ
“เว่ยอี้อวิ๋น เ้าเด็กนั่นเป็ใครกัน? ดูจากสัญลักษณ์บนเสื้อของเขาแล้ว เหมือนว่าจะเป็เพียงบัณฑิตใหม่เท่านั้น”
ชายหนุ่มที่กำลังเปลือยกายท่อนบนผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถูกต้องแล้ว เขาเป็บัณฑิตใหม่”
เว่ยอี้อวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ฮ่าๆ พวกเ้ากล้าปล่อยบัณฑิตใหม่ขึ้นสังเวียนแบบนี้ ข้าว่าสำนักศึกษาของพวกเ้าคงจะไม่มีคนเหลือแล้วสินะ”
ชายหนุ่มที่เปลือยกายท่อนบนกล่าวอย่างเย้ยหยัน
คำพูดนี้ทำให้เว่ยอี้อวิ๋นถึงกับคิ้วกระตุก แต่เขาไม่ได้ตอบกลับอะไร
“นั่นน่ะสิ เ้าเด็กนั่นจะเข้ามาวุ่นวายอะไร ไม่ใช่ว่าเขากำลังทำให้พวกเราขายหน้าหรอกหรือ?”
ทางด้านโจวเหวินเฉวียนเองก็ค่อนข้างไม่พอใจในเื่นี้เช่นกัน
ในบรรดากลุ่มคนทั้งหมดนี้ มีเพียงมู่หลิงเอ๋อร์เท่านั้นที่ไม่มีร่องรอยของความกังวลปรากฏให้เห็นในสายตา นางเฝ้ามองมู่เฟิงเติบโตมาั้แ่เขายังเด็ก ดังนั้นนางรู้จักมู่เฟิงเป็อย่างดี
“เฮ้ๆ เ้าหนู ศิษย์ในสำนักศึกษาของเ้าบอกให้เ้าไสหัวลงไป เห็นแบบนี้ดูท่าเ้าคงจะแพ้ั้แ่เริ่มแล้ว!”
จางเจี้ยนหัวเราะเยาะ
“ผู้แข็งแกร่งไม่ได้สู้กันด้วยปาก ว่าแต่ความแข็งแกร่งของเ้ามันจะร้ายกาจเหมือนปากของเ้าหรือเปล่า?”
มู่เฟิงยิ้มเยาะ คำพูดเมื่อครู่ของเขาคมกริบราวกับใบมีด
“เ้า…”
จางเจี้ยนเดือดดาลขึ้นมาทันที แต่หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาพลางกล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าจะดูว่าเ้ามีคุณสมบัติเพียงใด ภายในห้ากระบวนท่าเ้าได้ตายแน่!”
พรึ่บ...!
กล่าวจบจางเจี้ยนก็ดีดฝ่าเท้าทะยานร่างออกไปทันที พลังกังหยวนปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา ส่งให้ร่างของเขาพุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู ในขณะเดียวกันเขาก็ปล่อยหมัดที่ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังกังหยวนอันแข็งแกร่งออกมาพร้อมกัน มันทะลวงผ่านอากาศตรงเข้าไปที่ใบหน้าของมู่เฟิง
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน จากนั้นเขาก็ปล่อยหมัดออกมาเช่นกัน โดยที่หมัดนี้ของเขาถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังกังชี่สีโลหิต
เปรี้ยง...!
เมื่อหมัดทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันก็เกิดระลอกของคลื่นพลังสะท้อนกลับในอากาศทันที ทำให้เสื้อผ้าของคนทั้งสองโบกสะบัดไปตามแรงลม มู่เฟิงต้องถอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะจางเจี้ยนยังคงปล่อยหมัดพลังกังหยวนออกมาโจมตีมู่เฟิงไม่หยุด
“เ้านั่น นึกไม่ถึงว่าเขาจะทะลวงขึ้นสู่ระดับหนิงกังแล้ว แต่ถึงจะเป็อย่างนั้นเขาก็ยังไม่ใช้คู่ต่อสู้ของจางเจี้ยนอยู่ดี”
“พลังกังชี่สีโลหิตพบเห็นได้ยากมาก ข้าไม่เคยเห็นพลังกังชี่ชนิดนี้มาก่อนเลย”
เมื่อฝูงชนเห็นพลังที่มู่เฟิงะเิออกมาก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวของมู่เฟิงนั้นว่องไวมาก ยิ่งรวมเข้ากับก้าวปทุมเพลิงด้วยแล้วความเร็วของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ทุกครั้งที่หมัดของจางเจี้ยนกำลังจะโดนตัวมู่เฟิง เขาก็จะสามารถหลบหลีกมันได้อย่างหวุดหวิด การเคลื่อนไหวของมู่เฟิงนั้นราวกับใบไม้แห้งที่ปลิวไปตามแรงลม ทำให้โจมตีได้ยากเป็อย่างมาก
“ให้ตายเถอะ เ้าเด็กเวรนี่ช่างว่องไวเสียจริง”
จางเจี้ยนโมโหมาก เขาจึงกล่าวประชดประชันเด็กหนุ่มว่า “เ้าหนู เ้าทำได้เพียงหลบหลีกอย่างนั้นรึ?”
“แม้แต่โจมตีข้าเ้ายังทำไม่ได้ ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ? ข้าไม่เคยพบเจอคนหน้าด้านเช่นเ้ามาก่อนเลย”
มู่เฟิงตอกกลับอย่างดูแคลน
“เ้า!"
จางเจี้ยนเดือดจัด พลังกังหยวนสีเหลืองภายในร่างของเขาเดือดพล่านขึ้นทันใด หมัดทั้งสองของเขาะเิพลังอันน่าสะพรึงออกมา ชายหนุ่มระดมหมัดเข้าใส่มู่เฟิงอย่างต่อเนื่องทันที
มู่เฟิงถูกบีบให้ต้องถอยออกไปไม่หยุดเช่นกัน กระทั่งเขาถอยไปประชิดถึงขอบเวที
มุมปากของจางเจี้ยนโค้งขึ้น เขาตวาดอย่างเ็าว่า “ไสหัวลงไปเสีย หมัดราชสีห์คำราม!”
โฮก…!
เสียงราชสีห์คำรามพลันดังขึ้น พร้อมกับร่างของราชสีห์ที่พุ่งทะยานไปทางมู่เฟิง มู่เฟิงถอยออกไปจนประชิดถึงขอบเวทีทำให้ไม่มีทางหลบได้อีก
“เขาแพ้แน่แล้ว!”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา
แต่ทันใดนั้นมู่เฟิงก็กระโจนร่างขึ้นไปในอากาศในสูงกว่าสิบเมตร และสามารถหลบหมัดของจางเจี้ยนได้อย่างง่ายดาย
ปัง…!
พลังหมัดจึงกระแทกลงไปในทะเลสาบแทน จนก่อให้เกิดคลื่นที่มีความสูงเกือบยี่สิบเมตร
“ในเมื่อข้ารู้แล้วว่าเ้าใช้วิธีนี้ในการหลบ เช่นนั้นข้าจะดูว่าคราวนี้เ้าจะหลบต่ออย่างไร กำปั้นราชสีห์คำราม!”
จางเจี้ยนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับวิธีการของมู่เฟิง เขาเพียงกล่าวอย่างเย้ยหยันก่อนจะปล่อยหมัดไปทางมู่เฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ในความคิดของเขา เมื่อมู่เฟิงอยู่กลางอากาศอีกฝ่ายย่อมไม่สามารถหลบได้อีก เขาจึงโจมตีออกไปโดยตรง
แต่ในความเป็จริงจะเป็เช่นนั้นแน่หรือ?
ก้าวปทุมเพลิง!
มู่เฟิงดีดฝ่าเท้า คลื่นเปลวเพลิงพลันปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา ทำให้ร่างของมู่เฟิงทะยานตัวออกไปกลางอากาศซึ่งไกลจากตำแหน่งเดิมมากกว่าสิบเมตร ก่อนที่เขาจะร่อนตัวลงบนแท่นสังเวียนอีกครั้ง
ภาพนี้ทำให้บัณฑิตหลายคนรู้สึกประหลาดใจ
“นี่เขาฝึกฝนก้าวปทุมเพลิงจนบรรลุถึงระดับสัมฤทธิ์แล้วรึ”
ในบบรรดาศิษย์สายในมีบางคนรู้จักวิชาที่มู่เฟิงใช้ พวกเขาจึงกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
หลังจากมู่เฟิงร่อนตัวลงมาแล้ว พลังสายฟ้าที่อยู่ภายในร่างของเขาก็หลั่งไหลไปตามเส้นลมปราณอย่างรวดเร็ว
‘อัสนีบาตย่ำแปดทิศ!’
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามก้องในใจก่อนจะก้าวเท้าออกไปสี่ก้าว ทันใดนั้นพลังปราณภายในร่างของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นจากเดิมถึงสี่เท่า จากนั้นเขาก็ปล่อยหมัดไปทางจางเจี้ยนอย่างดุดันทันที
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
เมื่อเขาปล่อยหมัดออกมา หมัดเปลวเพลิงที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังสายฟ้าก็ซัดไปทางร่างของจางเจี้ยนอย่างน่าพรั่นพรึง
“แย่แล้ว การโจมตีนี้มัน...”
สีหน้าของจางเจี้ยนเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบยกแขนขึ้นไขว้กันพร้อมกับสร้างเกราะพลังกังหยวนออกมาปกป้องร่างกาย
“ทำลายมันให้ข้า!”
มู่เฟิงคำรามออกมาอย่างดุดัน ก่อนจะต่อยลงไปบนเกราะป้องกันของจางเจี้ยนโดยตรง
เปรี้ยง...!
เมื่อหมัดของมู่เฟิงปะทะเข้ากับเกราะป้องกัน พลังเปลวเพลิงและสายฟ้าก็ะเิออกมา เกราะป้องกันพลังกังหยวนพลันแตกเป็เสี่ยงๆ ในทันที จากนั้นมู่เฟิงก็ใช้ก้าวปทุมเพลิงทะยานร่างออกไปเบื้องหน้า และต่อยไปที่ทรวงอกของจางเจี้ยนอย่างแรงอีกครั้ง
ปัง...!
จางเจี้ยนพ่นเืออกมาเต็มปาก เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นภายใน ก่อนที่ร่างของเขาจะถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง
แต่มู่เฟิงไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เขาใช้ดรรชนีนิ้วแทนกระบี่จ้วงแทงออกไปที่หัวไหล่ของจางเจี้ยนโดยตรง จางเจี้ยนกรีดร้องโหยหวน จากนั้นมู่เฟิงก็ยื่นมือออกมาคว้าศีรษะของอีกฝ่ายและกดลงพร้อมกับแทงเข่าขึ้นอย่างแรง
พลั่ก…!
“อ๊าก…!”
เข่าของมู่เฟิงกระแทกเข้าที่จมูกของจางเจี้ยน มู่เฟิงยังคงลงมือทุบตีจางเจี้ยนต่อไม่หยุด เสียงกรีดร้องของจางเจี้ยนดังก้องไปทั่วแท่นเวที ทำให้ฝูงชนที่กำลังเฝ้าชมอยู่ต่างก็ตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น
“นี่มัน เื่จริงหรือ?”